
สำหรับใครที่หาที่ปฏิบัติธรรมผมขอแนะนำที่นี่เลยครับ สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เดินทางไปสะดวก วัดสะอาด เงียบ บรรยากาศดีมาก เหมาะกับผู้ใฝ่หาความสงบและนักปฏิบัติธรรมทั้งมือใหม่และคนที่ต้องการปฏิบัติจริงๆ
สำหรับผมเองผมไม่เคยไปปฏิบัติธรรมที่ไหนเลย ที่นี่เป็นที่แรกและมันก็ทำให้ประทับใจมาก ไม่เคร่งจนเกินไป ใครทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น แต่ที่แน่ๆจะได้แต่สิ่งดีๆ ได้เจอคนดีๆที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน ได้อะไรใหม่ๆเยอะครับ ^ ^
กิจกรรมหลักๆก็คือ
03.00 ระฆังดัง ปลุกให้ตื่น
03.30 เริ่มทำวัตรเช้าโดยจะมีการนั่งสมาธิก่อน จากนั้นก็ฟังธรรม สวดมนต์
05.00 หลังจากทำวัตรเสร็จก็ปล่อยว่าง รอพระออกบิณฑบาตตอนฟ้าสาง ส่วนใหญ่ผู้หญิงก็จะไปช่วยงานครัวกัน ผู้ชายก็เตรียมของไปเป็นเด็กวัดเดินตามพระบิณฑบาต ซึ่งผมเอากล้องไปด้วยเป็น Sony s5100 เลยได้เก็บภาพประทับใจมาฝากเท่าที่ฝีมือจะเอื้ออำนวย ฮ่าๆ
08.00 กลังจากกลับจากบิณฑบาตก็จะเอาของที่ญาติโยมใส่บาตรมาให้ไปไว้ที่โรงครัว จากนั้นก็นำไปรวมกับของที่โรงครัวทำนำขึ้นไปถวายพระ ซึ่งท่านจะฉันแค่มื้อนี้มื้อเดียว หลังจากท่านฉันเรียบร้อยเราก็จะช่วยกันนำข้าวลงมาแบ่งกันกินทั้งแม่ชี คนครัว ผู้มาปฏิบัติธรรม ก็จะมาทานข้าวด้วยกันครับ จะทานวง ทานเดี่ยว ก็แล้วแต่ความชอบได้เลย หลังจากทานเสร็จก็ช่วยกันล้างจานแล้วก็ปล่อยตามสบาย ใครจะไปทำอะไรก็ได้ ส่วนใหญ่ก็จะเดินจงกรม นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ เดินชมวัด นั่งดูธรรมชาติ อันนี้แล้วแต่เลยครับ เขาปล่อยเราตามสบาย ซึ่งมันดีจริงๆ ถ้าเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิไม่เป็นก็สามารถถามพระ หรือผู้ที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกันก็ได้ สัญญาณโทรศัพท์และเน็ตก็มี แนะนำตรงแถวๆโรงครัวและเจดีย์ สัญญาณจะดีครับ เผื่อมีเรื่องต้องติดต่อภายนอก แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเล่นมือถือกันเท่าไหร่ครับ เขาไม่ได้ห้าม อยู่ที่เราว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้เล่นได้ไหม
11.00 ช่วงเวลานี้ถ้าใครจะทานข้าวเที่ยงก็มาที่โรงครัวได้ครับ โดยจะตักข้าวไว้จากมื้อเช้าเท่าที่เราจะทานเอามาเผื่อไว้เป็นมื้อกลางวันโดยเอาฝาชีครอบไว้ แต่บางท่านก็ไม่ทานครับเพราะจะทานแค่มื้อเดียว แต่ผมนี่ซัดแหลก ฮ่าๆ ถ้าถือแค่ศีล 5 ก็กิน 3 มื้อได้ปกติ แต่ถ้าถือศีล 8 ต้องห้ามทานอะไรหลังเที่ยง ซึ่งผมยังระดับอนุบาลเลยถือแค่ศีล 5 ครับ แหะๆ แต่ตอนเย็นก็ไม่ทานครับ จะทานแค่น้ำหรือไมโลเท่านั้น
