เปิดประสบการณ์ชมบรรยากาศพรมแดงงาน Oscars 2017 ที่ Hollywood ครั้งแรกในชีวิต #OscarsFanExperience

* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะ
สวัสดีค่า
ตั้งใจจะมาแชร์ประสบการณ์การได้ไปสัมผัสบรรยากาศพรมแดงงาน Oscars หรือ Academy Awards ครั้งที่ 89 ปีล่าสุดที่ LA ค่ะ
เรายืม account เพื่อนมาใช้นะคะ เพราะกว่าเราจะสมัครจะอะไรคงจะไฟหมดก่อน 555
อยากให้ปีต่อๆไปมีคนไทยได้มีโอกาสไปแบบนี้อีกนะคะ ยิ้ม

อาจจะทิ้งช่วงจากกระแสงานมานานจนอาจจะดูจืดไปแล้ว พอดีเพิ่งมีเวลาลงรูป เรียบเรียงข้อความค่ะ
ถ้าเขียนตรงไหนติดขัด ใช้ภาษาไม่ถูก ไทยคำอังกฤษคำบ้างก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ _/||\_


ก่อนอื่นต้องย้อนไปถึงที่มาที่ไปก่อน ว่าส้มลูกใหญ่นี้มาหล่นที่เราได้ยังไง
(FYI : ถ้าอยากไปหาของสวยๆงามๆ scroll ข้ามไป Day 3 เลยก็ได้ค่า555)
สำหรับใครที่ติด True แล้วติดตามงานประกาศรางวัล Oscars ผ่านช่อง HBO อาจจะคุ้นตากันกับโฆษณา contest อะไรผ่านๆตามาบ้าง
คืออันนี้เลยค่ะ ชื่อเต็มๆคือ HBO Dream Oscars Contest


ตอนเดือนกพ.ปี 2016 เราเห็นโฆษณานี้ตั้งแต่ก่อนวันรายการฉาย เราก็เริ่มสนใจ เลยแอบๆไปหาข้อมูลของปีก่อนมาบ้าง พอวันถ่ายทอดสด (Live Telecast) เราตื่นแต่เช้ามารอเลยจ้า เพราะคำถามที่ให้ตอบจะขึ้นหลังรายการจบ พอดีก่อนหน้านี้เราก็ชอบดูหนัง ชอบเขียนรีวิวหนังก๊อกแก๊กๆไปเรื่อยใน facebook เลยคิดว่า เอาวะ ลองดู ขำๆ แล้วปีนั้นเราประทับใจกับหนังเรื่อง Spotlight มากกกกก ดูในโรงสามรอบ แนะนำให้เพื่อนไปดู คือเชียร์สุดฤทธิ์ เลยคิดว่าเรื่องนี้น่าจะนำโชคดีมาให้เราบ้างล่ะว้า คืนทุนค่าตั๋วหนังให้ฉันบ้างเถอะ เพราะจัดไปครบทุกเรื่องเลย5555 สรุป Spotlight ชนะ Best Picture จริงๆ ความรู้สึกตอนนั้นคือ “มาแล้วววววววววววว ดวงเจ้มาแล้ววววว” แล้วคำถามเข้าเป้าจริงๆ

คำถามคือ “What is your pick for Best Picture?” อะไรเทือกๆนี้ เราก็ สบายละ ไม่ต้องคิดเยอะ Spotlight สิคะ รออะไร
แต่คำถามปลายเปิดแบบนี้ จะตอบทื่อๆไม่ได้ เราเลยทิ้งช่วงคิดคำตอบไป 2-3 วัน แล้วก็ตอบไปตามคำตอบข้างล่างค่ะ:

“Although other movies nominated in this category were amazing, Spotlight left no flaws to be detected. The whole film was able to capture the attention of the audience with its appropriate length, and perfect amount of conversation and silence. The performance given by every single actor and actress--lead, supporting, and extra--contributed to this film's success. Spotlight would be incomplete and not compelling without the cooperation of the Boston community and actors. Even when nobody spoke a word, their expressions said it all. Most importantly, the messages that Spotlight left us to take home and think were significant and shocking. With its powerful messages, outstanding and realistic performances, and well-written screenplay, Spotlight deserved to win Best Picture.”

