[SR] กินก่อนใคร! รีวิว MK LIVE บรรยากาศเป็นไง อาหารเลิศแค่ไหน อยากรู้...ตามมาดู!

เป็นคนชอบกินมาแต่ไหนแต่ไร อาหารไหนที่เค้าว่าดี ขนมไหนที่เค้าว่าเลิศ...ไม่เค้ยไม่เคยที่จะพลาด ใกล้ไกลแค่ไหนนี่ไปหมด! ล่าสุด...ได้ยินข่าวมาว่า มีเปิดตัว MK สาขาใหม่ ‘MK LIVE’ ชื่อไฉไลสมกับเป็นยุคที่เฟซบุ๊ครุ่งเรืองซะจริงๆ ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียชื่อนักกินที่สั่งสมมาตั้งแต่หัดจับช้อนเป็น...เราต้องไปโดนให้ได้! กำหนดวันพร้อม...กล้องพร้อม...กระเพาะพร้อม...ไปโลดดดดด!

จุดมุ่งหมายของเราคือ EmQuartier โซน The Helix 6th Floor ใครมาทาง BTS ก็ออกทางออกที่ 1 เลี้ยวขวา เดินขึ้นบันไดเลื่อนไปชั้น 6 แบบชิลๆ เลี้ยวซ้ายมานิดเดียว สะดวกสบายมาก เพราะสุดบันไดเลื่อนก็ไปโผล่หน้าร้าน MK LIVE แบบพอดิบพอดีไม่ต้องมองหากันให้วุ่นวาย

DECORATION | บรรยากาศร้าน

ลักษณะร้านจะแตกต่างจาก MK อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ MK ทั่วไป และ MK Gold จะเป็นร้านอาหารแนวภัตตาคาร แต่ MK LIVE จะเป็นร้านเก๋ๆ มีดีไซน์ทันสมัย ซึ่งออกแบบโดยใช้ไม้เป็นโครงผสมกับกระจก ตกแต่งด้วยพืชสีเขียวๆ ให้ความรู้สึกเหมือนฟาร์มแล้วมีเรือนกระจกอะไรประมาณนั้น


ด้านหน้าร้านจะมีห้องกระจกสำหรับเชฟในส่วนของ Butcher เพื่อเป็น Showcase ของร้านว่า เหยยยย...วัตถุดิบของที่นี่สดใหม่จริงๆ นะ! สไลด์กันให้เห็นจะจะ โชว์กันให้เห็นสดๆ เครื่องไม้เครื่องมือมีการทำความสะอาดทุกครั้งที่สไลด์เนื้อเสร็จ ไม่มีอะ...ที่จะมาค้างเครื่องสไลด์ไว้เป็นวันๆ ใช้สไลด์เนื้อซ้ำไปซ้ำมาให้สะสมเชื้อโรค

นอกจากจะมีโชว์การแล่เนื้อแบบสดๆ ภายในร้านยังมีเรือนกระจกสำหรับปลูกผักอีกด้วย สมกับคอนเซ็ปท์ ‘LIVE’ ที่หมายถึงมีชีวิตจริงๆ



นอกจากบรรยากาศการตกแต่งที่แตกต่าง บรรยากาศฟิลลิ่งที่สัมผัสได้ก็แตกต่างด้วยค่ะ สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ก็คือ พนักงานค่ะ จะมีความสดใสขึ้นอีกเวลหนึ่ง อาจจะด้วยเครื่องแบบด้วยรึป่าวก็ไม่รู้นะ เพราะชุดพนักงานจะเป็นชุด Overall หรือชุดเอี๊ยมที่ฟาร์มเมอร์ฝรั่งเค้าชอบใส่ทำไร่ทำสวนกัน


บรรยากาศภายในร้านจะสว่างพอสมควรค่ะ ไม่ได้มืดอึมครึม เพราะตัวร้านจะตั้งติดอยู่กับโซนกระจกใสที่มองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์กลางใจเมืองได้อย่างสบายๆ ใครมาช่วงค่ำๆ บรรยากาศคงโรแมนติกดีเลยละ แต่สำหรับใครที่มาช่วงกลางวันอย่าง เป็นต้น ก็จะดีตรงที่ได้แสงธรรมชาติค่ะ

FOOD & INGRADIENTS | อาหารและวัตถุดิบ

มาถึงช่วงเวลาที่เรารอคอย...นั่นก็คืออออ กิน ค่ะ! พอนั่งประจำโต๊ะ พนักงานก็มานำเสนอเมนูตามสเต็ป โดยจะแนะนำเครื่องดื่มก่อน เป็นเครื่องดื่มแบบสกัดเย็น (Cold Pressed) ก็จะใส่เป็นเครื่องดื่มสูตรต่างๆ เช่น สูตรดีท็อกซ์ สูตรลีน สูตรบูสต์เตอร์ สูตรบาลานซ์ เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอะไรแบบนี้


