อยุธยา…ราชธานีเก่าแก่ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย มีวัดและสถานที่ทางประวัติศาสตร์นับ 100 แห่ง เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติมากมาย และได้รับการยอมรับจากสังคมโลกในด้านเอกลักษณ์ของผังเมืองที่มีแม่น้ำล้อมรอบและด้านสถาปัตยกรรมเฉพาะตัว ในปี 2534 จึงได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะทำให้คนไทยอย่างเรามองข้ามการเดินทางมาที่นี่ไปได้
เราขอเสนอสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ได้ทั้งความรู้ และมุมถ่ายรูปสวยๆทั้งธรรมชาติ และโบราณสถานมีมุมถ่ายรูปหลากหลายสไตล์เพื่อนำไปเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ให้เพื่อนๆได้ถ่ายตามสไตล์ของแต่ละคน

โดยรถไฟฟรีจุดเริ่มต้นของทริปนี้คือสถานีดอนเมืองค่ะ
สามารถเราจะเดินทางตรวจสอบตารางเดินรถไฟได้ที่
http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp

รถไฟมาแล้วไปลุยกันเล๊ยยยยยย...

บรรยากาศระหว่างการเดินทางค่ะ


ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสถานีอยุธยาแล้วค่ะ


ก่อนจะไปเที่ยวเรามาดูแผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันก่อนดีกว่า


พอศึกษาแผนที่เรียบร้อยแล้วเราก็ไปเช่ามอเตอร์ไซค์กันเลย ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟเลยค่ะ เดินเข้ามาในซอยนิดนึงมีให้เลือกหลายร้านค่ะ (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะสรุปท้ายทริปนะคะ)

พอได้คันที่ถูกใจแล้วก็ไม่รอช้าไปแว๊นกันเลยค่าาา...
สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือหมู่บ้านญี่ปุ่นค่ะ
หมู่บ้านญี่ปุ่นตั้งอยู่ฝั่งตะวันออก ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้ของเกาะเมือง ฝั่งตรงกันข้ามแม่น้ำเป็นหมู่บ้านโปรตุเกส เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์อยุธยา ช่วงเฟื่องฟูทางการค้าอยุธยา – ญี่ปุ่น จนเป็นชุมชนญี่ปุ่นเกิดขึ้นในไทยมีประชากรอยู่ราว 1,000 – 1,500 คน แต่ด้วยปัจจัยที่ผู้นำชุมชนบ้านญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังทหารเข้มแข็งและยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในราชสำนักอยุธยาอย่างมาก ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นพระเจ้าปราสาททองเมื่อปี พ.ศ. 2172 ออกญาเสนาภิมุข ยามาดะ นางามาซะ เจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น ได้รับคำสั่งให้ไปเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเพื่อปราบกบฏในหัวเมืองภาคใต้ ต่อมาพระเจ้าปราสาททองจึงส่งกองกำลังทหารทำลายล้างบ้านญี่ปุ่นที่อยุธยาอย่างราบคาบ แต่ชาวญี่ปุ่นรู้ตัวล่วงหน้าจึงพากันลอบอพยพจากอยุธยาไปก่อนแล้ว ดังนั้นหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งนี้จึงน่าสนใจไม่น้อย และรอบบริเวณยังจัดเป็นสวนแบบญี่ปุ่น เพื่อระลึกถึงชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้นด้วย
เวลาเปิด : วันจันทร์-ศุกร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 09.00 – 16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : บุคคลทั่วไป 50 บาท นักเรียน,นักศึกษา 20 บาท
ข้อมูลจากเว็บไซต์ :
http://travel.sanook.com/1398049/
ประวัติของออกญาเสนาภิมุข ยามาดะ นางามาซะ ชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในราชสำนักกรุงศรีอยุธยา


ท้าวทองกีบม้า เป็นชาวอยุธยา ลูกครึ่งเชื้อสายโปรตุเกส – ญี่ปุ่น คนไทยรู้จักท้าวทองกีบม้าในฐานะต้นตำรับขนมตระกูลทอง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองค่ะ