15.00 ระฆังจะดัง ทุกคนก็จะมาช่วยกันทำความสะอาดวัด ทั้งกวาดวัด ล้างห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ ผมนี่จองล้างห้องน้ำเลย แต่ห้องน้ำที่นี่สะอาดมาก ล้างแปปเดียวก็เสร็จ ก็เลยกวาดวัดด้วย รดน้ำต้นไม้ด้วย สนุกดีครับ ทุกคนช่วยกัน ทางขึ้นวัดเป็นบันได้ 500 กว่าขั้น ช่วยกันกวาดจนสะอาดทุกวัน ทุกคนสามัคคีกันมาก หลังจากนั้นก็ปล่อยตามสบายเช่นเดิม
19.00 ระฆังดังทำวัตรเย็น ก็จะมานั่งสมาธิ ฟังธรรม แล้วก็สวดมนต์ เสร็จประมาณสองทุ่มกว่าๆก็ปล่อยมาเข้านอนครับ
นี่คือกิจกรรมคร่าวๆของทางสำนักสงฆ์ ท่านใดสนใจก็สามารถมาได้เลยครับ ไม่ได้โทรจอง มาได้ทุกเวลา มาถึงก็ขึ้นบนไดไป 500 ขั้น ไปถึงโรงครัวก็บอกแม่ชีว่าจะมาปฏิบัติธรรม ผู้หญิงจะลงทะเบียนกับแม่ชี ส่วนผู้ชายจะลงกับพระครับ ส่วนเวลาว่างช่วงกลางวันใครจะลงเขามาหาพระอาจารย์วรบูรณ์ก็ได้ ท่านจะสอนนั่งสมาธิได้ดีมาก อาจจะดุดัน แต่ก็ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม
อยากบอกว่าการมาปฏิบัติธรรมที่วัดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลยครับ มีแค่ค่ารถที่เราต้องใช้ไป-กลับ กับค่าทำบุญซึ่งไม่ได้มีใครบังคับนะครับ ผมเองตอนวันกลับก็ได้หยดตู้ทำบุญไปตามกำลัง แล้วก็ล่ำลาทุกคน แต่ทั้งนี้ก็มีของที่ต้องเตรียมไปอยู่ครับ ได้แก่
1.เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว อันนี้เตรียมไปไม่ต้องเยอะก็ได้ครับ จะได้ไม่หนัก เพราะเขามีที่ซักผ้าให้ สบายมาก ส่วนชุดจะสีอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่รัดรูป กางเกงขายาว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีขาว เทา ดำ หรือสีอ่อนๆครับ
2.ผ้าคลุมไหล่หรือเสื้อกันหนาว ผมพลาดมากที่ไม่ได้เอาไป โชคดีที่เจอพี่ใจดีแบ่งผ้าให้ เพราะตอนเช้ากับกลางคืนจะหนาวมาก นี่ขนาดผมไปช่วงมีนานะครับ
3.ไฟฉาย สำคัญมาก ควรเอาไปครับ
4.ยารักษาโรค ถ้ามีโรคประจำตัวก็อย่าลืมเอาไปนะครับ
5.เตรียมร่างกายให้พร้อม อย่าไปเป็นภาระของทางวัดเลยครับถ้าร่างกายไม่พร้อม เพราะต้องมีการขึ้นบันใดหลายขั้น การทำความสะอาด เราไปรบกวนเขา ก็ควรจัดการตัวเองให้พร้อมเสียก่อนครับ
6.หนังสือดีๆสักเล่ม ถ้าอยากเอาไปนะครับ แต่ที่สำนักสงฆ์ก็มีหนังสือให้อ่านตรงหน้าที่พักเลยครับ โดยที่พักจะมีทั้งศาลารวม และบ้านหลังเล็กๆ ถ้าศาลารวมผู้หญิงจะนอนชั้นบน ผู้ชายจะนอนชั้นล่างครับ ส่วนบ้านจะพักได้หลังละคน ด้านในจะมีป่าไว้สำหรับเดินจงกรมด้วยครับ
7.นอกนั้นก็เป็นของจำเป็นทั่วไปพวกสบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่วัดมีหมอน เสื่อ และผ้าห่มให้ ก่อนกลับก็ตากแดดและเก็บให้เรียบร้อย ถ้ามีเวลาก็ซักตากไปเลยครับ คนที่มาใช้ต่อจะได้ใช้สะอาดๆ แต่ส่วนใหญ่ที่นี่เขาก็ซักกันเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกอย่างที่นี่สะอาดมาก ตั้งแต่การทำอาหาร ห้องน้ำ ไปจนถึงที่พัก แต่ที่พักกว้างๆอาจมีฝุ่นหรือแมลง หรือใบไม้บ้าง เราก็ต้องช่วยกันทำความสะอาดครับ

