[CR] เหอๆ "ปารีส" ครั้งเดียวก็พอ



บองชู่ววว ชาวบลูทุกคน
          ทริปนี้เป็นการเดินทางไปทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกของจขกทครับ ช่วงปลาย ก.พ. ถูกส่งไปดูงานคนเดียว+แอบเที่ยวนิดหน่อย ความรู้โซนนี้เป็นศูนย์แถมมีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก(คิดว่าวีซ่าคงไม่ผ่าน) ก็ขอเอาประสบการณ์ตรงที่ไปเจอมากับตัว แชร์ให้ใครที่อยากไปปารีสเก็บเป็นข้อมูลนะครับ
*รูปที่ถ่ายมาจาก IP6S+ อาจมีเบลอบ้างต้องขออภัย
เพี้ยนออกทริป
การขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบินและที่พัก
          เรื่องวีซ่าเชงเก้นฝรั่งเศสนั้น จขกทให้เอเจ้นเป็นผู้จัดการเนื่องจากมีเวลาจำกัด(มีเวลาเตรียมตัวก่อนบิน 1 เดือน) เราก็เตรียมรูปถ่าย เอกสารทางการเงินของเรา(บัญชีจขกท 3 แสนบาท) ประกันการเดินทาง ข้อมูลที่พัก และตั๋วเครื่องบินให้พร้อม แล้วรอวันนัดยื่นเอกสารที่TLS (Passจขกทปั้ม 4 ประเทศ) ข้อดีของการทำวีซ่าผ่านเอเจนซี่คือเราแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากเตรียมเอกสารส่วนตัว ตั๋วต่างๆทางเอเจ้นจะจัดการให้ทั้งหมด

          *สรุปได้วีซ่าท่องเที่ยวมา 30 วัน ใช้ระยะเวลาพิจารณา 10 วันครับ


ตั๋วเครื่องบินจขกทเลือกไฟลท์บินเอง(AIR FRANCE)แล้วส่งให้เอเจ้นทำการจอง รายละเอียดตามนี้
- ขาไป Flight AF0165 BKK-CDG 11:25-18:15
- ขากลับ Flight AF0166 CDG-BKK 16:20-09:15+1วัน
*ECO ราคา 42,000 บาท รวมน้ำหนักกระเป๋า 23 kg.ต่อใบ เกินกว่านั้นต้องซื้อเพิ่ม

ที่พักปารีส
- 2 คืนแรก Hotel Louvre Montana ราคา 324 ยูโร (คืนละ 162 ยูโร =5,994 บาท)
- คืนสุดท้าย Hotel  Du Quai Voltaire ราคา 150 ยูโร (5,550 บาท)
*รวม 17,538 บาท จองผ่าน Booking.com

BKK 7:30
ถึงวันบินจขกทมาถึงสุวรรณภูมิตั้งแต่ไก่โห่ เคาน์เตอร์เช็คอินAFจะอยู่ Row P

เช็คเกทอีกที E5 จากนั้นก็ลงไปรับPocket wifi(Smile wifi)

รองท้องกันนิดหน่อย(หร๋า) แนะนำใครที่มีเวลาให้ลงไปทานที่ Food Court ชั้น 1 ถูกกว่าเยอะครับ
ไฟลท์นี้เต็มลำและไม่มีคนไทยเลยนอกจากจขกท><

ฺB777-300ER
ตกใจกับระยะห่างของที่นั่ง(นึกว่าหางแดง- -') จขกทสูง 176 รู้สึกอึดอัดเหมือนกัน

มุมมอง 21L
เครื่องขึ้นมาได้สักพักก็เสริฟอาหาร ไก่อบซอสแกงกะหรี่กับมันฝรั่ง+ยำมะม่วงไก่ทอด อร่อยดีครับ
ไวน์แดงขอกับพนักงานได้ นอกเหนือจากเจ้าขวดส้มๆนั่น
ไม่รู้ว่าเหล้าพั้นซ์หรืออะไรแต่ที่แน่ๆแรงมาก กรึ๊ปเดียววาง! แอล21%
ทานเสร็จก็ดูหนังไปครับ ดัมโบ้^^

