ตาที่สาม
ตอนที่ 1
"น้องเป็นคนมองเห็นสิ่งลี้ลับรึเปล่า " เสียงของช่างสักคิ้ว ที่กำลังกรีดใบมีดเล็กๆแต่คมกริบ ลงบนคิ้วบางๆ ของฉันอย่างเบามือ หากมีความเจ็บแสบ เหมือนเวลาโดนมีดบาดมือ ซ้ำๆ เป็นร้อยๆแผล
ฉันยังคงนิ่งเงียบ....
"น้องไปเจอผีมายังไง เล่าให้พี่ฟังหน่อย" ช่างคนนี้คะยั้นคะยอ มันคงเป็นสัญชาตญาณของคนที่มีความอยากรู้ หรือเขาแค่กุเรื่องขึ้นมา สุ่มเดา เพื่อที่จะหลอกอะไรฉันรึเปล่า ใจคนช่างยากที่จะหยั่งถึง ฉันจึงไม่อาจไว้ใจใครมักง่าย รวมทั้งช่างคนนี้
ทว่าฉันก็เป็นคน ที่ยังมีสัญชาตญาณของความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน "พี่รู้ได้ยังไงคะ ว่าหนูเคยเจอ"
"พี่สักคิ้วมาเป็นพันคนพึ่งเจอน้องเป็นคนที่สอง"
"อะไรเหรอคะ ที่ทำให้พี่รู้" ครั้งนี้เป็นพี่เขาที่ไม่ตอบคำถามของฉัน ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก
ฉันกำลังทนกับความเจ็บปวดบนผิวหนังที่มีเลือดไหลซิบๆ...โดยที่ไม่สามารถขอให้ผู้กระทำหยุดได้ เพราะคิดว่ามันจะทำให้ฉันสวยขึ้น ถ้าคนไม่นิยมมองหน้าตาเป็นอันดับแรก ฉันจะไม่ยอมเจ็บแล้วก็เสียเงินแพงหรอก แต่นี่ ใครๆ ก็บอกว่าหน้าตา คือหน้าต่างของหัวใจ หรือแม้แต่งานบาอย่างเขาก็ยังคัดเลือกหน้าตา
"น้องกลัวไหม พี่ก็เป็นเหมือนน้อง พี่เจอมาตลอด แต่พี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้หรอกนะ ''
"พี่เจออะไรเหรอคะ"
" มันอยู่กับพี่จนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต”
มันคงจะเป็นการดีถ้าจะมีใครสักคนเข้าใจฉัน
พี่เขาเล่าว่า
สมัยพี่เขาเรียนที่ ม.อุบล ช่วงเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ พักอยู่หอในกับเพื่อนคนหนึ่ง เตียงมันจะเป็นสองชั้น ซึ่งเพื่อนพี่เขาเข้าไปอยู่ก่อนสองวัน วันที่สามพี่เขาค่อยตามไปทีหลัง เพื่อนนอนชั้นบน พี่เขานอนชั้นล่าง พอตื่นเช้ามาก็เห็นเพื่อนเก็บของ แล้วชวนย้ายออกจากห้องไปอยู่ที่อื่น
“จะไปไหนว่ะ เป็นบ้าอะไรเนี้ย เราเพิ่งมาอยู่ได้สามวันเองนะ”
“ก็กูกลัวผี มันมาหากูสามวันแล้ว กูอยู่ไม่ได้หรอก”
“ถ้ามันมีจริง เราอยู่ด้วยกัน กูก็ต้องเจอเปล่าว่ะ”
“ถ้าไม่ย้ายจะอยู่คนเดียวก็อยู่ไป แต่กูไม่อยู่เว้ย”
“แต่เรายังไม่มีที่ไปนะเว้ย ใจเย็นๆก่อนดิ’
“ไม่เจอก็พูดได้ดิ”
“อีกสักคืนเถอะ ถ้าเจอมันอีกกูจะพาย้ายออกทันที เอางี้ลองมาสลับที่นอนกับกูก็ได้”