บริเวณหน้าสำนักสงฆ์

ทางขึ้นไปบนสำนักสงฆ์

ขึ้นมาได้ครึ่งทางก็จะได้เห็นพระเจดีย์ เลยขอแชะสักหนึ่งภาพ ;)

มาถึงด้านบนถ้ำและที่ทำวัตรจะอยู่ด้านหน้าที่เป็นหลังคาหยักๆ ด้านขวาเป็นพระเจดีย์ ด้านซ้ายที่ตกเฟรมไปเป็นโรงครัว เราเลี้ยวซ้ายเข้าโรงครัวได้เลยครับโดยผมไปกับน้องสาว จึงจะพาน้องสาวไปลงทะเบียนกับแม่ชีที่โรงครัวก่อน

ภายในโรงครัวครับ จะเห็นได้ว่าโล่ง สะอาด ทุกคนช่วยกันทำงาน

เดินออกมาจากโรงครัว หันหลังให้พระเจดีย์ ด้านหน้าเราจะเป็นที่พักรวม ที่เป็นศาลาไกลๆนั่นแหละครับ

ภายในที่พัก ผู้ชายจะอยู่ชั้นล่าง ผู้หญิงจะอยู่ชั้นบน ผมมาถึงช่วงเช้าจึงทานข้าวแล้วเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนชุดในที่พัก ของผมต้องรอลงทะเบียนกับพระช่วงทำวัตรเย็นครับ

แต่งตัวเรียบร้อยก็ขึ้นไปกราบพระในถ้ำ ด้านหลังที่เห็นเป็นช่องสามารถเดินทะลุไปกุฏิของหลวงปู่สิมได้ครับ

กุฏิหลวงปู่สิมพร้อมรูปปั้นจำลองของท่าน ท่านเป็นผู้สร้างที่นี่ เมื่อก่อนท่านมาปักกลดที่ซอกหินนี้และได้พัฒนาจนที่นี่กลายเป็นสำนักสงฆ์ และยังเคยมีพญานาคที่อาศัยอยู่ที่นี่มากราบท่านด้วย และคาดว่าทุกวันนี้พญานาคตนนั้นก็ยังอยู่

ถ้าหันหน้าเข้าหาถ้ำ ทางซ้ายมือจะเป็นทางขึ้นไปบนพระเจดีย์

หรือจะขึ้นจากทางด้านหน้าพระเจดีย์ก็ได้เช่นกัน

บรรยากาศบนพระเจดีย์ ผมกับน้องชอบขึ้นมาอยู่บนนี้ เพราะบรรยากาศดีมาก อาจจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินชมบ่อยๆ แต่ช่วงเย็นๆจะสงบ

มองลงไปจากทางลงด้านหน้าของพระเจดีย์ จะเห็นวิวทิวเขาที่สวยงามของเชียงดาว

บรรยากาศตอนนั่งสมาธิก่อนทำวัตร พระกำลังทยอยกันมาครับ แต่ผมถ่ายตอนท่านมานั่งรูปเดียว