ภายในจะเป็นของใช้สมัยโบราณ

สถานที่แห่งที่2คือ หมู่บ้านโปรตุเกส

หมู่บ้านโปรตุเกสชาวโปรตุเกสเข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2054 โดยอัลฟองโซ เอออัลมูเคอร์ก ผู้สำเร็จราชการของโปรตุเกสประจำเอเชีย ได้ส่งนายดูอาร์เต้ เฟอร์นันเดส เป็นฑูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี กับสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันที่ดินแห่งนี้ปรากฏมีโบราณสถานอยู่รวม 3 แห่งคือ ซานเปาโล ซานโดมิงโก และซานเปรโด
http://donmueangairportthai.com/th/popular-destinations/1730/mu-ban-protuket-phra-nakhon-si-ayutthaya

สถานที่แห่งที่3 อันนี้พลาดไม่ได้ เพราะเป็นวัดที่มีพระเกจิชื่อดัง เก่งเรื่องคาถาอาคม อยู่ยงคงกระพัน ท่านคือหลวงพ่อหวล
วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ปรากฏตามตำนานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ที่ตรงนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า “ตำบลเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก” ครั้นเมื่อสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ตำบลซึ่งพระองค์เสด็จมาตั้งมั่นอยู่แต่เดิม และพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆ มาก็คงจะได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง อนึ่งเมื่อเสียกรุงฯในปี พ.ศ. 2310 วัดพุทไธศวรรย์ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกพม่าทำลายเหมือนวัดอื่น ๆ ทุกวันนี้จึงยังมีโบราณสถานไว้ชมอีกมากมาย
http://www.putthaijatukam.com


ทำบุญเสริมสิริมงคลกันหน่อยค่ะ เผื่อชาติหน้าจะได้เกิดมาสวยหล่อ อิอิ


สถานที่แห่งที่4 คือโบราณสถานที่ชาวไทยและต่างชาติ ต้องมาคือ วัดไชยวัฒนารามค่ะ

วัดไชยวัฒนาตั้งอยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็ตั้งอยู่ริม แม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดหนึ่ง ที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นๆ ใน อยุธยาเนื่องจากกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาจนปัจจุบันนักท่องเที่ยวยังคงมองเห็นเค้าแห่งความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนไม่ควรพลาด
วัดไชยวัฒนารามสร้างบนพื้นที่ 160 เมตรยาว 310 เมตร โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกกล่าวได้ว่าวัดนี้ตั้งตรงกับทิศทางคตินิยมในการสร้างวัดที่ปฏิบัติเป็นประเพณีสืบกันมานอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเหตุการณ์ในพุทธประวัติที่กล่าวว่า พระโพธิสัตว์ทรงประทับภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงบำเพ็ญสมาธิจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระพุทธรูปซึ่งเป็นหลักของวัด ก็สร้างแทนองค์ประพุทธเจ้าคือพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งเป็นปางที่แสดงเหตุการณ์ตอนพระพุทธองค์ตรัสรู้
https://watboran.wordpress.com/2007/02/06/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1/

เที่ยวกันมาหลายที่แล้วท้องก็เริ่มหิวกันแล้วค่ะ และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเที่ยวอยุธยาก็ต้องนึกถึง“ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา”แน่นอนค่ะเราจะไปทานก๋วยเตี๋ยวของดีเมืองกรุงเก่ากัน
ทริปนี้แนะนำร้านนี้เลยร้านตุ๊กกะเรือค่ะ

ราคาชามละ 20 บาทเองค่ะ ตอนนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่น ทาน 10 ชามฟรี 1 ชามค่ะ แนะนำเลยค่ะร้านสวยสะอาดอร่อยถูกและดีฟรีWIFIมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ
Facebook ตุ๊กกะเรือ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา



*พอท้องอิ่ม เราก็มาเที่ยวต่อ รอบบ่ายนี้เราจะเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆซึ่งทุกที่ล้วนมีประวัติความเป็นมามาต่อกันเลย กับสถานที่ท่องเที่ยว*
สถานที่แห่งที่ 5 คือ วัดโลกยสุทธา

วัดโลกยสุทธาสันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช พระราชบิดาเจ้าสามพระยา ราว พ.ศ. 1995 วัดนี้มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ก่ออิฐถือปูน มีความยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ ที่พระเศียรมีดอกบัวรองรับ พระบาทซ้อนกันเป็นมุมฉาก นิ้วพระบาทยาวเท่ากัน มีดอกบัวเกยซ้อนรองรับพระเศียรแทนพระเขนย สันนิษฐานว่าแต่เดิมเป็นพระพุทธรูปไม่ทรงเครื่อง แต่การบูรณะใน พ.ศ. 2499 คงมีการแก้พระเศียรเป็นอย่างพระพุทธรูปทรงเครื่อง รอบองค์พระมีเสาอิฐ 8 เหลี่ยม รวม 24 ต้น ซึ่งแต่เดิมคงจะมีการสร้างวิหารครอบพระพุทธไสยาสน์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้พังทลายลงเมื่อใด
http://donmueangairportthai.com/th/popular-destinations/1708/wat-lokayasutharam-phra-nakhon-si-ayutthaya


