ควอลคอมม์ เอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์ เอไอเอส ร่วมพัฒนาเครือข่าย และดีไวซ์ที่ใช้ชิปเซตของควอลคอมม์ ให้รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE Advance แบบเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเตรียมการรับ 5G ในอนาคต เชื่อผู้ใช้งานดีไวซ์ทุกรายได้ประโยชน์
นายสุวิทย์ พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยและเมียนมา บริษัท ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรทเต็ด กล่าวถึงธุรกิจของควอลคอมม์ ในปัจจุบันว่า มีด้วยกัน 2 ส่วนหลักๆ คือ การพัฒนาชิปเซตที่นำมาใช้งานบนสมาร์ทโฟนที่ครอบคลุมตั้งแต่เอนทรีเลเวล ไปจนถึงเครื่องระดับพรีเมียม
ขณะเดียวกัน ควอลคอมม์ ก็จะมีรายได้อีกส่วนจากการถือไลเซนต์ในการพัฒนาชิปเซตที่รองรับเครือข่าย 3G และ 4G ที่จำหน่ายให้แก่แบรนด์ต่างๆ ในการนำไปผลิตชิปเซตเพื่อใช้งานบนสมาร์ทโฟน รวมถึงอุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตต่างๆ
สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโมบายอีโคซิสเตมให้กับผู้ใช้งานในประเทศไทย เนื่องจากเอไอเอสมีการลงทุนเครือข่ายสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำ CA, 4x4 MIMO ที่ต้องมีดีไวซ์ที่รองรับ ดังนั้น การทำงานอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้พัฒนาเครือข่ายให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
อย่างไรก็ตาม การที่เอไอเอส ลงทุนในการพัฒนาเครือข่ายให้รองรับ LTE-A Pro ไม่ใช่ว่าจะได้รับประโยชน์แต่เครื่องระดับพรีเมียมเพียงอย่างเดียว แต่ในกลุ่มระดับกลางบนที่รองรับการเชื่อมต่อ 2CA ก็จะได้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ล่าสุด ทางควอลคอมม์ เพิ่งเปิดตัวชิปเซต Snapdragon 835 รุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปขนาด 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Immersive VR. Connected Cloud Computing, Rich Entertainment, Instant App ที่แต่ละประเภทจะใช้การส่งผ่านข้อมูลปริมาณมหาศาล และชิปเซตนี้จะถูกนำไปใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
“ภายในปีนี้ คาดว่าจะมีสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน LTE-A เข้ามาในตลาดคิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 30% จากเครื่องใหม่ที่เข้ามาจำหน่าย และมีโอกาสที่สมาร์ทโฟนในระดับราคาประมาณ 5-6,000 บาท จะรองรับการใช้งานมากขึ้นด้วย”
นายเกรียงศักดิ์ วาณิชย์นที หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ที่ผ่านมา เอไอเอสได้มีการลงทุนเครือข่ายเพื่อขยายการให้บริการ 4G ครอบคลุมแล้ว 98% และยังมีการลงทุนต่อเนื่องอีก 4-5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้รองรับ 5G
“สิ่งที่เอไอเอส ทำในขณะนี้ คือ เผื่อในอนาคตที่ไม่มีการประมูลคลื่นความถี่ ขณะเดียวกัน จำนวนมือถือที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้โอเปอเรเตอร์ต้องหาทางนำคลื่นที่มีมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากยุค 3G ที่ใช้การรับส่ง 1 ทรานสมิชชัน (1T1R) พอเป็นยุค 4G ก็จะเพิ่มเป็น 2 ทรานสมิชชัน (2T2R)”
แต่เอไอเอส จะพัฒนาให้รองรับสูงถึง 32 ทรานสมิชชัน (32T32R) ต่อการเชื่อมต่อ ไม่นับรวมกับการทำ Gigabit Mobile Network ที่นำคลื่น 4G มารวมกับ Wi-FI เพิ่มรับ-ส่ง ให้ได้ความเร็ว 1 Gbps ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้งานเพื่อให้รองรับการทำงานในยุค 5G ที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2559 ควอลคอมม์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิส กรุ๊ป (อีเอสจี) ได้ทำงานร่วมกับเอไอเอส เพื่อทดสอบระบบ 256-QAM สำหรับการดาวน์โหลด และ 64-QAM สำหรับอัปโหลด พบว่าได้ความเร็วเพิ่มขึ้น 30% และ 50% ตามลำดับ
MGR Online
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000025704
