เมื่อช่วงปี 2552-2555
วันนั้นในวันที่งานเสร็จล่าช้ากว่าปกติ หลังจากที่ส่งงานจำรีบเร่งออกมาจากออฟฟิต ทำให้ผมรีบร้อนเป็นพิเศษที่จะกลับบ้าน ผมเดินไปตามทางที่ทอดยาวไปไกลผ่านป้อมพระสุเมรุ ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครอยู่เลย มันช่างเงียบสงบ
ผมเดินผ่านหน้าโรงพิมพ์เก่า ปัจจุบันเป็น พิพิธบางลำพู ซึ่งตั้งแต่ผมเห็นมันมาไม่เคยเห็นมันเปิดประตูเลยสักครั้งเดียว เมื่อมองเข้าไปผ่านรั้วเหล็กมันช่างเงียบ....เงียบจนหน้ากลัว ผมเดินมาทางไปเรื่อยๆจนไปพบกับรถบรรเทาสาธารณะภัย สีแดง เป็นรถที่ดูเก่าและผ่านการใช้งานมานาน จนเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ สิ่งที่ผมเห็นคือ มีหญิงสาวนั่งในรถ ลักษณะเธอใส่เสื้อยืดสีดำ ผมยาวประบ่า ผิวขาวอายุไม่เกิน 25 ปี
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมจ้องมองพินิจผ่านกระจกเข้าไปคือ เธอหายไป ผมรีบเดินไปข้างรถเพื่อมองให้แน่ชัด มันเป็นเบาะที่นั่งเปล่าๆ วางไว้เพียงหนังสือเล่มนึง เมื่อเห็นดังนั้นผมก็เดินจากมาโดยไม่ได้รีบร้อน ในใจคิดตลอดว่ากลับบ้านจะโทรไปกับ หลวงพี่เพื่อนซี้ที่เพิ่งบวชไป
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้โทรไปสนทนากับหลวงพี่ ซึ่งผมจำได้ว่าก่อนที่หลวงพี่จะบวชนั้น หลวงพี่ได้เคยพูดถึงว่า เห็นบางสิ่งที่รถคันนี้ ถึง 2 ครั้ง เมื่อต่อสายสนทนากับหลวงพี่ได้จึงได้เล่าให้หลวงพี่ฟังว่าได้ไปพบบางสิ่งมา โดยที่ไม่ได้เล่ารายละเอียดว่า ลักษณะเธอเป็นเช่นไร เมื่อซักไซ้ไตร่ถามหลวงพี่ถึงลักษณะ ก็ปรากฏว่าตรงกัน เป็นผู้หญิง ผมยาวประบ่า เสื้อยืดสีดำ ผิวขาว
หลวงพี่ก็แนะนำให้ทำบุญไปให้วิญญาณดวงนั้น เพราะที่เขาปรากฏให้เห็นเป็นเพราะว่า ทั้งผมและหลวงพี่สื่อถึงเขาได้
****ขอควรจำเมื่อเห็นวิญญาณ******
1. อย่ากระโตกกระตาก เพราะเขาจะรู้ว่าเราสามารถมองเห็นเขาได้
2. อย่าพยายามมอง เพ่งเข้าไปที่ที่เราได้เห็นวิญญาณ เพราะเขาจะรู้ว่าเราสามารถมองเห็นเขาได้
3. อย่าทักขึ้นมา เพราะเมื่อเขารู้ว่าเราเห็น เขาก็อาจจะตามเรามาก็ได้
4. อย่าเพิ่งพูดอะไรจนกว่าจะ พ้นจากสถานที่นั้น เพราะ จิตอาจจะยังสื่อกันอยู่
ที่ผมพยายามมองเข้าไปในรถนั้นถือว่า ผิด เธอรู้แน่ๆว่าผมมอง แต่ที่เธอไม่ออกมาให้เห็นอีก อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ตามผมมา เพราะผมก็มียักษ์ตามอยู่ตลอดว่าอยู่แล้ว น่ากลัวกว่าวิญญาณหลายเท่า วิญญาณนั้นก็อาจจะกลัวเลยไม่ตามมา หรือไม่ก็เธอเป็นแม่ย่านางรถ เพราะเธอนั่งนิ่งอยู่หน้ารถ