6 ชม.มาได้ครึ่งทาง คือไปยุโรปเท่ากับบินไป-กลับญี่ปุ่นรวดเดียว(12ชม.) เป็นการเดินทางคนเดียวไกลสุดแล้วในชีวิตจขกท

กาแฟก็มา


ข้อเสียของที่นั่งริมหน้าต่างคือจะไปหาอะไรกินทีเกรงใจคนนั่งข้าง สำหรับใครที่ไม่ทราบ AFมีของว่างบริการแต่ต้องเดินไปหยิบเองนะครับ

ดูหนังนั่งมองฟ้ากันไป....


ก่อนเครื่องลงจะมีอาหารว่างเสริฟอีกรอบ เวลายุโรปตอนนี้หกโมงเย็น เท่ากับเรากินตอน 5ทุ่มตามเวลาประเทศไทย(บ้านเราช้ากว่า 6 ชม.)

เครื่องลงตรงเวลา Terminal 2E กับข้อสงสัยJALข้างๆไดเรครึเปล่า?

ผ่านตม. รับกระเป๋าเสร็จ ออกมาเราก็เลี้ยวซ้าย เดินมาจุดจอดรถบัสเพื่อซื้อตั๋ว Roissy Bus
ขั้นตอนอันดับแรกเปลี่ยนภาษาครับ เลือกจุดหมาย จำนวนคน ใส่เงินแล้วก็รอรับตั๋วกับเงินทอน ราคา 11.50 ยูโร
เส้นทางที่รถผ่านตามจุดต่างๆ ปลายทางOpera

ออกมารอที่ป้ายB ถ้าหนาวก็รอข้างในอาคารก่อนครับ ที่ตู้จำหน่ายตั๋วจะมีเวลาบอกว่ารถจะมาถึงกี่โมง
ขึ้นรถมาก็สอดตั๋วที่เครื่องข้างคนขับ แล้วก็หาที่นั่งตามสบาย ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึงโอเปร่า


ถึงป้ายOpera เราก็เดินไปโรงแรมระยะทางประมาณ 800 เมตร(12 นาที)
ลิฟท์จะแคบไปไหน จะเข้าต้องถอยหลัง(ติดเป้)555 แต่ก็ดีกว่าไม่มี(พักชั้น6)

ห้องพักที่นี่ถือว่าใหม่ สะอาด เตียงนุ่มมากกกก Facilityต่างๆครบครับ กว่าจะได้อาบน้ำนอนปาไป5ทุ่ม(ตี 5 ไทย)

Day ll

07:30
ตื่นออกมาเดินชม Tuileries Garden ยามเช้าครับ พยากรณ์อากาศบอกว่าจะมีฝนนิดหน่อย
ช่วงบ่ายๆเย็นๆที่นี่ผู้คนจะมานั่งล้อมวงพบปะสังสรรค์กัน ชิงช้าก็จะเปิดไฟสีธงชาติฝรั่งเศสดูท่าจะคึกคัก แต่ถ้าใครจะมาเดินเล่นคนเดียวให้ระวังโจรไว้ด้วยครับ(เขาบอกอยู่ดีๆแว้นมากระชากกระเป๋าไปดื้อๆ!)