บรรยากาศตอนตามพระไปบิณฑบาตร

ผมชอบภาพนี้มาก เพราะคุณยายดูมีความสุขมาก ดีใจที่ถ่ายไว้ทัน ^ ^

รูปสุดท้ายเป็นพี่ๆที่เจอตอนปฏิบัติธรรมครับ ผมได้รับความช่วยเหลือจากพี่ๆเยอะมาๆ ถ้าไม่ได้พี่ๆผมกับน้องแย่แน่ ทั้งสบู่ ยาสระผม เสื้อกันหนาว ไฟฉาย ผมลืมเอาไปหมดเลย เสื้อกันหนาวตอนแรกคิดว่า เชียงใหม่คงไม่หนาวแล้วเพราะหน้าร้อนแล้ว ที่ไหนได้ตอนกลางคืนหนาวมากครับ พี่ๆให้ผ้ามาคลุม ให้ไฟฉายมาใช้ ให้ใช้สบู่กับยาสระผมด้วย แถมพาไปเลี้ยงกาแฟระหว่างไปกราบพระอาจารย์วรบูรณ์อีก ขอบคุณพี่ๆจริงๆครับ ไม่รู้ว่าไปปฏิบัติธรรมหรือไปสร้างความลำบากให้คนอื่นกันแน่ผมนี่ฮ่าๆ แต่ก็มีความสุขและรู้สึกดีมากๆครับ ทุกคนใจดี มาที่นี่คุณจะได้สิ่งดีๆกลับมาแน่นอน
การเดินทาง
การเดินทางก็มีหลายแบบครับ ได้แก่
1.ขึ้นเครื่องบิน หรือรถไฟ หรือรถทัวร์ มาลงที่เชียงใหม่แล้วต่อรถที่อาเขตมาเชียงดาว ใช้เวลา 2 ชม.กว่าๆก็ถึงเชียงดาว จากนั้นก็เหมาสองแถวขึ้นไปสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่องได้เลยครับ ประมาณ 150 บาท
2.นั่งรถทัวร์ที่หมอชิตสาย กรุงเทพ-ท่าตอน ตรงมาลงเชียงดาวเลย ไม่แวะเชียงใหม่ มีทั้ง ป.1 ป.2 และ VIP ราคาก็ 500-800 กว่าบาทครับ พอลงเชียงดาวก็ต่อรถไปถ้ำผาปล่องได้เลยครับ อย่าลืมขอเบอร์รถไว้ด้วยเพื่อให้มารับตอนขากลับครับ โดยที่วัดมีสัญญาณ สามารถโทรได้ แนะนำตรงแถวๆโรงครัวและเจดีย์ สัญญาณจะดีครับ แต่บางทีได้เพื่อนใหม่บนสำนักสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน บางทีก็ติดรถเขามาได้ หรือรถรับส่งพระก็ขอติดลงมาได้ ใจดีกันมากๆครับ
3.ถ้ารถส่วนตัวก็ขับมาได้เลยครับ
สุดท้ายต้องบอกว่าที่นี่ไม่ใช้ธุรกิจ ไม่มีการเสียค่าใช้จ่าย ไม่มีการเรียกร้อง ใครจะเข้าไปก็ได้ แต่ต้องไม่ไปทำตัวเสียหาย ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ทางสำนักสงฆ์ ไปก็ไปเอาความรู้สึกดีๆกลับมา ทำบุญทำทานเท่าที่เราจะทำได้ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ขนาดหลวงปู่ที่อยู่บนสำนักสงฆ์ยังบอกเลยว่า "ว่างๆก็มาอีกนะ มาอยู่กี่วันก็ได้" ท่านใจดีมาก ถ้าไม่มีคนมาปฏิบัติธรรมพระท่านก็จะทำกิจต่างๆเองอยู่แล้ว ทั้งกวาดวัด ล้างห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ เราเข้าไปจึงไปช่วย ขนาดไปช่วยพระท่านก็ยังทำกันอยู่เลยครับ ไม่ได้นั่งดูเฉยๆ หลวงปู่อายุมากแล้วก็ยังเดินลงมารดน้ำต้นไม้ทุกวัน ยังไงก็ขอให้ท่านที่ตั้งใจไปได้ไปสมใจและเจอแต่สิ่งดีๆนะครับ ส่วนใครกลัวผีผมยืนยันเลยว่า ไม่มีครับ ผมเองก็กลัว แต่พอไปจริงๆมันรู้สึกปลอดภัยมากกว่า จำไว้ว่าเราไปปฏิบัติธรรมครับ ผีไม่ทำอะไรเราหรอก
