[CR] Sunshine Coast, Australia: ในส่วนของชีวิตคันทรี่ๆในแบบ Aussie Style นั้น มีความดีงาม

กระทู้ก่อนหน้านี้
บริสเบน ออสเตรเลีย เมืองนี้มีอะไร https://pantip.com/topic/35990007
บริสเบน ออสเตรเลีย เมืองนี้มีอะไร ตอนที่ 2 South Bank https://pantip.com/topic/36013739
Sunshine Coast, Australia: เมื่อแผ่นฟ้าและน้ำทะเลเป็นสีเดียวกัน https://pantip.com/topic/36058951

ทริปประเทศออสเตรเลีย เป็นเรื่องปกติที่หลายคนคงเลือกเดินทางไปยังเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ รวมถึงตัวเราด้วย น้อยคนที่จะได้สัมผัสกับบรรยากาศท้องทุ่งสีเขียวที่อยู่นอกเมือง เราเป็นหนึ่งในคนที่ชอบบรรยากาศคันทรี่ๆแบบฝรั่งมาก มีบ้านไม้หลังเล็กๆอยู่กลางทุ่ง มองออกไปเห็นวัวเล็มหญ้า มีม้าวิ่งเล่นไปทั่ว วิวข้างทางเป็นไร่องุ่น นี่มันชีวิตในฝันของเราเลย จากกระทู้ที่ผ่านมา เราได้เห็นทะเลสีฟ้าแถบชายฝั่ง Sunshine Coast กันมาแล้ว คราวนี้เราจะลองขับรถชมวิวท้องทุ่งสีเขียวกันบ้าง
Sunshine Coast Hinterland เป็นแผ่นดินหลังฝั่งทะเล มีความอุดมสมบูรณ์มาก เหมาะแก่การทำเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ห่างจากตัวเมือง Brisbane ประมาณชั่วโมงนิดๆ เราขับรถจากชายหาด Mooloolaba มาถึง Maleny ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ถนนมีควมชันนิดหน่อย บรรยากาศสองข้างทางเป็นเนินเขาสลับกัน เห็นเเล้วก็นึกถึงเทเลทับบี้  
คอกวัวหลังคาสังกะสีมีไว้เป็นที่หลับนอนและหลบฝนให้กับน้องวัว
Maleny มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะพอสมควร ประเดิมเช้าวันนี้ด้วยการชิมไวน์ที่ Maleny Mountain Wines
เดินเข้าไปข้างใน พนักงานก็เตรียมไวน์ในแก้วพลาสติกเล็กๆไว้ให้เราได้ชิมฟรีๆ รู้สึกว่ามันขม เป็นเพราะเราไม่ดื่มแอลกอฮอล์อะไรด้วยมั้ง ที่ไม่ดื่มเพราะรู้สึกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มันขมนี่แหล่ะ ไม่อร่อย 55555 ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอะไรเลย

รอบๆ Maleny Mountain Wines เป็นสวนส้มและไร่องุ่นเล็กๆ แต่ตอนที่เราไปเขาชั่วคราว เสียใจเบาๆ แต่ไม่เป็นไร ได้ดูม้ากำลังเล็มหญ้าแทน
ขับรถต่อไม่ถึง 5 นาทีบนถนนเส้นเดียวกัน Mountain View Road ก็เจอกับจุดชมวิวที่ตรงตามชื่อถนนเลย ภูเขาหลายลูกที่มองเห็นเรียกว่า Glass House Mountains เป็นกลุ่มภูเขาไฟที่ดับแล้ว
ฝั่งตรงข้ามจุดชมวิวเป็นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในป่าสงวน Mary Cairncross ข้างในป่าฯอากาศเย็นมาก ต้นไม้มีแต่ต้นใหญ่ๆ
หลังจากเดินสักพักพอให้ได้ยืดแข้งยืดขา เราก็ไปกันต่อที่สวนพฤกษศาสตร์ Maleny ยังอยู่บนถนนเส้นเดิม สวนฯจะแบ่งเป็น 3 โซน คือ สวนดอกไม้ สวนนก และสวนสัตว์แคระ