เสิร์ฟมาในขวดแช่ถังน้ำแข็ง ถ่ายรูปเก๋ๆได้แน่นอน เพราะขวดนึงเทได้ประมาณ 1 แก้วเต็มเท่านั้นค่ะ แต่ใครที่อยากดื่มอย่างอื่นก็มีนะ พวกน้ำมะนาว น้ำปั่น ชามะนาว ซึ่งก็ดีงามเพราะเป็นชาและน้ำแข็งมะนาว หรือน้ำเปล่า แต่ถ้าใครติดใจชาจีนรีฟิลแบบต้นตำรับ MK อาจจะต้องผิดหวังนิดหน่อย เพราะสาขานี้ไม่มีบริการจ้ะ

เราสั่งสูตรบูสต์เตอร์กับลีนมาลองชิมดู สีส้มๆ นั่นบูสต์เตอร์ สกัดจากแครอท รสชาติเหมือนน้ำผลไม้กลิ่นแครอทซะมากกว่า รสหวานแบบสุภาพๆ ไม่เหม็นเขียวหรือรสชาติเหมือนน้ำผักแต่อย่างใด ส่วนสีแดงสูตรลีน สกัดจากแอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลแดง และก็แตงโม น้องพนักงานบอกว่าทั้งสองอย่างไม่ได้เติมน้ำตาลเพิ่ม อาศัยน้ำตาลจากผลไม้อย่างเดียวค่ะ

อะ เรียกน้ำย่อยกันไปแล้ว...มา! ทีนี้ MK LIVE มีอะไรใหม่ นี่ศึกษามาเป็นอย่างดี...ว่าแล้วก็สั่งสุกี้นึ่งมาประเดิมเป็นอันดับแรก เราเลือกเซ็ทหมูคุโรบูตะ


โฉมหน้าเซ็ทสุกี้นึ่งเป็นแบบนี้ค่ะ มาเป็นกระบะไม้สองชั้น แยกเนื้อแยกผัก เอาจริงๆ ถ้าจะพูดให้ง่าย เจ้ากระบะสองอันนี้ก็ทำหน้าที่เหมือน “ซึ้ง” หรือ “ลังถึง” นั่นเอง เค้าก็จะเสิร์ฟมาให้แบบสดๆ ก่อน รอจนกระทั่งเตาหม้อน้ำบนโต๊ะเดือดได้ที่ก็จะวางซ้อนเจ้าซึ้งไม้นี้ลงไป จับเวลาไว้ 7 นาที (มีนาฬิกาจับเวลาไว้ให้ค่ะ) ก็พร้อมลุยแล้วววว

ผ่างงงงง...เปิดฝาออกมาคือไอน้ำลอยฟุ้ง หอมมมมมากกกกกก ทั้งหมูทั้งผัก และแปลกใหม่คือกลิ่นของ “ต้นมิซูนา” ค่ะ (ใครไม่เคยเห็นแนะนำให้ดูที่มุมซึ้งด้านบน ขวามือ) บรรยายไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นยังไง แต่เป็นผักที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ เหมือนตั้งโอ๋ผสมผักชีลาวแต่ไม่ฉุนเท่า ปกติหาทานยาก ไม่ค่อยมีร้านอาหารนำเข้ามาเท่าไหร่เพราะเป็นผักจากประเทศญี่ปุ่นค่ะ

ส่วนอันนี้คือเนื้อหมูที่ผ่านการนึ่งมาแล้ว...โทนสีภาพอาจจะแตกต่างกันสักหน่อยต้องขออภัยด้วยนะคะ เพราะถ่ายมาจากหลายกล้อง จากภาพอาจจะดูเนื้อแห้งๆ ไปหน่อย แต่ถ้าชิมแล้วจะรู้ว่าเนื้อยังมีความฉ่ำอยู่พอสมควรเลยค่ะ

วิธีการกินคือ คีบผักกับเนื้อ ใครจะห่อผักกับเนื้อก็ไม่ว่ากัน...จิ้มกับน้ำจิ้ม 2 แบบ คือ “น้ำจิ้มพอนสึ” หรือน้ำจิ้มชาบูที่เป็นสีน้ำตาลใสๆ กับ ”น้ำจิ้มโกมาดาเระ” หรือน้ำจิ้มงาญี่ปุ่น รสชาติมันๆ หวานๆ ออกถั่วๆ ทางน้องพนักงานแนะนำว่า เนื้อจะต้องกินคู่กับน้ำจิ้มงาขาวญี่ปุ่น เพราะจะช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อ และ ผักจะต้องกินคู่กับน้ำจิ้มพอนสึ ที่จะช่วยให้รสชาติกลมกล่อมมากขึ้น...อันนี้ก็แล้วแต่ศรัทธา เราว่าอร่อยทั้งสองแบบ