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ และหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ ^ ^
[CR] ปฏิบัติธรรมสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง สะอาด สงบ สบาย ใครๆก็ไปได้
สำหรับใครที่หาที่ปฏิบัติธรรมผมขอแนะนำที่นี่เลยครับ สำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ เดินทางไปสะดวก วัดสะอาด เงียบ บรรยากาศดีมาก เหมาะกับผู้ใฝ่หาความสงบและนักปฏิบัติธรรมทั้งมือใหม่และคนที่ต้องการปฏิบัติจริงๆ
สำหรับผมเองผมไม่เคยไปปฏิบัติธรรมที่ไหนเลย ที่นี่เป็นที่แรกและมันก็ทำให้ประทับใจมาก ไม่เคร่งจนเกินไป ใครทำเท่าไหร่ได้เท่านั้น แต่ที่แน่ๆจะได้แต่สิ่งดีๆ ได้เจอคนดีๆที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน ได้อะไรใหม่ๆเยอะครับ ^ ^
กิจกรรมหลักๆก็คือ
03.00 ระฆังดัง ปลุกให้ตื่น
03.30 เริ่มทำวัตรเช้าโดยจะมีการนั่งสมาธิก่อน จากนั้นก็ฟังธรรม สวดมนต์
05.00 หลังจากทำวัตรเสร็จก็ปล่อยว่าง รอพระออกบิณฑบาตตอนฟ้าสาง ส่วนใหญ่ผู้หญิงก็จะไปช่วยงานครัวกัน ผู้ชายก็เตรียมของไปเป็นเด็กวัดเดินตามพระบิณฑบาต ซึ่งผมเอากล้องไปด้วยเป็น Sony s5100 เลยได้เก็บภาพประทับใจมาฝากเท่าที่ฝีมือจะเอื้ออำนวย ฮ่าๆ
08.00 กลังจากกลับจากบิณฑบาตก็จะเอาของที่ญาติโยมใส่บาตรมาให้ไปไว้ที่โรงครัว จากนั้นก็นำไปรวมกับของที่โรงครัวทำนำขึ้นไปถวายพระ ซึ่งท่านจะฉันแค่มื้อนี้มื้อเดียว หลังจากท่านฉันเรียบร้อยเราก็จะช่วยกันนำข้าวลงมาแบ่งกันกินทั้งแม่ชี คนครัว ผู้มาปฏิบัติธรรม ก็จะมาทานข้าวด้วยกันครับ จะทานวง ทานเดี่ยว ก็แล้วแต่ความชอบได้เลย หลังจากทานเสร็จก็ช่วยกันล้างจานแล้วก็ปล่อยตามสบาย ใครจะไปทำอะไรก็ได้ ส่วนใหญ่ก็จะเดินจงกรม นั่งสมาธิ อ่านหนังสือ เดินชมวัด นั่งดูธรรมชาติ อันนี้แล้วแต่เลยครับ เขาปล่อยเราตามสบาย ซึ่งมันดีจริงๆ ถ้าเดินจงกรมหรือนั่งสมาธิไม่เป็นก็สามารถถามพระ หรือผู้ที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกันก็ได้ สัญญาณโทรศัพท์และเน็ตก็มี แนะนำตรงแถวๆโรงครัวและเจดีย์ สัญญาณจะดีครับ เผื่อมีเรื่องต้องติดต่อภายนอก แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยเล่นมือถือกันเท่าไหร่ครับ เขาไม่ได้ห้าม อยู่ที่เราว่าจะห้ามตัวเองไม่ให้เล่นได้ไหม
11.00 ช่วงเวลานี้ถ้าใครจะทานข้าวเที่ยงก็มาที่โรงครัวได้ครับ โดยจะตักข้าวไว้จากมื้อเช้าเท่าที่เราจะทานเอามาเผื่อไว้เป็นมื้อกลางวันโดยเอาฝาชีครอบไว้ แต่บางท่านก็ไม่ทานครับเพราะจะทานแค่มื้อเดียว แต่ผมนี่ซัดแหลก ฮ่าๆ ถ้าถือแค่ศีล 5 ก็กิน 3 มื้อได้ปกติ แต่ถ้าถือศีล 8 ต้องห้ามทานอะไรหลังเที่ยง ซึ่งผมยังระดับอนุบาลเลยถือแค่ศีล 5 ครับ แหะๆ แต่ตอนเย็นก็ไม่ทานครับ จะทานแค่น้ำหรือไมโลเท่านั้น
15.00 ระฆังจะดัง ทุกคนก็จะมาช่วยกันทำความสะอาดวัด ทั้งกวาดวัด ล้างห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ ผมนี่จองล้างห้องน้ำเลย แต่ห้องน้ำที่นี่สะอาดมาก ล้างแปปเดียวก็เสร็จ ก็เลยกวาดวัดด้วย รดน้ำต้นไม้ด้วย สนุกดีครับ ทุกคนช่วยกัน ทางขึ้นวัดเป็นบันได้ 500 กว่าขั้น ช่วยกันกวาดจนสะอาดทุกวัน ทุกคนสามัคคีกันมาก หลังจากนั้นก็ปล่อยตามสบายเช่นเดิม
19.00 ระฆังดังทำวัตรเย็น ก็จะมานั่งสมาธิ ฟังธรรม แล้วก็สวดมนต์ เสร็จประมาณสองทุ่มกว่าๆก็ปล่อยมาเข้านอนครับ
นี่คือกิจกรรมคร่าวๆของทางสำนักสงฆ์ ท่านใดสนใจก็สามารถมาได้เลยครับ ไม่ได้โทรจอง มาได้ทุกเวลา มาถึงก็ขึ้นบนไดไป 500 ขั้น ไปถึงโรงครัวก็บอกแม่ชีว่าจะมาปฏิบัติธรรม ผู้หญิงจะลงทะเบียนกับแม่ชี ส่วนผู้ชายจะลงกับพระครับ ส่วนเวลาว่างช่วงกลางวันใครจะลงเขามาหาพระอาจารย์วรบูรณ์ก็ได้ ท่านจะสอนนั่งสมาธิได้ดีมาก อาจจะดุดัน แต่ก็ชัดเจน ไม่อ้อมค้อม
อยากบอกว่าการมาปฏิบัติธรรมที่วัดไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลยครับ มีแค่ค่ารถที่เราต้องใช้ไป-กลับ กับค่าทำบุญซึ่งไม่ได้มีใครบังคับนะครับ ผมเองตอนวันกลับก็ได้หยดตู้ทำบุญไปตามกำลัง แล้วก็ล่ำลาทุกคน แต่ทั้งนี้ก็มีของที่ต้องเตรียมไปอยู่ครับ ได้แก่
1.เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว อันนี้เตรียมไปไม่ต้องเยอะก็ได้ครับ จะได้ไม่หนัก เพราะเขามีที่ซักผ้าให้ สบายมาก ส่วนชุดจะสีอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่รัดรูป กางเกงขายาว ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีขาว เทา ดำ หรือสีอ่อนๆครับ
2.ผ้าคลุมไหล่หรือเสื้อกันหนาว ผมพลาดมากที่ไม่ได้เอาไป โชคดีที่เจอพี่ใจดีแบ่งผ้าให้ เพราะตอนเช้ากับกลางคืนจะหนาวมาก นี่ขนาดผมไปช่วงมีนานะครับ
3.ไฟฉาย สำคัญมาก ควรเอาไปครับ
4.ยารักษาโรค ถ้ามีโรคประจำตัวก็อย่าลืมเอาไปนะครับ
5.เตรียมร่างกายให้พร้อม อย่าไปเป็นภาระของทางวัดเลยครับถ้าร่างกายไม่พร้อม เพราะต้องมีการขึ้นบันใดหลายขั้น การทำความสะอาด เราไปรบกวนเขา ก็ควรจัดการตัวเองให้พร้อมเสียก่อนครับ