เราชอบสวนนกมาก ให้อาหารนกสนุกดี มีนกเยอะมากด้วย บินเกาะหัวคนไปทั่ว ก่อนเข้าไปต้องถอดเครื่องประดับออกก่อน เพราะนกชอบบินมาจิกเล่นหรือไม่ก็ดึงไปเลย  
Black Cockatoo
Rainbow Lorikeet
นี่นกหรือไก่ หรืออะไรก็ไม่รู้
ที่ต่อไปคือฟาร์มโคนม Maleny Dairies ทางเข้าให้บรรยากาศแบบคันทรี่สุดๆ
มาที่นี่ถือว่าได้ความรู้อะไรหลายอย่าง เขาจะพาเราไปดูขั้นตอนการรีดนมวัวไปจนถึงกระบวนการต่างๆจนกว่าจะได้นมเป็นกล่องส่งออกขายไปทั่วออสเตรเลีย
Belladonna เป็นชื่อของแม่วัวที่ทำลายสถิติผลิตนมดิบได้มากที่สุด โดยใน 1 วันสามารถรีดนมได้ถึง 70.5 ลิตร และถูกบันทึกลงกินเนสส์บุ๊คเรียบร้อย โดยเฉลี่ยวัวที่ฟาร์มแต่ละตัวจะผลิตนมวันละ 7 - 15 ลิตรต่อวัน
เด็กๆให้ขนมปังแม่วัวกันอย่างสนุกสนาน
มีป้อนนมลูกวัวด้วย
หลักจากลูกวัวหย่านม ลูกวัวตัวผู้จะถูกส่งไปฟาร์มอื่นและจะถูกเลี้ยงให้กลายเป็นพ่อพันธุ์ต่อไป ส่วนลูกวัวตัวเมียก็จะถูกเลี้ยงให้เป็นแม่พันธุ์ รอการผสมจนตั้งท้องจึงจะให้นมได้
ที่ฟาร์มมีโยเกิร์ตและนมเปรี้ยวให้ได้ลองชมฟรีๆด้วย
ใกล้เที่ยงแล้ว เราเลยขับรถเข้าไปในตัวเมืองของ Maleny หาร้านคาเฟ่อร่อยๆกินกัน
Maleny เป็นชุมชนเล็กๆ มีซอยเล็กๆให้เดิน เข้าไปข้างในเป็นแหล่งรวมร้านคาเฟ่ แต่ละร้านตกแต่งได้น่ารักมาก มีโต๊ะนั่งของส่วนกลาง อารมณ์แบบสั่งของร้านนั่นนี่แล้วมานั่งกินด้วยกัน

พออาหารมาเสิร์ฟ เราก็มีแขกไม่ได้รับเชิญมาขอร่วมแจมด้วย นางคือ Goana สัตว์ท้องถิ่นของที่นี่ เป็นกิ้งก่าที่ตัวอ้วนมาก เราเลยยื่นผักให้กิน จะได้ไม่อ้วน
ขับรถออกจาก Maleny ไปอีกหมู่บ้านเล็กๆอีกที่หนึ่งคือ Montville บรรยากาศสองข้างทางสวยจนไม่รู้จะอุทานด้วยคำว่าอะไร
ผ่านจุดชมวิวที่มองเห็น Glass House Mountains อยู่ไกลๆ
อีกด้านมองเห็นพื้นที่การเกษตรและบ้านคน นี่แหล่ะ ที่ที่เราอยากย้ายมาอยู่
บ้านเรือนในเขตชุมชนของ Montville ออกแนวยุโรป น่ารักๆ ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านแห่งศิลปะ มีพวกอาร์แกลลอรี่ ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์พวกนม ชีส ช็อกโกแลต วิวสองข้างถนนจะเป็นเนินเขา+ทุ่งหญ้า มีวัว ม้า เดินในทุ่ง บรรยากาศดีมาก
เราลองเดินสุ่มๆมาสักร้าน สุดท้ายตกลงที่ร้านช็อกโกแล็ต มันคือสวรรค์ดีๆของคนรักขนมหวานเลย

