ตามธรรมดา การดูดวงไม่เกี่ยวกับศาสนาพุทธ พระพุทธเจ้าไม่ได้สอน ทำแล้วเป็นสีลัพพตปรามาส (ประพฤตินอกคำสอน)
แต่ขอให้ท่านผู้อ่าน ลองอ่านสิ่งที่ผมเขียนดูหน่อยนะครับ เพื่อประโยชน์สุขของทุกคน
"ดูดวง"ตัวเรา ด้วยตัวเราเองดีที่สุดครับ แม่นที่สุด คนอื่นดูไม่แม่นเท่าเราหรอก เพราะไม่ได้รู้เรื่องของชีวิตเรา
... แล้วดูอย่างไร?
ดูด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
พระพุทธเจ้าสรุปพระธรรมของพระองค์ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ เหลือเพียง
กฏธรรมชาติ 2 กฏ ซึ่งครอบจักรวาล คือ
1. ไตรลักษณ์ คือ กฏความไม่เที่ยง อนิจจัง(ไม่เที่ยง) ทุกขัง(เสื่อมลง) อนัตตา(แตกสลายจากสภาพที่เป็นอยู่ ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง)
2. อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท คือ กฏของเหตุปัจจัย สิ่งนี้มี สื่งนี้จึงมี (คือ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ย่อมอาศัยเหตุปัจจัย ความเกิดขึ้นลอยๆไม่มี ทุกอย่างมีเหตุมีผล เกิดก็อาศัยเหตุปัจจัย ดับก็อาศัยเหตุปัจจัย)
....
สรุปทั้ง 2 กฏธรรมชาตินี้ ก็คือ สิ่งทั้งปวงทั้งรูปธรรมและนามธรรม รวมทั้งตัวเรา เป็นเพียงธรรมชาติชนิดหนึ่ง
เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมปรุงแต่งกันชั่วคราว แล้วแตกสลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง
(เครดิตข้อมูลธรรม
https://www.doisai.com )
ใช้ดูดวงได้อย่างไร? ดูได้ดังนี้ครับ
... ขอบอกก่อนว่า ดวงหรือโชคชะตาของเรานั้น มันเป็นแค่ผล เหตุปัจจัยของมันคือ กรรม หรือ การกระทำ ..ทั้งกาย วาจา ใจ
เราเองทำเองล้วนๆ มันก็เลยเป็นดวงหรือโชคชะตาของเรา
... ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในชีวิต เป็นผลหมด จนก็ผล รวยก็ผล แต่ รวยหรือจน มันก็เป็นเพียง
ธรรมชาติชนิดหนึ่ง
ไม่เที่ยง เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมปรุงแต่งชั่วคราว แล้วแตกสลาย
... คนดูดวงส่วนใหญ่ชอบดูเรื่องรวยๆจนๆกัน เรื่องเงินๆทองๆ เราจะรวยเมื่อไหร่? เราจะจนเมื่อไหร่?
เราก็พิจารณาตัวเองดูว่า ฐานะปัจจุบันมันรวยรึจน สมมุติว่าจน จนเพราะอะไร ? เราอาจมีพฤติกรรมไม่ดีมาก่อนเป็นเหตุปัจจัย
เช่น ไม่เก็บเงิน มือเติบ ชอบกู้หนี้ยืมสิน ฯลฯ ถ้าเราเลิกพฤติกรรมไม่ดี ทำลายเหตุปัจจัยของความจน หันมาสร้าง
เหตุปัจจัยของความรวยแทน เช่น เก็บเงิน ประหยัดอดออม ทำอะไรต่างๆให้เป็นเงินด้วยวิชาชีพของตน ฯลฯ
เท่านี้ความจนก็ดับไป เพราะเหตุปัจจัยถูกทำลาย ความรวยก็เกิดขึ้นแทน เพราะเราสร้างเหตุปัจจัยของความรวย
...ส่วนเราจะรวยเมื่อไหร่ ? ถ้าทำตามคำสอนพระศาสดา มันก็ไม่จำกัดกาล จนอยู่แต่อยากรวยเร็วๆ ก็ต้องทำลายเหตุปัจจัย
ของความจนเร็วๆ แล้วสร้างเหตุปัจจัยของความรวยเร็วๆ ถึงจะรวยเร็วๆได้
..."ดูดวงด้วยการใช้คำสอนของพระพุทธเจ้า" มันก็คือการ
ดูข้อมูลสัญญาความจำต่างๆของตัวเราตั้งแต่
อดีตถึง
ปัจจุบัน
แล้วเอาไปพิจารณาตัวเองตามความเป็นจริง เพื่อใช้ตัดสินใจในการทำสิ่งใดๆ ให้สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้น หรือทำลายสิ่ง
ที่ไม่ต้องการใน
อนาคตครับ