สถานที่แห่งที่6 เป็นโบรานสถานภายในตัวเกาะเมืองชั้นใน ซึ่งประกอบด้วยวัดหลายวัด เรียกได้ว่า ออกวัดนั้น มาโผล่วัดนี้ ก็ว่าได้ เพราะวัดแต่ละวัดที่จะเชิญชวนให้เข้าชมนี้อยู่ติดๆกัน แต่บอกก่อนนะค้ะว่าสถานที่ต่อไปนี้เราไม่ได้เข้าไปชมด้านในค่ะเลยมีแต่รูปภายนอกให้ชมเนื่องจากเวลาเรามีจำกัดค่ะเลยอยากเที่ยวหลายๆที่ให้คุ้มแบบจุใจไปเลยค่ะ มาๆๆ...เรามาเริ่มจากสถานที่แรกของรอบบ่ายก่อนเลย

[CR] รีวิว ท่องเที่ยวอยุธยา
เราขอเสนอสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ได้ทั้งความรู้ และมุมถ่ายรูปสวยๆทั้งธรรมชาติ และโบราณสถานมีมุมถ่ายรูปหลากหลายสไตล์เพื่อนำไปเปลี่ยนภาพโปรไฟล์ ให้เพื่อนๆได้ถ่ายตามสไตล์ของแต่ละคน
โดยรถไฟฟรีจุดเริ่มต้นของทริปนี้คือสถานีดอนเมืองค่ะ
สามารถเราจะเดินทางตรวจสอบตารางเดินรถไฟได้ที่http://www.railway.co.th/checktime/checktime.asp
รถไฟมาแล้วไปลุยกันเล๊ยยยยยย...
บรรยากาศระหว่างการเดินทางค่ะ
ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงสถานีอยุธยาแล้วค่ะ
ก่อนจะไปเที่ยวเรามาดูแผนที่ท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยากันก่อนดีกว่า
พอศึกษาแผนที่เรียบร้อยแล้วเราก็ไปเช่ามอเตอร์ไซค์กันเลย ร้านจะอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟเลยค่ะ เดินเข้ามาในซอยนิดนึงมีให้เลือกหลายร้านค่ะ (ค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะสรุปท้ายทริปนะคะ)
พอได้คันที่ถูกใจแล้วก็ไม่รอช้าไปแว๊นกันเลยค่าาา...
สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือหมู่บ้านญี่ปุ่นค่ะ
หมู่บ้านญี่ปุ่นตั้งอยู่ฝั่งตะวันออก ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตอนใต้ของเกาะเมือง ฝั่งตรงกันข้ามแม่น้ำเป็นหมู่บ้านโปรตุเกส เป็นเรื่องราวประวัติศาสตร์อยุธยา ช่วงเฟื่องฟูทางการค้าอยุธยา – ญี่ปุ่น จนเป็นชุมชนญี่ปุ่นเกิดขึ้นในไทยมีประชากรอยู่ราว 1,000 – 1,500 คน แต่ด้วยปัจจัยที่ผู้นำชุมชนบ้านญี่ปุ่นซึ่งมีกำลังทหารเข้มแข็งและยุ่งเกี่ยวกับการเมืองในราชสำนักอยุธยาอย่างมาก ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนราชวงศ์ใหม่เป็นพระเจ้าปราสาททองเมื่อปี พ.ศ. 2172 ออกญาเสนาภิมุข ยามาดะ นางามาซะ เจ้ากรมอาสาญี่ปุ่น ได้รับคำสั่งให้ไปเป็นเจ้าเมืองนครศรีธรรมราชเพื่อปราบกบฏในหัวเมืองภาคใต้ ต่อมาพระเจ้าปราสาททองจึงส่งกองกำลังทหารทำลายล้างบ้านญี่ปุ่นที่อยุธยาอย่างราบคาบ แต่ชาวญี่ปุ่นรู้ตัวล่วงหน้าจึงพากันลอบอพยพจากอยุธยาไปก่อนแล้ว ดังนั้นหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งนี้จึงน่าสนใจไม่น้อย และรอบบริเวณยังจัดเป็นสวนแบบญี่ปุ่น เพื่อระลึกถึงชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้นด้วย
เวลาเปิด : วันจันทร์-ศุกร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 09.00 – 16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น.
ค่าเข้าชม : บุคคลทั่วไป 50 บาท นักเรียน,นักศึกษา 20 บาท
ข้อมูลจากเว็บไซต์ : http://travel.sanook.com/1398049/