เดินเล่นสักพักเราก็กลับโรงแรมมาทานอาหารเช้า ของที่นี่จะคิด 16ยูโรต่อวันครับ(7:30-10:30) จะทานไม่ทานวันไหนก็แจ้งเอาที่ฟร้อนได้เลย
เป็นครั้งแรกที่ทานBreakfastแบบฝรั่งเศส ซึ่งจะคล้ายๆกับABF ต่างกันที่เขาเน้นขนมปังกับชีสสสสสสส
จขกทเคยเรียนศิลป์ฝรั่งเศสตอน ม.ปลาย ยังงงว่ากินอันไหนก่อนหลัง กับช้อนเล็กใหญ่ที่วางอยู่บนโต๊ะ ลืมมันไปได้เลย555

กินอิ่มขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็ออกเดินไป Galleries Lafayette ระยะทางประมาณ 1 กิโลนิดๆ

ระหว่างทางแวะร้านอาหารไทย " Im Thai Gourmet " อยู่บนถนน Rue Dde Port Mahon เจ้าของร้านคือ คุณหน่อย(เป็นกันเองสุดๆ^^) ใครผ่านไปแถวโอเปร่าแวะไปทานกันได้ครับ
ร้านเปิด 2 รอบ มื้อเที่ยง 10:30-13.30 มื้อเย็น 16:00-20:00
*แว่วมาว่าที่นี่มีเซเลปวงการแฟชั่นมาทานอยู่บ่อยๆนะเออ
สถาบันดนตรีแห่งชาติฝรั่งเศส หรือ โรงอุปรากรปาแลการ์นีเย เป็นอีกสถานที่สวยงามอีกแห่งกลางกรุงปารีส(เดินผ่านทุกวันฮะ)

Galleries Lafayette Haussmann
ห้างLafayetteจะมีอยู่ 3 ตึกด้วยกัน ตึกโดม(ภาพล่าง)จะใหญ่ที่สุด มี 7 ชั้น รวบรวมสิ้นค้าแบรนด์ดังๆไว้ที่นี่ น้ำหอม นาฬิกา รองเท้า ชอปดีสนีย์ ของที่ระลึก ร้านอาหารและจุดชมวิวชั้นดาดฟ้า ตึกถัดมาทางซ้ายจะเป็น HOMME แบรนด์เนมของผู้ชายเป็นหลัก และตึกตรงข้ามจะเป็น Gourmet ขายพวกเค้ก ช็อคโกแลต ขนม นม เนย ผลไม้ อุปกรณ์ทำขนม ชั้นใต้ดินเป็นMartครับ
น้ำหอม นาฬิกา กระเป๋าจะอยู่ชั้น"0" ที่ฝรั่งเศสทุกอาคารชั้นกราวด์คือศูนย์ ใต้ดินคือติดลบ
ชั้น -1 มีแต่รองเท้า
ร้านDisney จะอยู่ชั้น 5  คอลเลคชั่นสินค้า ตุ๊กตา น่าจะไม่ต่างกับญี่ปุ่น(ราคาเหมือนจะแพงกว่า) ใครไม่มาซื้อที่นี่สามารถแวะไปอีกช็อปได้ครับ อยู่ที่ถนนชอมเอลิเซ่(ร้านใหญ่กว่า)
วิวจากชั้น 5
ขึ้นบันไดมาชั้น 7 จะเป็นจุดชมวิวเมืองปารีส เราสามารถมองเห็นหอไอเฟล มีร้านอาหารให้นั่งทานกินลมชมวิว(ราคาแอบแพง) สุดจะโรแมนซ์><

ข้ามมาฝั่งกรูเมต์ น้องที่ออฟฟิศชอบสะสมกระป๋องสวยๆ ส่องให้ซ่ะหน่อย^^
ในปารีสจะมีร้านขายแซนด์วิชอยู่เยอะครับ(ประมาณ2-4ยูโร) ฝากท้องได้ทุกมื้อถ้าไม่เลี่ยนซ่ะก่อน


เล็งสตรอเบอรี่อยู่นานมาก 1kg. ราคา 7.95ยูโร(294บาท) กลัวเปรี้ยวแบบบ้านเรา555 สุดท้ายซื้อแพ็คเล็กไปลอง 6ลูก ราคา 1.5 ยูโร(55บาท!)

ต่อคอมเม้นที่ 8 ครับ
ชื่อสินค้า:   ปารีส ฝรั่งเศส
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่