กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่เขียนขึ้นมา
และตั้งใจอยากจะเขียนอยากจะแชร์ความสำเร็จนี้ให้น้องๆทุกคนที่มีความฝันอยากเรียนต่อให้จบสูงๆ แต่กำลังเจอปัญหาแบบเออเอาไงต่อดีวะ เลยอยากลองเขียนขึ้นมาว่ากว่าเราจะอยู่จุดนี้ได้มันก็มีปัญหาเหมือนกันทุกคนและเชื่อว่าหลายคนที่เขาประสพความสำเร็จนั่นก็ผ่านความลำบากมาเหมือนกัน
เราจะเริ่มตั้งแต่เราเรียนประถมเลยเนาะ
ฐานะทางการเงินที่บ้านเรายากจนเลยก็ว่าได้ อยากกินอะไรอร่อยๆก็ไม่ค่อยได้ทานกับเขามากหรอก เรียนโรงเรียนเล็กๆที่บ้าน มาจนถึง ป.6 เหตุการณ์ที่ทำให้เราเกือบไม่ได้เรียนต่อก็ตอนจบ ป.6 นี้แหละ พ่อบอกเราว่าพ่อส่งเราเรียนต่อไม่ไหว แล้วบอกให้เราเรียน กศน เอา แต่เราไม่ยอมเพราะเราบอกพ่อว่าจะช่วยทำงานที่บ้านทุกอย่าง (บ้านเราเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า) และตอนนั้นที่โรงเรียนที่เราจะเข้าต่อเป็นโรงเรียนของในหลวงซึ่งมีข้าวฟรีไม่เสียค่าเทอมแต่ต้องสอบเข้า เราจึงขอพ่อว่าถ้าสอบไม่ติดเราจะยอมเรียน กศน แต่โชคคงเข้าข้างแหละเขาเปิดแค่ 2 ห้อง ซึ่งเราติดห้อง 2 ลำดับเกือบท้ายๆแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้นดีใจมาก ก็เรียนและช่วยพ่อทำงานที่ร้านมาเรื่อยๆ
ตอนนั้นเราน่าจะอยู่ประมาณ ม.2 แหละ พ่อกับแม่แยกทางกัน ซึ่งท่านแยกทางกันแบบจบไม่สวยและทิ้งหนี้ไว้ให้พวกเราด้วย พ่อจึงตัดสินใจขนขอกลับบ้าน แต่ด้วยที่เรากับน้องต่างก็เรียนอยู่พ่อจึงตัดสินใจออกมาหบ้านเช่าในอำเภออีกครั้ง แต่โคตรลำบากๆจริงๆ ห้องเช่ามีห้องเดียวและห้องน้ำต้องไปขอเข้ากับของเจ้าของบ้านเวลาฝนตกต้องรีบเอาผ้าไปปังผ้าห่มไว้เพราะถ้ามันเปียกพวกเราก็ไม่มีที่นอน แม้แต่กินข้าวพวกเรากินได้แค่ไก่ ไม่ใช่ไก่ที่มีเนื้อนะ แต่เป็นโครงไก่ ถ้าวันไหนได้กินพวกหมู พวกปลานี้คือจะดีใจกันมาก ด้วยความที่ไม่ค่อยมีเงินกันอยู่แล้วพอเราเรียนใกล้จบ ม.3 มันก็ต้องต่อ ม.4 เหตุผลเดิมๆของพ่อบอกอีกละว่า ไม่ต้องเรียนต่อแล้วออกมาช่วยกันทำงานเถอะ พ่อส่งไม่ไหว แล้วยิ่งกว่านั้นพ่อบอกว่าถ้าเราดันทุรันเรียนต่อพ่อจะเก็บของกลับบ้านและดูสิว่าเราจะมีปัญญาเรียนไหม เราไม่ฟังเหตุผลพ่อหรอกตอนนั้นแอบสมัครเรียน แอบไปสอบเองหมดแม้กระทั้งชุดนักเรียนเรายังแอบไปซื้อเองเลย