6.หนังสือดีๆสักเล่ม ถ้าอยากเอาไปนะครับ แต่ที่สำนักสงฆ์ก็มีหนังสือให้อ่านตรงหน้าที่พักเลยครับ โดยที่พักจะมีทั้งศาลารวม และบ้านหลังเล็กๆ ถ้าศาลารวมผู้หญิงจะนอนชั้นบน ผู้ชายจะนอนชั้นล่างครับ ส่วนบ้านจะพักได้หลังละคน ด้านในจะมีป่าไว้สำหรับเดินจงกรมด้วยครับ
7.นอกนั้นก็เป็นของจำเป็นทั่วไปพวกสบู่ ยาสระผม แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่วัดมีหมอน เสื่อ และผ้าห่มให้ ก่อนกลับก็ตากแดดและเก็บให้เรียบร้อย ถ้ามีเวลาก็ซักตากไปเลยครับ คนที่มาใช้ต่อจะได้ใช้สะอาดๆ แต่ส่วนใหญ่ที่นี่เขาก็ซักกันเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกอย่างที่นี่สะอาดมาก ตั้งแต่การทำอาหาร ห้องน้ำ ไปจนถึงที่พัก แต่ที่พักกว้างๆอาจมีฝุ่นหรือแมลง หรือใบไม้บ้าง เราก็ต้องช่วยกันทำความสะอาดครับ
บริเวณหน้าสำนักสงฆ์
ทางขึ้นไปบนสำนักสงฆ์
ขึ้นมาได้ครึ่งทางก็จะได้เห็นพระเจดีย์ เลยขอแชะสักหนึ่งภาพ ;)
มาถึงด้านบนถ้ำและที่ทำวัตรจะอยู่ด้านหน้าที่เป็นหลังคาหยักๆ ด้านขวาเป็นพระเจดีย์ ด้านซ้ายที่ตกเฟรมไปเป็นโรงครัว เราเลี้ยวซ้ายเข้าโรงครัวได้เลยครับโดยผมไปกับน้องสาว จึงจะพาน้องสาวไปลงทะเบียนกับแม่ชีที่โรงครัวก่อน
ภายในโรงครัวครับ จะเห็นได้ว่าโล่ง สะอาด ทุกคนช่วยกันทำงาน
เดินออกมาจากโรงครัว หันหลังให้พระเจดีย์ ด้านหน้าเราจะเป็นที่พักรวม ที่เป็นศาลาไกลๆนั่นแหละครับ
ภายในที่พัก ผู้ชายจะอยู่ชั้นล่าง ผู้หญิงจะอยู่ชั้นบน ผมมาถึงช่วงเช้าจึงทานข้าวแล้วเข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนชุดในที่พัก ของผมต้องรอลงทะเบียนกับพระช่วงทำวัตรเย็นครับ
แต่งตัวเรียบร้อยก็ขึ้นไปกราบพระในถ้ำ ด้านหลังที่เห็นเป็นช่องสามารถเดินทะลุไปกุฏิของหลวงปู่สิมได้ครับ
กุฏิหลวงปู่สิมพร้อมรูปปั้นจำลองของท่าน ท่านเป็นผู้สร้างที่นี่ เมื่อก่อนท่านมาปักกลดที่ซอกหินนี้และได้พัฒนาจนที่นี่กลายเป็นสำนักสงฆ์ และยังเคยมีพญานาคที่อาศัยอยู่ที่นี่มากราบท่านด้วย และคาดว่าทุกวันนี้พญานาคตนนั้นก็ยังอยู่
ถ้าหันหน้าเข้าหาถ้ำ ทางซ้ายมือจะเป็นทางขึ้นไปบนพระเจดีย์
หรือจะขึ้นจากทางด้านหน้าพระเจดีย์ก็ได้เช่นกัน
บรรยากาศบนพระเจดีย์ ผมกับน้องชอบขึ้นมาอยู่บนนี้ เพราะบรรยากาศดีมาก อาจจะมีนักท่องเที่ยวมาเดินชมบ่อยๆ แต่ช่วงเย็นๆจะสงบ
มองลงไปจากทางลงด้านหน้าของพระเจดีย์ จะเห็นวิวทิวเขาที่สวยงามของเชียงดาว
บรรยากาศตอนนั่งสมาธิก่อนทำวัตร พระกำลังทยอยกันมาครับ แต่ผมถ่ายตอนท่านมานั่งรูปเดียว
บรรยากาศตอนตามพระไปบิณฑบาตร
ผมชอบภาพนี้มาก เพราะคุณยายดูมีความสุขมาก ดีใจที่ถ่ายไว้ทัน ^ ^