เพื่อนพี่เขาก็ยอมตกลง พอกลางดึก จู่ๆก็จุกตรงหน้าท้อง หายใจไม่ออก เหมือนมีอะไรมานั่งทับ ในใจคิดว่า เจอดีเข้าแล้ว ตัดสินใจลืมตา ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเฟรชชี่ มีร่องรอยของการโดนแทง ตามตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด มีกลิ่นคาวคลุ้ง สายตาแข็งกร้าว เส้นเลือดสีแดงในดวงตาและน้ำใสๆที่เออล้น แสดงถึงความอาฆาตและเจ็บปวด มันจะไม่น่ากลัวมากขนาดนี้ ถ้าสายตาคู่นี้ไม่จ้องเขม็งมาที่พี่เขา หากสามารถขยับตัวหนีได้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้แต่ส่งเสียงให้เพื่อนได้ยิน มันเหือดแห้งอยู่ในลำคอ และไม่สามารถหลับตาลง หรือมองไปที่ไหนได้ นอกจากภาพตรงหน้า น้ำตาค่อยเออล้น ไหลลงมาอาบแก้ม มันทรมานเหลือเกิน ถ้าแลกกับความตายกับอาการในตอนนั้น ขอเลือกตายซะดีกว่า
“ เชียร์ตืน เชียร์” เสียงของเพื่อนที่ช่วยให้พี่เขาหลุดพ้นจากพันธนาการอันอัปปรีย์
พี่เขาร้องไห้โผเข้ากอดเพื่อน ไม่รู้ว่าสองคืนที่แล้วเพื่อนโดนแบบนี้รึเปล่า ตอนนั้นพี่เขาพูดอะไรไม่ได้เลย นอกจาก
ย้ายออกไปจากที่นั่น มันโหดร้ายเกินไปสำหรับการต้อนรับนักศึกษาใหม่
ถ้าสิ่งที่พี่เขาเจอนั้นมันคือความโหดร้าย แล้วสิ่งที่ฉันเจอ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ มหากาฬความโหดร้ายเหรอ มันจะดูเกินจริงไปมั้ย จะมีใครสักกี่คนเข้าใจ ชีวิตที่ต้องมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ เมื่อมันมีสิ่งมืดดำเข้ามาครอบงำในการดำเนินชีวิต จากเด็กปกติต้องมากลัวกลางคืนอย่างฉัน ฉันตั้งคำถามกับตัวเองเสมอมา และค้นหาคำตอบมาโดยตลอดว่า สิ่งที่ฉันเป็นคืออะไร ใครที่จะช่วยฉันได้
มันคงไม่เสียหลายถ้าฉันจะฟังเรื่องราวของช่างสักคิ้วคนนี้ต่อไป อาจมีคำตอบของฉันอยู่ในนั้น
@รินทร์
ฝากให้คำแนะนำด้วยนะคะ
เพิ่งลองเขียนเป็นครั้งแรก^^
ตาที่สาม
"น้องเป็นคนมองเห็นสิ่งลี้ลับรึเปล่า " เสียงของช่างสักคิ้ว ที่กำลังกรีดใบมีดเล็กๆแต่คมกริบ ลงบนคิ้วบางๆ ของฉันอย่างเบามือ หากมีความเจ็บแสบ เหมือนเวลาโดนมีดบาดมือ ซ้ำๆ เป็นร้อยๆแผล
ฉันยังคงนิ่งเงียบ....
"น้องไปเจอผีมายังไง เล่าให้พี่ฟังหน่อย" ช่างคนนี้คะยั้นคะยอ มันคงเป็นสัญชาตญาณของคนที่มีความอยากรู้ หรือเขาแค่กุเรื่องขึ้นมา สุ่มเดา เพื่อที่จะหลอกอะไรฉันรึเปล่า ใจคนช่างยากที่จะหยั่งถึง ฉันจึงไม่อาจไว้ใจใครมักง่าย รวมทั้งช่างคนนี้
ทว่าฉันก็เป็นคน ที่ยังมีสัญชาตญาณของความอยากรู้อยากเห็นเช่นกัน "พี่รู้ได้ยังไงคะ ว่าหนูเคยเจอ"
"พี่สักคิ้วมาเป็นพันคนพึ่งเจอน้องเป็นคนที่สอง"
"อะไรเหรอคะ ที่ทำให้พี่รู้" ครั้งนี้เป็นพี่เขาที่ไม่ตอบคำถามของฉัน ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก
ฉันกำลังทนกับความเจ็บปวดบนผิวหนังที่มีเลือดไหลซิบๆ...โดยที่ไม่สามารถขอให้ผู้กระทำหยุดได้ เพราะคิดว่ามันจะทำให้ฉันสวยขึ้น ถ้าคนไม่นิยมมองหน้าตาเป็นอันดับแรก ฉันจะไม่ยอมเจ็บแล้วก็เสียเงินแพงหรอก แต่นี่ ใครๆ ก็บอกว่าหน้าตา คือหน้าต่างของหัวใจ หรือแม้แต่งานบาอย่างเขาก็ยังคัดเลือกหน้าตา