ส่วนรสชาติ...ละมุนแบบสุภ๊าพพพพสุภาพ ดีงามตามตำรับญี่ปุ่น ใครชอบอาหารรสชาติเข้มข้นอาจจะมองว่าจืดไปสักหน่อย แต่ถ้าใครชอบผัก...จะรู้สึกว่ามันหวานอร่อยมากกก...จริงๆ! ผักกาดขาวกับผักกาดฮ่องเต้น้อยคือคัดมาแต่ใบอ่อนๆ ใบเล็กๆ น่ารักกรุบกริบ ซึ่งมันจะทั้งหวานทั้งกรอบ กัดแล้วจะรู้เลยว่ามันสดอะค่ะ ผักบางอย่างเป็นผักจากโครงการหลวง ดีงามไปอีก ส่วนหมูคุโรบุตะที่สั่งมาจะเป็นเนื้อที่แทรกไขมัน นึ่งแล้วมันจะหยุ่นนุ่ม เป็นอะไรที่กินเพลินมาก ;___;


อ้อ! ข้อดีอีกอย่างของการกินสุกี้นึ่งที่เห็นได้ชัดนะคะ คือทานแล้วไม่ค่อยมีกลิ่นติดตัวติดเสื้อผ้า เพราะส่วนใหญ่ควันมันจะอบอวลอยู่ในซึ้ง มีฟุ้งเบาๆ ตอนเปิดฝาครั้งแรกเท่านั้น ที่เหลือก็กินชิลยาวไป อิ่มแล้วสะบัดบ๊อบไปเดินเอ็มควอเทียร์ต่อเริ่ดๆ

แต่เราสายกินค่ะ...กินสุกี้นึ่งจบแล้วแล้วไงคะ? ต่อเมนูต่อไปค่ะ...อย่าให้ขาดตอน! สั่งสุกี้ยากี้น้ำดำมากินต่ออย่างเพลิดเพลิน ฟังแนะนำคร่าวๆ เป็นสุกี้ชนิดผัด...ดังนั้นหม้อ (หรือจะเรียกกระทะดีนะ?) จะเป็นแบบก้นแบนๆ ลึกเพียงเล็กน้อย ตามภาพ


ซุปสุกี้น้ำดำอย่างที่เรารู้ๆ กันอยู่ว่ารสชาติมันจะออกหวานหน่อยค่ะ แต่ที่ MK LIVE จะใช้น้ำตาลไอซิ่งสำหรับเพิ่มความหวาน ใครชอบหวานมากหวานน้อยก็สามารถเติมไอซิ่งเพิ่มได้ตามใจชอบ เค้าจะมีกระปุกน้ำตาลแยกมาให้โดยเฉพาะ แต่ขอแนะนำว่าอย่าหนักมือแล้วกัน เพราะที่เค้าปรุงมาให้ครั้งแรกก็ออกหวานพอดีอยู่แล้วค่ะ

ตอนสั่งเซ็ทสุกี้ยากี้นี้ พนักงานจะมาช่วยทำให้เราก่อน ขั้นแรกก็ใส่น้ำตาลไอซิ่งลงไป เติมซุปน้ำดำ รอจนร้อนได้ที่แล้วถึงใส่ผักที่สุกยาก เช่น ฟักทองลงไปก่อน ตามผักอื่น ๆ พอเดือด น้ำซุปมันจะกลมกล่อมขึ้น ทีนี้เค้าก็จะคีบเนื้อสไลด์ไปแกว่งจนสุกแล้วเสิร์ฟให้ถึงจาน สอบถามแล้วพนักงานบอกว่าจะส่วนใหญ่จะมาบริการให้ทุกขั้นตอน แต่ถ้าใครอยากทำเองก็แจ้งพนักงานได้ค่ะ เพราะจริงๆ ขั้นตอนก็ไม่ยากอะไร

เซ็ทเริ่มต้นหน้าตาเป็นอย่างนี้ค่ะ ส่วนตัวเราชอบเส้นบุกสีน้ำตาลๆ (ในตะกร้ามุมบน ซ้ายมือ) สัมผัสจะหนึบนุ่ม อร่อยดี

    
สุกี้นึ่งไปแล้ว...สุกี้ผัดก็แล้ว...เอ้า ไม่มีสุกี้ต้มแบบต้นตำรับได้ไง! มาค่ะ สั่งอีกค่ะ!