รูปสุดท้ายเป็นพี่ๆที่เจอตอนปฏิบัติธรรมครับ ผมได้รับความช่วยเหลือจากพี่ๆเยอะมาๆ ถ้าไม่ได้พี่ๆผมกับน้องแย่แน่ ทั้งสบู่ ยาสระผม เสื้อกันหนาว ไฟฉาย ผมลืมเอาไปหมดเลย เสื้อกันหนาวตอนแรกคิดว่า เชียงใหม่คงไม่หนาวแล้วเพราะหน้าร้อนแล้ว ที่ไหนได้ตอนกลางคืนหนาวมากครับ พี่ๆให้ผ้ามาคลุม ให้ไฟฉายมาใช้ ให้ใช้สบู่กับยาสระผมด้วย แถมพาไปเลี้ยงกาแฟระหว่างไปกราบพระอาจารย์วรบูรณ์อีก ขอบคุณพี่ๆจริงๆครับ ไม่รู้ว่าไปปฏิบัติธรรมหรือไปสร้างความลำบากให้คนอื่นกันแน่ผมนี่ฮ่าๆ แต่ก็มีความสุขและรู้สึกดีมากๆครับ ทุกคนใจดี มาที่นี่คุณจะได้สิ่งดีๆกลับมาแน่นอน
การเดินทาง
การเดินทางก็มีหลายแบบครับ ได้แก่
1.ขึ้นเครื่องบิน หรือรถไฟ หรือรถทัวร์ มาลงที่เชียงใหม่แล้วต่อรถที่อาเขตมาเชียงดาว ใช้เวลา 2 ชม.กว่าๆก็ถึงเชียงดาว จากนั้นก็เหมาสองแถวขึ้นไปสำนักสงฆ์ถ้ำผาปล่องได้เลยครับ ประมาณ 150 บาท
2.นั่งรถทัวร์ที่หมอชิตสาย กรุงเทพ-ท่าตอน ตรงมาลงเชียงดาวเลย ไม่แวะเชียงใหม่ มีทั้ง ป.1 ป.2 และ VIP ราคาก็ 500-800 กว่าบาทครับ พอลงเชียงดาวก็ต่อรถไปถ้ำผาปล่องได้เลยครับ อย่าลืมขอเบอร์รถไว้ด้วยเพื่อให้มารับตอนขากลับครับ โดยที่วัดมีสัญญาณ สามารถโทรได้ แนะนำตรงแถวๆโรงครัวและเจดีย์ สัญญาณจะดีครับ แต่บางทีได้เพื่อนใหม่บนสำนักสงฆ์ที่มาปฏิบัติธรรมด้วยกัน บางทีก็ติดรถเขามาได้ หรือรถรับส่งพระก็ขอติดลงมาได้ ใจดีกันมากๆครับ
3.ถ้ารถส่วนตัวก็ขับมาได้เลยครับ
สุดท้ายต้องบอกว่าที่นี่ไม่ใช้ธุรกิจ ไม่มีการเสียค่าใช้จ่าย ไม่มีการเรียกร้อง ใครจะเข้าไปก็ได้ แต่ต้องไม่ไปทำตัวเสียหาย ไม่ไปทำความเดือดร้อนให้ทางสำนักสงฆ์ ไปก็ไปเอาความรู้สึกดีๆกลับมา ทำบุญทำทานเท่าที่เราจะทำได้ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ขนาดหลวงปู่ที่อยู่บนสำนักสงฆ์ยังบอกเลยว่า "ว่างๆก็มาอีกนะ มาอยู่กี่วันก็ได้" ท่านใจดีมาก ถ้าไม่มีคนมาปฏิบัติธรรมพระท่านก็จะทำกิจต่างๆเองอยู่แล้ว ทั้งกวาดวัด ล้างห้องน้ำ รดน้ำต้นไม้ เราเข้าไปจึงไปช่วย ขนาดไปช่วยพระท่านก็ยังทำกันอยู่เลยครับ ไม่ได้นั่งดูเฉยๆ หลวงปู่อายุมากแล้วก็ยังเดินลงมารดน้ำต้นไม้ทุกวัน ยังไงก็ขอให้ท่านที่ตั้งใจไปได้ไปสมใจและเจอแต่สิ่งดีๆนะครับ ส่วนใครกลัวผีผมยืนยันเลยว่า ไม่มีครับ ผมเองก็กลัว แต่พอไปจริงๆมันรู้สึกปลอดภัยมากกว่า จำไว้ว่าเราไปปฏิบัติธรรมครับ ผีไม่ทำอะไรเราหรอก
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ และหวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยครับ ^ ^