...ประกาศอิสระภาพให้ตัวเองด้วยการ"กำหนดวิถีชีวิตตัวเอง"ดีที่สุดครับ คนอื่นเป็นแค่ส่วนประกอบส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเท่านั้น
ถึงแม้จะมีหมอดูเก่งๆที่มีฌาณอภิญญามาทักเราว่าเราจะเป็นนู่นนี่นั่น ถ้าเราไม่ชอบใจเรื่องไม่ดีที่เขาทัก เราก็ศึกษา
หาเรื่องทำลายเหตุปัจจัยของเรื่องนั้น เท่านี้เรื่องไม่ดีที่เขาทักก็ไม่เกิดขึ้นครับ ไม่เที่ยงซะอย่าง คำสอนของพระพุทธเจ้า
แม้แต่มาร เทวดา พระอินทร์ พระพรหม ก็สู้ไม่ได้ ป่วยกล่าวไปไยกับพวกหมอดูหมอเดา
... ที่มาเขียนนี้เพราะอยากให้ทุกคนเข้มแข็ง ไม่ตกอยู่ในอำนาจของการทำนายทายทักมากไปครับ มันไม่เป็นไปเพื่อความเจริญ
ในพระไตรปิฎกบอกไว้ว่า คนที่เอาแต่ทำมาหากินโดยอาศัยการทำนายทายทัก จะแม่นรึไม่แม่นก็ตาม ตายไปแล้ว
จะไปเกิดในนรกชั้นที่ลึกที่สุด คือ อเวจีมหานรก ฐานที่ทำให้มนุษย์ไม่เป็นอยู่ตามฐานะของตัวเอง เป็นปฏิปักษ์
กับความมีปัญญา เราอย่าไปส่งเสริมให้คนพวกนั้นตกนรกเลยครับ สงสารเขา... ยิ่งเป็นพระมาดูดวง ยิ่งไม่รอด
เพราะประพฤตินอกคำสอนซะเอง เหมือนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาทำการคอรัปชั่นซะเอง ฉันใดฉันนั้น
วิธี"ดูดวง"ให้กับตนเอง
แต่ขอให้ท่านผู้อ่าน ลองอ่านสิ่งที่ผมเขียนดูหน่อยนะครับ เพื่อประโยชน์สุขของทุกคน
"ดูดวง"ตัวเรา ด้วยตัวเราเองดีที่สุดครับ แม่นที่สุด คนอื่นดูไม่แม่นเท่าเราหรอก เพราะไม่ได้รู้เรื่องของชีวิตเรา
... แล้วดูอย่างไร?
ดูด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ
พระพุทธเจ้าสรุปพระธรรมของพระองค์ทั้ง 84,000 พระธรรมขันธ์ เหลือเพียงกฏธรรมชาติ 2 กฏ ซึ่งครอบจักรวาล คือ
1. ไตรลักษณ์ คือ กฏความไม่เที่ยง อนิจจัง(ไม่เที่ยง) ทุกขัง(เสื่อมลง) อนัตตา(แตกสลายจากสภาพที่เป็นอยู่ ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง)
2. อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท คือ กฏของเหตุปัจจัย สิ่งนี้มี สื่งนี้จึงมี (คือ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
ย่อมอาศัยเหตุปัจจัย ความเกิดขึ้นลอยๆไม่มี ทุกอย่างมีเหตุมีผล เกิดก็อาศัยเหตุปัจจัย ดับก็อาศัยเหตุปัจจัย)
.... สรุปทั้ง 2 กฏธรรมชาตินี้ ก็คือ สิ่งทั้งปวงทั้งรูปธรรมและนามธรรม รวมทั้งตัวเรา เป็นเพียงธรรมชาติชนิดหนึ่ง
เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมปรุงแต่งกันชั่วคราว แล้วแตกสลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตนเป็นของตนเอง
(เครดิตข้อมูลธรรม https://www.doisai.com )
ใช้ดูดวงได้อย่างไร? ดูได้ดังนี้ครับ
... ขอบอกก่อนว่า ดวงหรือโชคชะตาของเรานั้น มันเป็นแค่ผล เหตุปัจจัยของมันคือ กรรม หรือ การกระทำ ..ทั้งกาย วาจา ใจ
เราเองทำเองล้วนๆ มันก็เลยเป็นดวงหรือโชคชะตาของเรา
... ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเราในชีวิต เป็นผลหมด จนก็ผล รวยก็ผล แต่ รวยหรือจน มันก็เป็นเพียงธรรมชาติชนิดหนึ่ง
ไม่เที่ยง เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมปรุงแต่งชั่วคราว แล้วแตกสลาย
... คนดูดวงส่วนใหญ่ชอบดูเรื่องรวยๆจนๆกัน เรื่องเงินๆทองๆ เราจะรวยเมื่อไหร่? เราจะจนเมื่อไหร่?