เดินออกร้านนู้นแวะร้านนี้หาซื้อของฝากกลับเมืองไทยไปเรื่อย จนมาเจอกับโบสถ์เล็กๆตรงนี้ ซึ่งจริงๆแล้วมันคือสถานที่จัดงานแต่งงานนั่นเอง
Montville ก็คือ Mapleton ที่นี่มีน้ำตก Kondalilla Falls แต่ต้องเดินป่าเข้าไปนิดหน่อย
แถวนี้มีป่าสงวนและอุทยานแห่งชาติเยอะมาก เหตุผลหนึ่งก็คือการป้องกันการขยายตัวของเขตชุมชนและเกษตรกรรม เรามาหยุดกันที่อุทยานแห่งชาติ Mapleton แต่ไม่ได้เดินเข้าไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เพราะเป็นช่วงบ่ายพอดี อากาศเริ่มร้อน ก็เลยมาถ่ายรูปตรงจุดชมวิวข้างหน้าอุทยานฯ 55555
เมืองเล็กๆเหล่านี้อยู่ห่างกันไม่ไกลเลย ไม่ถึง 10 กม. เหมือนเราขับรถหยุดๆจอดๆ เพราะระหว่างทางมีอะไรให้ดูตลอดเวลา ได้อารมณ์ Road Trip เบาๆ
จาก Mapleton ไปยัง Keniworth ใช้เวลาเกือบ 40 นาที เพราะจะต้องขับรถผ่านทุ่งหญ้า Mary Valley ไม่มีที่อยู่อาศัยเลย สองข้างทางก็ไม่มีเสาไฟฟ้าด้วย โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ ตอนกลางคืนคงน่ากลัวน่าดู
ทำให้นึกถึงหนังเรื่อง Wolf Creek ที่สร้างมาจากเรื่องจริงของฆาตรกร 7 ศพ Ivan Milat โดย 5 ใน 7 ศพที่เขาฆ่านั้นเป็นนักท่องเที่ยว Backpacker จนได้รับฉายาว่า นักฆ่าแบ็คแพ็กเกอร์ เขาถูกจับในปี 1994 และตอนนี้ก็ยังอยู่ในคุก แต่เรื่องนักท่องเที่ยวหายสาบสูญจากอุทยานแห่งชาติมีทุกปี อาจจะหลงป่าหรือไม่ก็เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา...ก็ไม่รู้ บรรยากาศแถวนี้มันก็เหมาะกับฉากหนังฆาตรกรรมซะเหลือเกิน
เราต้องขับรถย้อนกลับมา Maleny เพื่อซื้อของ เพราะว่าเรามีแผนจะไปนอนเต็นท์ค้างคืนกันที่เขื่อน Somerset
อุปกรณ์ต่างๆต้องเตรียมไปเอง ที่นี่มีห้องน้ำห้องอาบน้ำให้ สะอาดมาก มีน้ำอุ่นด้วย และก็ยังมีเตาย่างบาร์บีคิวให้ด้วย
พอเรากางเต็นท์เสร็จ ก็ออกไปเดินสำรวจรอบๆลานกางเต็นท์ จะสังเกตเห็นรั้วกั้นไว้ในบางจุด เพราะช่วงกลางคืนเป็นเวลาออกหากินของหมูป่า พอสซั่ม และกระต่ายป่าซึ่งตัวใหญ่มาก อาจจะทำอันตรายเราได้
โชคนี้ที่เคยนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น  เป็นคืนที่สงบสุข เก็บของขึ้นรถเตรียมพร้อมไปเดินป่าที่ Glass House Mountains จากเขื่อนเราต้องขับรถผ่าน Kilcoy และ Woodford เป็นถนนที่ขับรถแล้วเพลิดเพลินมากกกก
Glass House Mountains เป็นกลุ่มภูเขาทั้งหมด 11 ลูก โดยมี Mount Ngungun (ไม่รู้ว่าอ่านออกเสียงว่ายังไง 5555) เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้วอายุกว่า 25 ล้านปี ส่วนภุเขาที่อยู่โดยรอบเกิดจากการปะทุของลาวาจาก Mount Ngungun ที่สูง 253 เมตร จริงๆแล้วก็ไม่ได้สูงมากเลย แต่กว่าจะเดินขึ้นไปถึงยอกก็เหนื่อยเหมือนกัน ข้างบนยอดเขาสามารถมองเห็นวิว Sunshine Coast ได้ 360 องศาเลย
ฝั่งซ้ายมือสุดเป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 3  
ด้านหน้าสุดที่มียอดแหลมๆคือยอดเขาที่สูงเป็นอันดับ 2 ชื่อว่า Mount Coonowrin ต้องใช้อุปกรณ์ปีนเขาเท่านั้นถึงจะขึ้นไปถึงยอดได้
ส่วนที่อยู่ด้านหลังคือ Mount Beerwah แน่นอนว่าความสูงต้องมาเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 556 เมตร