ผมเจอผีตอนกลางวันที่ ถนนพระอาทิตย์
วันนั้นในวันที่งานเสร็จล่าช้ากว่าปกติ หลังจากที่ส่งงานจำรีบเร่งออกมาจากออฟฟิต ทำให้ผมรีบร้อนเป็นพิเศษที่จะกลับบ้าน ผมเดินไปตามทางที่ทอดยาวไปไกลผ่านป้อมพระสุเมรุ ซึ่งในเวลานั้นไม่มีใครอยู่เลย มันช่างเงียบสงบ
ผมเดินผ่านหน้าโรงพิมพ์เก่า ปัจจุบันเป็น พิพิธบางลำพู ซึ่งตั้งแต่ผมเห็นมันมาไม่เคยเห็นมันเปิดประตูเลยสักครั้งเดียว เมื่อมองเข้าไปผ่านรั้วเหล็กมันช่างเงียบ....เงียบจนหน้ากลัว ผมเดินมาทางไปเรื่อยๆจนไปพบกับรถบรรเทาสาธารณะภัย สีแดง เป็นรถที่ดูเก่าและผ่านการใช้งานมานาน จนเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้เรื่อยๆ สิ่งที่ผมเห็นคือ มีหญิงสาวนั่งในรถ ลักษณะเธอใส่เสื้อยืดสีดำ ผมยาวประบ่า ผิวขาวอายุไม่เกิน 25 ปี
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่ผมจ้องมองพินิจผ่านกระจกเข้าไปคือ เธอหายไป ผมรีบเดินไปข้างรถเพื่อมองให้แน่ชัด มันเป็นเบาะที่นั่งเปล่าๆ วางไว้เพียงหนังสือเล่มนึง เมื่อเห็นดังนั้นผมก็เดินจากมาโดยไม่ได้รีบร้อน ในใจคิดตลอดว่ากลับบ้านจะโทรไปกับ หลวงพี่เพื่อนซี้ที่เพิ่งบวชไป
เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ได้โทรไปสนทนากับหลวงพี่ ซึ่งผมจำได้ว่าก่อนที่หลวงพี่จะบวชนั้น หลวงพี่ได้เคยพูดถึงว่า เห็นบางสิ่งที่รถคันนี้ ถึง 2 ครั้ง เมื่อต่อสายสนทนากับหลวงพี่ได้จึงได้เล่าให้หลวงพี่ฟังว่าได้ไปพบบางสิ่งมา โดยที่ไม่ได้เล่ารายละเอียดว่า ลักษณะเธอเป็นเช่นไร เมื่อซักไซ้ไตร่ถามหลวงพี่ถึงลักษณะ ก็ปรากฏว่าตรงกัน เป็นผู้หญิง ผมยาวประบ่า เสื้อยืดสีดำ ผิวขาว
หลวงพี่ก็แนะนำให้ทำบุญไปให้วิญญาณดวงนั้น เพราะที่เขาปรากฏให้เห็นเป็นเพราะว่า ทั้งผมและหลวงพี่สื่อถึงเขาได้
****ขอควรจำเมื่อเห็นวิญญาณ******
1. อย่ากระโตกกระตาก เพราะเขาจะรู้ว่าเราสามารถมองเห็นเขาได้
2. อย่าพยายามมอง เพ่งเข้าไปที่ที่เราได้เห็นวิญญาณ เพราะเขาจะรู้ว่าเราสามารถมองเห็นเขาได้
3. อย่าทักขึ้นมา เพราะเมื่อเขารู้ว่าเราเห็น เขาก็อาจจะตามเรามาก็ได้
4. อย่าเพิ่งพูดอะไรจนกว่าจะ พ้นจากสถานที่นั้น เพราะ จิตอาจจะยังสื่อกันอยู่
ที่ผมพยายามมองเข้าไปในรถนั้นถือว่า ผิด เธอรู้แน่ๆว่าผมมอง แต่ที่เธอไม่ออกมาให้เห็นอีก อาจจะเป็นเพราะเธอไม่ได้ตามผมมา เพราะผมก็มียักษ์ตามอยู่ตลอดว่าอยู่แล้ว น่ากลัวกว่าวิญญาณหลายเท่า วิญญาณนั้นก็อาจจะกลัวเลยไม่ตามมา หรือไม่ก็เธอเป็นแม่ย่านางรถ เพราะเธอนั่งนิ่งอยู่หน้ารถ