"น้องกลัวไหม พี่ก็เป็นเหมือนน้อง พี่เจอมาตลอด แต่พี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้หรอกนะ ''
"พี่เจออะไรเหรอคะ"
" มันอยู่กับพี่จนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต”
มันคงจะเป็นการดีถ้าจะมีใครสักคนเข้าใจฉัน
พี่เขาเล่าว่า
สมัยพี่เขาเรียนที่ ม.อุบล ช่วงเข้าปีหนึ่งใหม่ๆ พักอยู่หอในกับเพื่อนคนหนึ่ง เตียงมันจะเป็นสองชั้น ซึ่งเพื่อนพี่เขาเข้าไปอยู่ก่อนสองวัน วันที่สามพี่เขาค่อยตามไปทีหลัง เพื่อนนอนชั้นบน พี่เขานอนชั้นล่าง พอตื่นเช้ามาก็เห็นเพื่อนเก็บของ แล้วชวนย้ายออกจากห้องไปอยู่ที่อื่น
“จะไปไหนว่ะ เป็นบ้าอะไรเนี้ย เราเพิ่งมาอยู่ได้สามวันเองนะ”
“ก็กูกลัวผี มันมาหากูสามวันแล้ว กูอยู่ไม่ได้หรอก”
“ถ้ามันมีจริง เราอยู่ด้วยกัน กูก็ต้องเจอเปล่าว่ะ”
“ถ้าไม่ย้ายจะอยู่คนเดียวก็อยู่ไป แต่กูไม่อยู่เว้ย”
“แต่เรายังไม่มีที่ไปนะเว้ย ใจเย็นๆก่อนดิ’
“ไม่เจอก็พูดได้ดิ”
“อีกสักคืนเถอะ ถ้าเจอมันอีกกูจะพาย้ายออกทันที เอางี้ลองมาสลับที่นอนกับกูก็ได้”
เพื่อนพี่เขาก็ยอมตกลง พอกลางดึก จู่ๆก็จุกตรงหน้าท้อง หายใจไม่ออก เหมือนมีอะไรมานั่งทับ ในใจคิดว่า เจอดีเข้าแล้ว ตัดสินใจลืมตา ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ หญิงสาวในชุดนักศึกษาเฟรชชี่ มีร่องรอยของการโดนแทง ตามตัวเต็มไปด้วยคราบเลือด มีกลิ่นคาวคลุ้ง สายตาแข็งกร้าว เส้นเลือดสีแดงในดวงตาและน้ำใสๆที่เออล้น แสดงถึงความอาฆาตและเจ็บปวด มันจะไม่น่ากลัวมากขนาดนี้ ถ้าสายตาคู่นี้ไม่จ้องเขม็งมาที่พี่เขา หากสามารถขยับตัวหนีได้ แต่กลับไม่สามารถทำอะไรได้เลย แม้แต่ส่งเสียงให้เพื่อนได้ยิน มันเหือดแห้งอยู่ในลำคอ และไม่สามารถหลับตาลง หรือมองไปที่ไหนได้ นอกจากภาพตรงหน้า น้ำตาค่อยเออล้น ไหลลงมาอาบแก้ม มันทรมานเหลือเกิน ถ้าแลกกับความตายกับอาการในตอนนั้น ขอเลือกตายซะดีกว่า
“ เชียร์ตืน เชียร์” เสียงของเพื่อนที่ช่วยให้พี่เขาหลุดพ้นจากพันธนาการอันอัปปรีย์
พี่เขาร้องไห้โผเข้ากอดเพื่อน ไม่รู้ว่าสองคืนที่แล้วเพื่อนโดนแบบนี้รึเปล่า ตอนนั้นพี่เขาพูดอะไรไม่ได้เลย นอกจาก
ย้ายออกไปจากที่นั่น มันโหดร้ายเกินไปสำหรับการต้อนรับนักศึกษาใหม่
ถ้าสิ่งที่พี่เขาเจอนั้นมันคือความโหดร้าย แล้วสิ่งที่ฉันเจอ จะเรียกว่าอะไรดีล่ะ มหากาฬความโหดร้ายเหรอ มันจะดูเกินจริงไปมั้ย จะมีใครสักกี่คนเข้าใจ ชีวิตที่ต้องมาพัวพันกับเรื่องแบบนี้ เมื่อมันมีสิ่งมืดดำเข้ามาครอบงำในการดำเนินชีวิต จากเด็กปกติต้องมากลัวกลางคืนอย่างฉัน ฉันตั้งคำถามกับตัวเองเสมอมา และค้นหาคำตอบมาโดยตลอดว่า สิ่งที่ฉันเป็นคืออะไร ใครที่จะช่วยฉันได้
มันคงไม่เสียหลายถ้าฉันจะฟังเรื่องราวของช่างสักคิ้วคนนี้ต่อไป อาจมีคำตอบของฉันอยู่ในนั้น
@รินทร์
ฝากให้คำแนะนำด้วยนะคะ
เพิ่งลองเขียนเป็นครั้งแรก^^