เราก็พิจารณาตัวเองดูว่า ฐานะปัจจุบันมันรวยรึจน สมมุติว่าจน จนเพราะอะไร ? เราอาจมีพฤติกรรมไม่ดีมาก่อนเป็นเหตุปัจจัย
เช่น ไม่เก็บเงิน มือเติบ ชอบกู้หนี้ยืมสิน ฯลฯ ถ้าเราเลิกพฤติกรรมไม่ดี ทำลายเหตุปัจจัยของความจน หันมาสร้าง
เหตุปัจจัยของความรวยแทน เช่น เก็บเงิน ประหยัดอดออม ทำอะไรต่างๆให้เป็นเงินด้วยวิชาชีพของตน ฯลฯ
เท่านี้ความจนก็ดับไป เพราะเหตุปัจจัยถูกทำลาย ความรวยก็เกิดขึ้นแทน เพราะเราสร้างเหตุปัจจัยของความรวย
...ส่วนเราจะรวยเมื่อไหร่ ? ถ้าทำตามคำสอนพระศาสดา มันก็ไม่จำกัดกาล จนอยู่แต่อยากรวยเร็วๆ ก็ต้องทำลายเหตุปัจจัย
ของความจนเร็วๆ แล้วสร้างเหตุปัจจัยของความรวยเร็วๆ ถึงจะรวยเร็วๆได้
..."ดูดวงด้วยการใช้คำสอนของพระพุทธเจ้า" มันก็คือการดูข้อมูลสัญญาความจำต่างๆของตัวเราตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
แล้วเอาไปพิจารณาตัวเองตามความเป็นจริง เพื่อใช้ตัดสินใจในการทำสิ่งใดๆ ให้สิ่งที่ต้องการเกิดขึ้น หรือทำลายสิ่ง
ที่ไม่ต้องการในอนาคตครับ
...ประกาศอิสระภาพให้ตัวเองด้วยการ"กำหนดวิถีชีวิตตัวเอง"ดีที่สุดครับ คนอื่นเป็นแค่ส่วนประกอบส่วนหนึ่งในชีวิตของเราเท่านั้น
ถึงแม้จะมีหมอดูเก่งๆที่มีฌาณอภิญญามาทักเราว่าเราจะเป็นนู่นนี่นั่น ถ้าเราไม่ชอบใจเรื่องไม่ดีที่เขาทัก เราก็ศึกษา
หาเรื่องทำลายเหตุปัจจัยของเรื่องนั้น เท่านี้เรื่องไม่ดีที่เขาทักก็ไม่เกิดขึ้นครับ ไม่เที่ยงซะอย่าง คำสอนของพระพุทธเจ้า
แม้แต่มาร เทวดา พระอินทร์ พระพรหม ก็สู้ไม่ได้ ป่วยกล่าวไปไยกับพวกหมอดูหมอเดา
... ที่มาเขียนนี้เพราะอยากให้ทุกคนเข้มแข็ง ไม่ตกอยู่ในอำนาจของการทำนายทายทักมากไปครับ มันไม่เป็นไปเพื่อความเจริญ
ในพระไตรปิฎกบอกไว้ว่า คนที่เอาแต่ทำมาหากินโดยอาศัยการทำนายทายทัก จะแม่นรึไม่แม่นก็ตาม ตายไปแล้ว
จะไปเกิดในนรกชั้นที่ลึกที่สุด คือ อเวจีมหานรก ฐานที่ทำให้มนุษย์ไม่เป็นอยู่ตามฐานะของตัวเอง เป็นปฏิปักษ์
กับความมีปัญญา เราอย่าไปส่งเสริมให้คนพวกนั้นตกนรกเลยครับ สงสารเขา... ยิ่งเป็นพระมาดูดวง ยิ่งไม่รอด
เพราะประพฤตินอกคำสอนซะเอง เหมือนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมาทำการคอรัปชั่นซะเอง ฉันใดฉันนั้น