Qualcomm + AIS ร่วมพัฒนาเครือข่าย - ดีไวซ์
ควอลคอมม์ เอ็กซ์คลูซีฟพาร์ตเนอร์ เอไอเอส ร่วมพัฒนาเครือข่าย และดีไวซ์ที่ใช้ชิปเซตของควอลคอมม์ ให้รองรับการเชื่อมต่อ 4G LTE Advance แบบเต็มประสิทธิภาพ พร้อมเตรียมการรับ 5G ในอนาคต เชื่อผู้ใช้งานดีไวซ์ทุกรายได้ประโยชน์
นายสุวิทย์ พฤกษ์วัฒนานนท์ ผู้จัดการใหญ่ประจำประเทศไทยและเมียนมา บริษัท ควอลคอมม์ อินคอร์ปอเรทเต็ด กล่าวถึงธุรกิจของควอลคอมม์ ในปัจจุบันว่า มีด้วยกัน 2 ส่วนหลักๆ คือ การพัฒนาชิปเซตที่นำมาใช้งานบนสมาร์ทโฟนที่ครอบคลุมตั้งแต่เอนทรีเลเวล ไปจนถึงเครื่องระดับพรีเมียม
ขณะเดียวกัน ควอลคอมม์ ก็จะมีรายได้อีกส่วนจากการถือไลเซนต์ในการพัฒนาชิปเซตที่รองรับเครือข่าย 3G และ 4G ที่จำหน่ายให้แก่แบรนด์ต่างๆ ในการนำไปผลิตชิปเซตเพื่อใช้งานบนสมาร์ทโฟน รวมถึงอุปกรณ์พกพา และอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตต่างๆ
สำหรับความร่วมมือกันในครั้งนี้ เพื่อให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถทำงานร่วมกันเพื่อสร้างโมบายอีโคซิสเตมให้กับผู้ใช้งานในประเทศไทย เนื่องจากเอไอเอสมีการลงทุนเครือข่ายสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำ CA, 4x4 MIMO ที่ต้องมีดีไวซ์ที่รองรับ ดังนั้น การทำงานอย่างใกล้ชิดจะช่วยให้พัฒนาเครือข่ายให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพสูงที่สุด
อย่างไรก็ตาม การที่เอไอเอส ลงทุนในการพัฒนาเครือข่ายให้รองรับ LTE-A Pro ไม่ใช่ว่าจะได้รับประโยชน์แต่เครื่องระดับพรีเมียมเพียงอย่างเดียว แต่ในกลุ่มระดับกลางบนที่รองรับการเชื่อมต่อ 2CA ก็จะได้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อที่รวดเร็วขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ล่าสุด ทางควอลคอมม์ เพิ่งเปิดตัวชิปเซต Snapdragon 835 รุ่นแรกของโลกที่ใช้ชิปขนาด 10 นาโนเมตร รองรับการใช้งานเทคโนโลยีใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Immersive VR. Connected Cloud Computing, Rich Entertainment, Instant App ที่แต่ละประเภทจะใช้การส่งผ่านข้อมูลปริมาณมหาศาล และชิปเซตนี้จะถูกนำไปใช้กับเครื่องรุ่นใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย
“ภายในปีนี้ คาดว่าจะมีสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน LTE-A เข้ามาในตลาดคิดเป็นสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 30% จากเครื่องใหม่ที่เข้ามาจำหน่าย และมีโอกาสที่สมาร์ทโฟนในระดับราคาประมาณ 5-6,000 บาท จะรองรับการใช้งานมากขึ้นด้วย”
นายเกรียงศักดิ์ วาณิชย์นที หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส กล่าวว่า ที่ผ่านมา เอไอเอสได้มีการลงทุนเครือข่ายเพื่อขยายการให้บริการ 4G ครอบคลุมแล้ว 98% และยังมีการลงทุนต่อเนื่องอีก 4-5 หมื่นล้านบาท เพื่อให้รองรับ 5G
“สิ่งที่เอไอเอส ทำในขณะนี้ คือ เผื่อในอนาคตที่ไม่มีการประมูลคลื่นความถี่ ขณะเดียวกัน จำนวนมือถือที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้โอเปอเรเตอร์ต้องหาทางนำคลื่นที่มีมาใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากยุค 3G ที่ใช้การรับส่ง 1 ทรานสมิชชัน (1T1R) พอเป็นยุค 4G ก็จะเพิ่มเป็น 2 ทรานสมิชชัน (2T2R)”
แต่เอไอเอส จะพัฒนาให้รองรับสูงถึง 32 ทรานสมิชชัน (32T32R) ต่อการเชื่อมต่อ ไม่นับรวมกับการทำ Gigabit Mobile Network ที่นำคลื่น 4G มารวมกับ Wi-FI เพิ่มรับ-ส่ง ให้ได้ความเร็ว 1 Gbps ที่จะช่วยเพิ่มความเร็วในการใช้งานเพื่อให้รองรับการทำงานในยุค 5G ที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
นอกจากนี้ ในช่วงปลายปี 2559 ควอลคอมม์ เอ็นจิเนียริ่ง เซอร์วิส กรุ๊ป (อีเอสจี) ได้ทำงานร่วมกับเอไอเอส เพื่อทดสอบระบบ 256-QAM สำหรับการดาวน์โหลด และ 64-QAM สำหรับอัปโหลด พบว่าได้ความเร็วเพิ่มขึ้น 30% และ 50% ตามลำดับ
MGR Online
http://www.manager.co.th/Cyberbiz/ViewNews.aspx?NewsID=9600000025704