จนเปิดเทอมเราก็ไปเรียนไม่สนหรอกว่าพ่อจะว่ายังไงคิดแค่ว่าส่งตัวเองเรียนก็ได้เหนื่อยก็ทนเอา ก็เราอยากเรียนถึงเกรดเราไม่ได้เยอะอะไรมากมาย จนเรียนมาถึง ม.6 แน่นอนว่าทุกคนเริ่มหาที่ที่ตัวเองอยากเรียน เราก็โคตรเครียดเหมือนกันแหละเพราะยังไงพ่อก็ไม่ให้เรียนต่ออยู่แล้ว ตอนนั้นหร๋อตอนแรกเราอยากเรียนพวกหมอ พยาบาลแต่ดูเกรดตัวเองละไม่น่ารอด ก็เลยเปลี่ยนมาเรียนที่เรามีพื้นฐานอยู่แล้วนั่นคือ เราเย็บผ้าเป็น และน่าจะเรียนที่มันมาต่อยอดที่ร้านเราได้ ตอนนั้นเราเลยหาข้อมูลที่จะเรียนหลายๆที่แต่พวกเรียนดีไซน์ออกแบบเสื้อผ้ามันจะเป็นพวกเอกชนและค่าเทอมก็โคตรแพงบวกกับเงินเก็บที่เรามีไม่พอค่าลงทะเบียนเรียนแน่นอน เราจึงมุ่งหามหาลัยที่เป็นของรัฐบาล
จนเจอมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เราจึงตัดสินใจยื่นใบสมัครแต่เราตัดสินใจช้าเพราะก่อนหน้านั่นมีสอบชิงทุนเรียนไปก่อนแล้วเราจึงเป็นแค่การยื่นมสมัครสอบปกติ โดยการไปสอบนั่นมันต้องขึ้นไปสอบที่กรุงเทพ แต่เราอยู่เชียงราย และไม่เคยนั่งรถขึ้นไปที่กรุงเทพเลยมันจึงเป็นครั้งแรก ถามว่ากลัวไหมกลัวดิ แต่มันก็ต้องกล้า โชคดีที่มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเรียนอยู่ที่น่นพอดีและขอไปพักกับพี่เขาจนสอบเสร็จก็ไปสอบทุกอย่างผ่านหมดเหลือแต่การประกาศผล ปรากฏว่าติดแต่ไม่กรี๊ดดีใจไม่ได้แอบดีใจอยู่คนเดียว และเล่าให้เพื่อนฟัง
พอติดสิ่งที่คิดคือเงินลงทะเบียนตอนนั้นน่าจะประมาณ 7000 กว่าบาทจำไม่ได้แล้ว แต่โอเคเงินที่เก็บมาตลอดพออยู่ จนเราตัดสินใจเข้าไปลงทะเบียนเรียนเพื่อยืนยันสิทธิ์พ่อไม่ยอมให้เราไปหรอกแต่มีหร๋อตอนนั้นยอมรับว่าอยากกเรียนมากกว่าจะสอบติดคือกูทิ้งโอกาสนี้ไม่ได้โว้ย ศึกษาว่าจะต้องเช่าหอเดือนเท่าไหร่ ต้องทำงานยังไง หาที่ทำงานเตรียมพร้อมวางแผนทุกอย่าง พอลงทะเบียนเสร็จก็ต้องไปเจอรุ่นพี่ที่คณะพี่บอกอีกหนึ่งอาทิตย์เจอกันน้องๆ เอ้าตายแน่ทำไมมันเรียนปรับเร็วแบบนี้ คือแผนที่วางไว้เงินก้อนสุดท้ายหมดกับการลงทะเบียนแล้วละจะทำไงต่อ ตอนนั้นยอมรับว่าเครียดมากคิดไรไม่ออก เพราะพ่อก็มีไม่ไหวส่งให้เราอยู่แล้วแน่ๆ นอนร้องไห้ทุกคื่นแหละตอนนั้นจำได้ดีเลย
จนตัดสินใจจะทำเรื่องดรอปแต่ทางมหาลัยบอกว่าต้องเข้ามาเรียนก่อน 1 เทอม เราก็เลยเอาวะตายเอาดาบหน้าตอนนั้นจำได้ดีเลยพอหักเงินค่าตั๋วรถแล้วเหลือเงินไปแค่ไม่ถึงพัน คิดว่าตัวเองจะรอดไหมสุดท้ายเราต้องทิ้งความฝันความพยายามตรงนั้นไปเพราะวันนั้นถ้าเราไปเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะเป็นยังไง เราสียใจมากนะ เสียใจจนแบบไม่ยอมกินข้าวร่วมกับพ่อเลย ไม่คุยกับเลยน่าจะเกือบๆสามเดือนเลยแหละ เราก็พยายามปลอบตัวเองตลอดว่าเออดรอปเพื่อหาเงินให้มันเยอะกว่านี้แล้วเราค่อยไปสอบใหม่ ถ้าเราเคยสอบติดยังไงถ้าไปสอบอีกครั้งมันก็ต้องติดดิวะ เราจึงหยุดเรียนไป 1 ปีเต็มๆ ตั้งหน้าทำงานเก็บเงินอย่างเดียว จนถึงเวลาเริ่มสอบใหม่ทีแรกเราก็คิดว่าเออขอลองไปสอบอีกทีดีไหม แต่ถ้าไปเราก็ต้องไปหางานและเสียค่าใช้จ่ายๆต่างๆอีกเยอะมาก จนเราตัดสินใจเรียน เสาร์-อาทิตย์ ที่ใกล้บ้านดีกว่า ค่าใช้จ่าย ค่าเทอม ก็พอหาได้
เราจึงเรียนที่นี่มาจนถึงตอนนี้เราเรียนปี 4 แล้ว เทอมสุดท้ายเเล้วด้วย แต่เราเชื่อว่าหลายๆคนและบางคนที่ลำบอกกว่าเรามีอีกเยอะ ถ้าเวลาท้อเหนื่อยๆมากสิ่งเดียวที่ทำให้เราสู้คือ เราไม่มองคนที่เขามีโอกาสมากกว่าแต่เราเลือกมองคนที่เขามีโอกาสน้อยกว่าเราเพราะมันทำให้เราคิดว่าอย่างน้อยเรายังโชคดีกว่าพวกเขาหลายเท่านั่น น้องๆทุกคนที่กำลังมองหาอนาคตตัวเองอย่าไปท้อน้อง เรื่องเงินทองถึงต้นทุนที่พ่อแม่มีให้เราไม่มากเราก็ต้องพยายามหาเอง มันภูมิใจกว่านะที่เราใช้เงินตัวเองเรียนให้จบถึงแม้จะจบช้ากว่าเพื่อนก็ชั่งมันเถอะ เรียนแบบพ่อไม่มีหนี้ เราไม่มีหนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอปัญหาและทางตันนะๆๆ
จบช้ากว้าเพื่อนไม่เห็นเป็นไรก็เรียนจบปริญญาตรีเมือนกันนี่หว่า
และตั้งใจอยากจะเขียนอยากจะแชร์ความสำเร็จนี้ให้น้องๆทุกคนที่มีความฝันอยากเรียนต่อให้จบสูงๆ แต่กำลังเจอปัญหาแบบเออเอาไงต่อดีวะ เลยอยากลองเขียนขึ้นมาว่ากว่าเราจะอยู่จุดนี้ได้มันก็มีปัญหาเหมือนกันทุกคนและเชื่อว่าหลายคนที่เขาประสพความสำเร็จนั่นก็ผ่านความลำบากมาเหมือนกัน
เราจะเริ่มตั้งแต่เราเรียนประถมเลยเนาะ
ฐานะทางการเงินที่บ้านเรายากจนเลยก็ว่าได้ อยากกินอะไรอร่อยๆก็ไม่ค่อยได้ทานกับเขามากหรอก เรียนโรงเรียนเล็กๆที่บ้าน มาจนถึง ป.6 เหตุการณ์ที่ทำให้เราเกือบไม่ได้เรียนต่อก็ตอนจบ ป.6 นี้แหละ พ่อบอกเราว่าพ่อส่งเราเรียนต่อไม่ไหว แล้วบอกให้เราเรียน กศน เอา แต่เราไม่ยอมเพราะเราบอกพ่อว่าจะช่วยทำงานที่บ้านทุกอย่าง (บ้านเราเป็นร้านตัดเย็บเสื้อผ้า) และตอนนั้นที่โรงเรียนที่เราจะเข้าต่อเป็นโรงเรียนของในหลวงซึ่งมีข้าวฟรีไม่เสียค่าเทอมแต่ต้องสอบเข้า เราจึงขอพ่อว่าถ้าสอบไม่ติดเราจะยอมเรียน กศน แต่โชคคงเข้าข้างแหละเขาเปิดแค่ 2 ห้อง ซึ่งเราติดห้อง 2 ลำดับเกือบท้ายๆแล้วด้วยซ้ำ ตอนนั้นดีใจมาก ก็เรียนและช่วยพ่อทำงานที่ร้านมาเรื่อยๆ