ประวัติของออกญาเสนาภิมุข ยามาดะ นางามาซะ ชาวญี่ปุ่นที่มีบทบาทสำคัญในราชสำนักกรุงศรีอยุธยา
ท้าวทองกีบม้า เป็นชาวอยุธยา ลูกครึ่งเชื้อสายโปรตุเกส – ญี่ปุ่น คนไทยรู้จักท้าวทองกีบม้าในฐานะต้นตำรับขนมตระกูลทอง เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองค่ะ
ภายในจะเป็นของใช้สมัยโบราณ
สถานที่แห่งที่2คือ หมู่บ้านโปรตุเกส
หมู่บ้านโปรตุเกสชาวโปรตุเกสเข้ามาติดต่อกับกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2054 โดยอัลฟองโซ เอออัลมูเคอร์ก ผู้สำเร็จราชการของโปรตุเกสประจำเอเชีย ได้ส่งนายดูอาร์เต้ เฟอร์นันเดส เป็นฑูตเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี กับสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 แห่งกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันที่ดินแห่งนี้ปรากฏมีโบราณสถานอยู่รวม 3 แห่งคือ ซานเปาโล ซานโดมิงโก และซานเปรโด
http://donmueangairportthai.com/th/popular-destinations/1730/mu-ban-protuket-phra-nakhon-si-ayutthaya
สถานที่แห่งที่3 อันนี้พลาดไม่ได้ เพราะเป็นวัดที่มีพระเกจิชื่อดัง เก่งเรื่องคาถาอาคม อยู่ยงคงกระพัน ท่านคือหลวงพ่อหวล
วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในสมัยกรุงศรีอยุธยา วัดพุทไธศวรรย์เป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและมีชื่อเสียงวัดหนึ่ง ปรากฏตามตำนานว่าสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) ทรงสร้างขึ้นในบริเวณที่ซึ่งเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับเมื่อทรงอพยพมาตั้งอยู่ก่อนสถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ที่ตรงนี้มีชื่อปรากฏในพระราชพงศาวดารว่า “ตำบลเวียงเล็กหรือเวียงเหล็ก” ครั้นเมื่อสถาปนากรุงศรีอยุธยาแล้ว ถึง พ.ศ. 1896 จึงโปรดให้สร้างวัดนี้ขึ้นเป็นพระราชอนุสรณ์ ณ ตำบลซึ่งพระองค์เสด็จมาตั้งมั่นอยู่แต่เดิม และพระมหากษัตริย์องค์ต่อๆ มาก็คงจะได้โปรดให้สร้างถาวรวัตถุ เพิ่มเติมขึ้นอีกหลายอย่าง อนึ่งเมื่อเสียกรุงฯในปี พ.ศ. 2310 วัดพุทไธศวรรย์ก็เป็นอีกวัดหนึ่งที่มิได้ถูกพม่าทำลายเหมือนวัดอื่น ๆ ทุกวันนี้จึงยังมีโบราณสถานไว้ชมอีกมากมาย
http://www.putthaijatukam.com
ทำบุญเสริมสิริมงคลกันหน่อยค่ะ เผื่อชาติหน้าจะได้เกิดมาสวยหล่อ อิอิ
สถานที่แห่งที่4 คือโบราณสถานที่ชาวไทยและต่างชาติ ต้องมาคือ วัดไชยวัฒนารามค่ะ
วัดไชยวัฒนาตั้งอยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งก็ตั้งอยู่ริม แม่น้ำเจ้าพระยาทางฝั่งตะวันตกของเกาะเมือง วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดหนึ่ง ที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างไม่เหมือนวัดอื่นๆ ใน อยุธยาเนื่องจากกรมศิลปากรได้ดำเนินการบูรณะตลอดมาจนปัจจุบันนักท่องเที่ยวยังคงมองเห็นเค้าแห่งความสวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ซึ่งผู้ไปเยือนไม่ควรพลาด