แล้วเราก็กรอกๆข้อมูล ใส่ในเว็บ hboasia.com พร้อมใส่เลขบนการ์ด True ไปด้วย เพราะเค้าบังคับว่าคนร่วมสนุกจะต้องเป็น subscriber ที่เสียเงินให้เคเบิ้ลทีวีที่ดีลกับ HBO Asia จริงๆ ทีนี้ก็รออออออออออออออ ไปค่ะ รอจนลืม เพราะตอนนั้นไม่คิดว่าจะได้จริงๆ เพราะคนตั้งกี่ประเทศ แล้วเค้าคัดผู้ชนะแค่ 7 คน ก็เลยชิลไป ผ่านไป 2 เดือน ช่วงกลางเดือนเมษา เราก็ได้โทรศัพท์จากทาง HBO Asia เบอร์ขึ้นมาว่าเป็น Singapore เลย ปลายสายก็แจ้งมาว่าเราติดรายชื่อผู้เข้าชิง (shortlisted) ขอ confirm ก่อนว่าเบอร์นี้ใช่เราจริงๆรึเปล่า เราก็ตอบข้อมูลส่วนตัวไป เค้าก็แจ้งว่า ถ้าคำตอบเราผ่านคัดเลือกจะได้เห็นอีกทีหน้า Facebook ของ HBO Asia สิ้นเดือนทีเดียว ทีนี้ 2-3 อาทิตย์ที่เหลือก็แทบทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ ตื่นเต้นเว่อร์ กลัวแป้กมาก กังวลจนต้องเอามือถือไว้ไกลๆตัว เพราะมัวแต่ refresh 55555 สุดท้ายวันสิ้นเดือน เราก็เห็นชื่อเราอยู่ใน 7 Winners ค่า ทางรายการเลือกผู้ชนะจากประเทศละหนึ่งคนค่ะ Bangkok, Thailand เป็น 1 ใน 7 ^___^  ปลื้มปริ่มมากกกกกกก ดีใจตามสไตล์คนที่ผ่านมาไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  555555 #ชีวิตสาว

[ชนกลุ่มน้อย HBO Asia ก่อนเข้างานค่ะ]

รางวัลคือ 1) ตั๋วนั่งอัฒจรรย์ (bleachers) ชมงานบรรยากาศพรมแดงงาน Oscars ปี 2017  
2) ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ (แอบไปต่อรองขอ Korean Air มาได้)
3) ที่พักฟรี 5 วัน 4 คืน
4) นวดสปาของโรงแรม
5) ทัวร์ VIP Experience ของ Universal Studios
ทั้งหมดนี้ฟรีหมดเลยค่ะ ยกเว้นค่า visa กับค่ากิน ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ

ที่สำคัญ เราสามารถพาคนไปกับเราได้เราหนึ่งคน* ค่ะ เราก็เลือกเพื่อนที่สนิทที่สุดของเราไป เพราะบวกลบคูณหารแล้ว ถ้าเลือกพ่อหรือแม่ไป คนใดคนหนึ่งมีน้อยใจแน่ๆ แถมยังต้องไปเล่นเครื่องเล่นกับนั่งนานๆเดินนานๆอีก เลยชวนเพื่อนไปดีกว่า จะได้วิ่งเล่นกันเต็มที่ ถือว่าโชคดีมากที่พ่อแม่เราเข้าใจ TT  จากนั้นหลายๆเดือนต่อมาก็เป็นเรื่องของการส่งเอกสาร ทำ visa ค่ะ ทาง Prize coordinator ส่งเอกสารมาให้แน่นหนามาก เลยขอ visa ท่องเที่ยวของอเมริกาได้สบายๆ แอบมีขนหัวลุกตอน Trump เลือกตั้งชนะนิดนึง กลัวไม่ได้เข้าประเทศ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางเราได้ อิอิ


---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ตัดภาพมาที่วันเดินทางเลยค่ะ

Day 1 (Feb 24): OFF TO HOLLYWOOD! ลางาน ลาการ บ๊ายบายค่ะบอส ไปค่ะพี่สุชาติ!