ตอนนั้นเราน่าจะอยู่ประมาณ ม.2 แหละ พ่อกับแม่แยกทางกัน ซึ่งท่านแยกทางกันแบบจบไม่สวยและทิ้งหนี้ไว้ให้พวกเราด้วย พ่อจึงตัดสินใจขนขอกลับบ้าน แต่ด้วยที่เรากับน้องต่างก็เรียนอยู่พ่อจึงตัดสินใจออกมาหบ้านเช่าในอำเภออีกครั้ง แต่โคตรลำบากๆจริงๆ ห้องเช่ามีห้องเดียวและห้องน้ำต้องไปขอเข้ากับของเจ้าของบ้านเวลาฝนตกต้องรีบเอาผ้าไปปังผ้าห่มไว้เพราะถ้ามันเปียกพวกเราก็ไม่มีที่นอน แม้แต่กินข้าวพวกเรากินได้แค่ไก่ ไม่ใช่ไก่ที่มีเนื้อนะ แต่เป็นโครงไก่ ถ้าวันไหนได้กินพวกหมู พวกปลานี้คือจะดีใจกันมาก ด้วยความที่ไม่ค่อยมีเงินกันอยู่แล้วพอเราเรียนใกล้จบ ม.3 มันก็ต้องต่อ ม.4 เหตุผลเดิมๆของพ่อบอกอีกละว่า ไม่ต้องเรียนต่อแล้วออกมาช่วยกันทำงานเถอะ พ่อส่งไม่ไหว แล้วยิ่งกว่านั้นพ่อบอกว่าถ้าเราดันทุรันเรียนต่อพ่อจะเก็บของกลับบ้านและดูสิว่าเราจะมีปัญญาเรียนไหม เราไม่ฟังเหตุผลพ่อหรอกตอนนั้นแอบสมัครเรียน แอบไปสอบเองหมดแม้กระทั้งชุดนักเรียนเรายังแอบไปซื้อเองเลย
จนเปิดเทอมเราก็ไปเรียนไม่สนหรอกว่าพ่อจะว่ายังไงคิดแค่ว่าส่งตัวเองเรียนก็ได้เหนื่อยก็ทนเอา ก็เราอยากเรียนถึงเกรดเราไม่ได้เยอะอะไรมากมาย จนเรียนมาถึง ม.6 แน่นอนว่าทุกคนเริ่มหาที่ที่ตัวเองอยากเรียน เราก็โคตรเครียดเหมือนกันแหละเพราะยังไงพ่อก็ไม่ให้เรียนต่ออยู่แล้ว ตอนนั้นหร๋อตอนแรกเราอยากเรียนพวกหมอ พยาบาลแต่ดูเกรดตัวเองละไม่น่ารอด ก็เลยเปลี่ยนมาเรียนที่เรามีพื้นฐานอยู่แล้วนั่นคือ เราเย็บผ้าเป็น และน่าจะเรียนที่มันมาต่อยอดที่ร้านเราได้ ตอนนั้นเราเลยหาข้อมูลที่จะเรียนหลายๆที่แต่พวกเรียนดีไซน์ออกแบบเสื้อผ้ามันจะเป็นพวกเอกชนและค่าเทอมก็โคตรแพงบวกกับเงินเก็บที่เรามีไม่พอค่าลงทะเบียนเรียนแน่นอน เราจึงมุ่งหามหาลัยที่เป็นของรัฐบาล
จนเจอมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา เราจึงตัดสินใจยื่นใบสมัครแต่เราตัดสินใจช้าเพราะก่อนหน้านั่นมีสอบชิงทุนเรียนไปก่อนแล้วเราจึงเป็นแค่การยื่นมสมัครสอบปกติ โดยการไปสอบนั่นมันต้องขึ้นไปสอบที่กรุงเทพ แต่เราอยู่เชียงราย และไม่เคยนั่งรถขึ้นไปที่กรุงเทพเลยมันจึงเป็นครั้งแรก ถามว่ากลัวไหมกลัวดิ แต่มันก็ต้องกล้า โชคดีที่มีรุ่นพี่ที่โรงเรียนเรียนอยู่ที่น่นพอดีและขอไปพักกับพี่เขาจนสอบเสร็จก็ไปสอบทุกอย่างผ่านหมดเหลือแต่การประกาศผล ปรากฏว่าติดแต่ไม่กรี๊ดดีใจไม่ได้แอบดีใจอยู่คนเดียว และเล่าให้เพื่อนฟัง