วัดไชยวัฒนารามสร้างบนพื้นที่ 160 เมตรยาว 310 เมตร โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออกกล่าวได้ว่าวัดนี้ตั้งตรงกับทิศทางคตินิยมในการสร้างวัดที่ปฏิบัติเป็นประเพณีสืบกันมานอกจากนี้ยังสอดคล้องกับเหตุการณ์ในพุทธประวัติที่กล่าวว่า พระโพธิสัตว์ทรงประทับภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออกสู่แม่น้ำเนรัญชรา ทรงบำเพ็ญสมาธิจนบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระพุทธรูปซึ่งเป็นหลักของวัด ก็สร้างแทนองค์ประพุทธเจ้าคือพระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ซึ่งเป็นปางที่แสดงเหตุการณ์ตอนพระพุทธองค์ตรัสรู้
https://watboran.wordpress.com/2007/02/06/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%84%E0%B8%8A%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1/
เที่ยวกันมาหลายที่แล้วท้องก็เริ่มหิวกันแล้วค่ะ และสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยเมื่อมาเที่ยวอยุธยาก็ต้องนึกถึง“ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา”แน่นอนค่ะเราจะไปทานก๋วยเตี๋ยวของดีเมืองกรุงเก่ากัน
ทริปนี้แนะนำร้านนี้เลยร้านตุ๊กกะเรือค่ะ
ราคาชามละ 20 บาทเองค่ะ ตอนนี้ที่ร้านมีโปรโมชั่น ทาน 10 ชามฟรี 1 ชามค่ะ แนะนำเลยค่ะร้านสวยสะอาดอร่อยถูกและดีฟรีWIFIมีมุมสวยๆให้ถ่ายรูปเยอะเลยค่ะ
Facebook ตุ๊กกะเรือ ก๋วยเตี๋ยวเรืออยุธยา
*พอท้องอิ่ม เราก็มาเที่ยวต่อ รอบบ่ายนี้เราจะเที่ยวตามโบราณสถานต่างๆซึ่งทุกที่ล้วนมีประวัติความเป็นมามาต่อกันเลย กับสถานที่ท่องเที่ยว*
สถานที่แห่งที่ 5 คือ วัดโลกยสุทธา
วัดโลกยสุทธาสันนิษฐานว่าได้สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยสมเด็จพระนครินทราธิราช พระราชบิดาเจ้าสามพระยา ราว พ.ศ. 1995 วัดนี้มีพระพุทธไสยาสน์ ปางไสยาสน์ ที่ใหญ่ที่สุดในเกาะเมืองอยุธยา ประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ก่ออิฐถือปูน มีความยาว 42 เมตร และสูง 8 เมตร พระพักตร์หันไปทางทิศเหนือ ที่พระเศียรมีดอกบัวรองรับ พระบาทซ้อนกันเป็นมุมฉาก นิ้วพระบาทยาวเท่ากัน มีดอกบัวเกยซ้อนรองรับพระเศียรแทนพระเขนย สันนิษฐานว่าแต่เดิมเป็นพระพุทธรูปไม่ทรงเครื่อง แต่การบูรณะใน พ.ศ. 2499 คงมีการแก้พระเศียรเป็นอย่างพระพุทธรูปทรงเครื่อง รอบองค์พระมีเสาอิฐ 8 เหลี่ยม รวม 24 ต้น ซึ่งแต่เดิมคงจะมีการสร้างวิหารครอบพระพุทธไสยาสน์ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้พังทลายลงเมื่อใด
http://donmueangairportthai.com/th/popular-destinations/1708/wat-lokayasutharam-phra-nakhon-si-ayutthaya
สถานที่แห่งที่6 เป็นโบรานสถานภายในตัวเกาะเมืองชั้นใน ซึ่งประกอบด้วยวัดหลายวัด เรียกได้ว่า ออกวัดนั้น มาโผล่วัดนี้ ก็ว่าได้ เพราะวัดแต่ละวัดที่จะเชิญชวนให้เข้าชมนี้อยู่ติดๆกัน แต่บอกก่อนนะค้ะว่าสถานที่ต่อไปนี้เราไม่ได้เข้าไปชมด้านในค่ะเลยมีแต่รูปภายนอกให้ชมเนื่องจากเวลาเรามีจำกัดค่ะเลยอยากเที่ยวหลายๆที่ให้คุ้มแบบจุใจไปเลยค่ะ มาๆๆ...เรามาเริ่มจากสถานที่แรกของรอบบ่ายก่อนเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น