เราเดินทางวันที่ 24 กุมภาปีนี้ เพิ่งผ่านมาเดือนที่แล้วเองงงง ไวมาก ออกจากไทยไฟลท์สายๆบ้านเรา ไปถึงที่สนามบิน LAX ตอนบ่ายๆวันที่ 24 บ้านเค้า ไปถึงเค้ามีรถมารับถึงสนามบิน มีคนขับรถมายืนถือป้ายชื่อเราตรงทางออกด้วย เป็นครั้งแรกในชีวิตเลย ตื่นเต้นมากกกกกกกก (แต่จะตื่นเต้นกว่านี้ถ้ามีคนแซบๆเอาดอกไม้มารอรับ 55555555555555 โถ่ ชะนี)  
โรงแรมที่เค้าจัดให้เรา 14 คนพัก(ผู้ชนะ 7 ประเทศ + เพื่อน/ญาติของแต่ละคน = 14) คือโรงแรม W Hollywood ซึ่งเดินไปถึง Dolby Theater สถานที่จัดงานได้สบายๆ แค่ 15 นาที บอกเลยว่าชาตินี้คงไม่มีบุญได้มานอน เพราะแพงมาก เห็นราคาแล้วแทบทรุด คิดในใจว่าบุญของหล่อนแล้ววว ปกติเที่ยวเองนี่ไปจบที่ Hostel ตลอด -0- แอบเสียใจตรงที่ไม่มีบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า แต่มีเป็นโควต้าให้สั่งอาหารเช้าได้ไม่เกินวันละ $30 ต่อคน/วันแทนค่ะ ถือว่าเติมกำลังให้กองทัพได้ดีทีเดียว เพราะที่รู้ๆกันคือ อาหารชาวอเมริกันน้านนนนนนนนนนน ความเลี่ยน และปริมาณที่เสิร์ฟมันเยอะมาก ทางคนดูแลก็มาต้อนรับ บรีฟแพลนกับเวลานัดหมายของแต่ละวันให้ฟัง แล้วก็จัดแจงให้เข้าห้องพักผ่อนตามอัธยาศัย เพราะฉันมาไกลเหลือเกิน


[หน้าตาอาหารเช้าเป็นประมาณนี้เกือบทุกวันค่ะ อร่อย แต่เลี่ยนเบอร์แรงมาก]

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


Day 2 (Feb 25): SPA & SELF-TRAVELING DAY!

วันนี้เป็นวันชิลล์ๆค่ะ ทุกคนเหนื่อยหลังจากการเดินทาง ทางทีมรางวัลจัดนวดสปาของ Bliss Spa ให้ค่ะ เรากับเพื่อนได้รอบเช้า ก็ต่างคนต่างแยกห้องไป เราเลือกได้ว่าจะให้นวดตรงไหนพิเศษ เราไม่เคยเข้าสปาหรือนวดมาก่อน ส่วนนึงเพราะไม่ค่อยชอบ อีกส่วนเพราะเราเคยผ่าหลังแล้วดามเหล็กไว้ยาวมาก ไม่ค่อยกล้าให้ใครมานวดหลัง แต่ครั้งนี้ก็ เอาซะหน่อยเนอะ ไม่ลองไม่รู้ ก็เลยบอกให้คุณพี่หมอนวดโฟกัสแค่ตรงไหล่กับเอว ซึ่ง... สุดท้ายก็ต้องโดนไทเทเนี่ยม เป็น 45 นาทีที่ทรมานมาก TT เจ็บตัวสิคะ ส่วนเพื่อนเราก็สบ๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย นางชอบไปนวดอยู่แล้ว ฟินไปคนเดียว แล้วก็ปิดท้ายด้วยการทิป ตามวัฒนธรรมบ้านเค้าค่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วเนอะ

เสร็จจากนั้นก็ปล่อยฟรีค่ะเรากับเพื่อนก็นั่ง Uber ไป Disneyland กันเอง ใช้เวลานั่งรถ 1 ชม. สนุกสนาน ลืมแก่กันไปวันนึงค่ะ ลืมไปเลยว่าเพิ่งไปนวดคลายเส้นแก้ปวดเมื่อยตัวกันมาเมื่อเช้า ไม่ได้เล่นเครื่องเล่นเลยค่ะ เน้นดูการแสดงมากกว่า เพราะวันนี้เป็นวันเสาร์ คนเยอะมากกกก เยอะกว่าที่โตเกียวอีก เลยทำใจกับเพื่อนแล้วว่า "บัยยยยยยยยย!" //ปาดน้ำตา

ตอนขากลับ คนขับ uber มาแนวๆ Jason Derulo เลยค่ะ ดูจากการแต่งตัวรู้เลยว่าต้องเคยแตะสายแฟชั่นมาก่อน ปรากฏคุยไปคุยมาหงายการ์ดว่าเค้าเคยเป็นคนแต่งตัว/สไตล์ให้ Matthew Mcconaughey ในงาน Oscars เมื่อ 2 ปีก่อนด้วย บังเอิญมากกก
ขอข้ามรายละเอียดวันนี้ไปเลยละกันนะคะ ก่อนจะยาวไปกว่านี้55555

[หน้าปราสาทคนล้นหลามจนต้องมาแอบอยู่ด้านข้าง -.-]

กลับมาถึงโรงแรมก็ดึกแล้ว ต้องรีบนอนค่ะ เพราะวันต่อไปคือ ข อ ง จ ริ ง !!
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่