พอติดสิ่งที่คิดคือเงินลงทะเบียนตอนนั้นน่าจะประมาณ 7000 กว่าบาทจำไม่ได้แล้ว แต่โอเคเงินที่เก็บมาตลอดพออยู่ จนเราตัดสินใจเข้าไปลงทะเบียนเรียนเพื่อยืนยันสิทธิ์พ่อไม่ยอมให้เราไปหรอกแต่มีหร๋อตอนนั้นยอมรับว่าอยากกเรียนมากกว่าจะสอบติดคือกูทิ้งโอกาสนี้ไม่ได้โว้ย ศึกษาว่าจะต้องเช่าหอเดือนเท่าไหร่ ต้องทำงานยังไง หาที่ทำงานเตรียมพร้อมวางแผนทุกอย่าง พอลงทะเบียนเสร็จก็ต้องไปเจอรุ่นพี่ที่คณะพี่บอกอีกหนึ่งอาทิตย์เจอกันน้องๆ เอ้าตายแน่ทำไมมันเรียนปรับเร็วแบบนี้ คือแผนที่วางไว้เงินก้อนสุดท้ายหมดกับการลงทะเบียนแล้วละจะทำไงต่อ ตอนนั้นยอมรับว่าเครียดมากคิดไรไม่ออก เพราะพ่อก็มีไม่ไหวส่งให้เราอยู่แล้วแน่ๆ นอนร้องไห้ทุกคื่นแหละตอนนั้นจำได้ดีเลย
จนตัดสินใจจะทำเรื่องดรอปแต่ทางมหาลัยบอกว่าต้องเข้ามาเรียนก่อน 1 เทอม เราก็เลยเอาวะตายเอาดาบหน้าตอนนั้นจำได้ดีเลยพอหักเงินค่าตั๋วรถแล้วเหลือเงินไปแค่ไม่ถึงพัน คิดว่าตัวเองจะรอดไหมสุดท้ายเราต้องทิ้งความฝันความพยายามตรงนั้นไปเพราะวันนั้นถ้าเราไปเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตจะเป็นยังไง เราสียใจมากนะ เสียใจจนแบบไม่ยอมกินข้าวร่วมกับพ่อเลย ไม่คุยกับเลยน่าจะเกือบๆสามเดือนเลยแหละ เราก็พยายามปลอบตัวเองตลอดว่าเออดรอปเพื่อหาเงินให้มันเยอะกว่านี้แล้วเราค่อยไปสอบใหม่ ถ้าเราเคยสอบติดยังไงถ้าไปสอบอีกครั้งมันก็ต้องติดดิวะ เราจึงหยุดเรียนไป 1 ปีเต็มๆ ตั้งหน้าทำงานเก็บเงินอย่างเดียว จนถึงเวลาเริ่มสอบใหม่ทีแรกเราก็คิดว่าเออขอลองไปสอบอีกทีดีไหม แต่ถ้าไปเราก็ต้องไปหางานและเสียค่าใช้จ่ายๆต่างๆอีกเยอะมาก จนเราตัดสินใจเรียน เสาร์-อาทิตย์ ที่ใกล้บ้านดีกว่า ค่าใช้จ่าย ค่าเทอม ก็พอหาได้
เราจึงเรียนที่นี่มาจนถึงตอนนี้เราเรียนปี 4 แล้ว เทอมสุดท้ายเเล้วด้วย แต่เราเชื่อว่าหลายๆคนและบางคนที่ลำบอกกว่าเรามีอีกเยอะ ถ้าเวลาท้อเหนื่อยๆมากสิ่งเดียวที่ทำให้เราสู้คือ เราไม่มองคนที่เขามีโอกาสมากกว่าแต่เราเลือกมองคนที่เขามีโอกาสน้อยกว่าเราเพราะมันทำให้เราคิดว่าอย่างน้อยเรายังโชคดีกว่าพวกเขาหลายเท่านั่น น้องๆทุกคนที่กำลังมองหาอนาคตตัวเองอย่าไปท้อน้อง เรื่องเงินทองถึงต้นทุนที่พ่อแม่มีให้เราไม่มากเราก็ต้องพยายามหาเอง มันภูมิใจกว่านะที่เราใช้เงินตัวเองเรียนให้จบถึงแม้จะจบช้ากว่าเพื่อนก็ชั่งมันเถอะ เรียนแบบพ่อไม่มีหนี้ เราไม่มีหนี้ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เจอปัญหาและทางตันนะๆๆ