เครดิตบูโรเปิดข้อมูลลูกหนี้ปี′59 คน Gen X-Y มีหนี้บัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคลค้างชำระหนี้ทะยานขึ้นต่อเนื่องเฉียด 6.44 แสนล้าน กดดันสถาบันการเงินเข้มปล่อยกู้
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร กล่าวว่า หากดูจากฐานข้อมูลของเครดิตบูโร ที่สมาชิกและสถาบันการเงินทั้ง 94 แห่ง ส่งข้อมูลมา ณ สิ้นปี 2559 พบว่า หนี้รายย่อย เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน มีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน (เอ็นพีแอล) และหนี้ค้างชำระ 1-3 เดือน หรือที่เรียกว่า หนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษ (เอสเอ็ม) ซึ่งมียอดสะสมเพิ่มในอัตราก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558
"ปัญหานี้เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บวกกับวินัยทางการเงินของกลุ่มรายย่อยที่ด้อยคุณภาพลงจากผลกระทบต่าง ๆ" นายสุรพลกล่าว
ข้อมูลเครดิตบูโรพบว่า ในกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) มีกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย (Gen Y) หรือคนที่มีอายุ 19-36 ปี มีบัญชีค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลมากกว่า 1.2 แสนบัญชี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มี 1.1 แสนบัญชี จากทั้งหมด 15 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2559 หรือคิดเป็นมูลค่าหนี้ค้างชำระและเอ็นพีแอล 7.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 5.7-5.8 หมื่นล้านบาท
ส่วนกลุ่มเจนเอ็กซ์ (Gen X) หรือคนที่มีอายุ 37-51 ปี มีหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอล 1 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 1 แสนบัญชี และมีมูลหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 33% มาอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท จาก 9 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2558 ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิต พบว่า คน Gen Y มีหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลราว 4 แสนบัญชี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 3.4-3.5 แสนบัญชี และคิดเป็นมูลหนี้ที่ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท จาก 1.4 หมื่นล้านบาทในปีก่อนหน้า ขณะที่คน Gen X มีบัญชีค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.5 แสนบัญชี มีมูลหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอล 3 หมื่นล้านบาท
"หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้บัตรเครดิตค้างชำระเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจำนวนบัญชีและจำนวนมูลหนี้สะสม สะท้อนว่า ที่ผ่านมากลุ่มนี้มีปัญหามาก ต่างกับกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเสี่ยงลดลง เพราะอาจจะหลุดรถคันแรกไปแล้ว จึงมีแนวโน้มดีกว่าทุกกลุ่ม" นายสุรพลกล่าว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องระมัดระวังและเป็นปัจจัยที่สถาบันการเงินต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ความเสี่ยงของหนี้กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ที่อาจเห็นอัตราการเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2560 และส่งผลให้สถาบันการเงินหลายแห่งต้องระมัดระวังการอนุมัติสินเชื่อใหม่ให้ลูกค้า 2 กลุ่มนี้ และทำให้เห็นยอดการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นในปี 2560 ได้
JJNY : เสดตะกิดดี๊ดี..ซี้จุกสูญ "เจนเอ็กซ์-วาย" ค้างหนี้พุ่ง 6.4 แสน ล. เครดิตบูโรชี้แบงก์เข้มสินเชื่อเงินสด-บัตรเครดิต
นายสุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร กล่าวว่า หากดูจากฐานข้อมูลของเครดิตบูโร ที่สมาชิกและสถาบันการเงินทั้ง 94 แห่ง ส่งข้อมูลมา ณ สิ้นปี 2559 พบว่า หนี้รายย่อย เช่น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อรถ สินเชื่อบ้าน มีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหนี้ค้างชำระเกิน 3 เดือน (เอ็นพีแอล) และหนี้ค้างชำระ 1-3 เดือน หรือที่เรียกว่า หนี้กล่าวถึงเป็นพิเศษ (เอสเอ็ม) ซึ่งมียอดสะสมเพิ่มในอัตราก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2558
"ปัญหานี้เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว บวกกับวินัยทางการเงินของกลุ่มรายย่อยที่ด้อยคุณภาพลงจากผลกระทบต่าง ๆ" นายสุรพลกล่าว
ข้อมูลเครดิตบูโรพบว่า ในกลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) มีกลุ่มเจเนอเรชั่นวาย (Gen Y) หรือคนที่มีอายุ 19-36 ปี มีบัญชีค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลมากกว่า 1.2 แสนบัญชี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มี 1.1 แสนบัญชี จากทั้งหมด 15 ล้านบัญชี ณ สิ้นปี 2559 หรือคิดเป็นมูลค่าหนี้ค้างชำระและเอ็นพีแอล 7.8 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 36% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 5.7-5.8 หมื่นล้านบาท
ส่วนกลุ่มเจนเอ็กซ์ (Gen X) หรือคนที่มีอายุ 37-51 ปี มีหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอล 1 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 1 แสนบัญชี และมีมูลหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 33% มาอยู่ที่ระดับ 1.2 แสนล้านบาท จาก 9 หมื่นล้านบาท เมื่อปี 2558 ส่วนสินเชื่อบัตรเครดิต พบว่า คน Gen Y มีหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลราว 4 แสนบัญชี เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 3.4-3.5 แสนบัญชี และคิดเป็นมูลหนี้ที่ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 หมื่นล้านบาท จาก 1.4 หมื่นล้านบาทในปีก่อนหน้า ขณะที่คน Gen X มีบัญชีค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นมาเป็น 4.5 แสนบัญชี มีมูลหนี้ค้างชำระและเป็นเอ็นพีแอล 3 หมื่นล้านบาท
"หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้บัตรเครดิตค้างชำระเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจำนวนบัญชีและจำนวนมูลหนี้สะสม สะท้อนว่า ที่ผ่านมากลุ่มนี้มีปัญหามาก ต่างกับกลุ่มสินเชื่อรถยนต์ที่มีความเสี่ยงลดลง เพราะอาจจะหลุดรถคันแรกไปแล้ว จึงมีแนวโน้มดีกว่าทุกกลุ่ม" นายสุรพลกล่าว
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องระมัดระวังและเป็นปัจจัยที่สถาบันการเงินต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ความเสี่ยงของหนี้กลุ่มสินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต ที่อาจเห็นอัตราการเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2560 และส่งผลให้สถาบันการเงินหลายแห่งต้องระมัดระวังการอนุมัติสินเชื่อใหม่ให้ลูกค้า 2 กลุ่มนี้ และทำให้เห็นยอดการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นในปี 2560 ได้