ครู เป็นเรื่องใหญ่ผมคงต้องเขียนๆแก้ไขไปเรื่อยขอเล่าเท่าที่นึกออกได้ว่า
ครู แปลว่า (มค. ครุ, คุรุ สก. คุรุ) น. ผู้มีความหนักแน่น, ผู้ควรแก่การเคารพของศิษย์, ผู้สั่งสอน, เทียบคำ (อก. instructor, teacher).
ผู้ให้คำทำนายในหลายๆวาระ คือครู หรือทำหน้าที่ครู
ครู (ซินแส , จารย์ ) เขาไม่ได้มีไว้แค่ สอนความรู้ สอนความคิด ซึ้งปัจจุบันอาจจะหาง่ายแต่มีหลายส่วนไม่สามารถสอนกันได้ด้วยการอ่าน

ต้องสะสม สุตตะ คือฟังและคุยสอนจึงควรมี
ครูเป็นบุคคล เพิ่มจากการอ่านตำรา หรือมีครูแบบ ในจิตญาณ ถ้าเป็นไปได้
ยิ่งในศาสตร์ตะวันออกต่างๆ ที่เหตุผลเป็นศิลปะ มากกว่า วิทยาศาสตร์ เราสอนกันผ่านจิตวิญญาณ นิสัย
ไม่ได้สอนแต่ความรู้ต้องเป็นผู้มี ปัญญา รู้สรรสิ่งจากข้อมูลที่จำกัด
ผมเชื่อว่าสำหรับวิชาทำนาย ครู จะปรากฏเมื่อคุณหาและมีวาสนาตรงกันเหมาะสม
ครู ที่ดีเขาต้องเริ่มสอน หรือ สอนแทรกเรื่อง
1 ศีลธรรม (เต็ก)คือความดีในใจ เอาแค่นี้ก็ยุ่งยากมากแล้ว เพราะ ทุกศาสนาไม่เน้นวิชาทำนาย หลายๆรายละเอียดมองเป็นข้อปัญหาด้วย
และต่างศาสนา ความดี ก็ต่างกันยิ่งถ้าผู้มาดูใช้ต่างกับผู้ดู
2 จริยธรรม (เห็ง) การกระทำการแสดงออกการแนะนำที่เป็น ศีลธรรม ความดี ที่เหมาะสมกับสังคม อันนี้ยิ่งยาก
ในแง่มุมของการทำนายต่างจากแง่มุมปรกติพอสมควร
เพิ่อให้ผู้ทำนาย มีความหนักแน่น พอมั่นคงพอ รู้ว่าอะไรควรพูออะไรไม่ควรพูด ไม่ปากพล่อย
ลองคิดดูว่า ปรกติ ก็ยกแล้วทีจะมี สัมมาวาจา โดยตลอดแล้ว
ถ้าเป็นผู้รู้
รู้ความลับ หรือสามารถเบียดเบียนได้ตามใจนึกละ
อะไรควรบอกอะไรไม่ควรบอกถ้าจะบอกบอกอย่างไร
รู้อะไรควร อะไรไม่ควร ทำ ทำอย่างไรในรายละเอียด

ควรแก้ควรปรับอย่างไร
ควรทำตัวอย่างไร มีข้อต้องทำ ต้องเว้นต่างกันในแต่ละ ครู เป็นการฝึกตน เตือนตน
เพื่อที่จะ
ไม่เอาคนมาดูเป็น เหยือสอนตนเอง
หลายคนเข้าสู่ด้านมืดของกิเลส แล้วไม่สามารถกลับออกมาได้เองถ้ามีครูยังพอจะมีคนเตือนสติ
หรือฝึกหัดให้มีภูมิคุ้มกัร ได้ก่อนไม่ทำเป็นเล่นๆ
แบบงานอื่นๆที่เรียกว่า ประสพการณ์ชีวิตแบบเล่นๆ เที่ยว กินอาหาร คือให้เกิดความเสียหายแล้วจึงเรียนรู้
โอกาศเรียนมันน้อยคนที่ทำนายแล้วเสียหายเขาจะไม่กลับมาบอกหรือ อีกนานกว่าจะมามันก็จะมีความเสียหายเกิดขึ้นซ้ำๆ
เพราะงานทำนายมันมีผลกระทบมาก
งานมันไม่ใช่การ ทำนาย คำพูด พูดจบแล้วงานจบ
เนื้องาน คือ การที่ผลคำทำนายทำให้อะไรต่างออกไปบ้าง
ทั้งกับผู้ทำนาย และผู้รับคำทำนาย และคนแวดล้อม
มันจึงต้องเป็นงานหนักแน่น
เริ่มจากผู้ทำนายสามารถรับผิดชอบหนัก มีการตัดสินใจที่มีข้อมูลที่แน่นหนา
จึงเชื่อถือได้มากพอที่จะ ทำตาม
ทำให้ปัญหาต่างๆมันเปลื่ยนรูปแบบไป ดี ขึ้นได้
ไม่อย่างนั้นก็เป็นแค่ รู้ ไว้สนุกๆซึ้งก็เป็นประโยชน์ในรูปแบบหนึ่ง
คือการผ่อนคลายสบายใจ ดีขึ้นอีกหน่อยก็เป็นกำลังใจ
แต่เป้าหมายในหลายๆวิชาทำนาย มันไปกำหนด หลายอย่างในชีวิตมันมีผลมากกว่านั้น
กว่าจะรู้ตัวว่าเก่งก็ทำ กรรม อะไรไปมากมายจากการทำนาย ที่กำหนด ที่ไม่แน่ใจในผล มันเกิดง่ายและมากได้ง่าย
เมื่อถึงตอนรับผล ถ้าไม่พอใจ ไม่แน่ว่าจะมีปัญญาแก้ไขปัญหาของตนเอง
ที่ผมเจอมาแม้ตัวอย่างจะไม่มาก แต่ส่วนมากของที่เจอ มันน่าเศร้ามาก

คุณๆลองสังเกตุดูครับว่า ผู้ทำนายรอบๆตัวเป็นอย่างไร
จึงต้องเรียนให้รู้จาก ครู ในส่วนที่ไม่มีในตำราวิชาทำนายพอควรก่อนออกไปหา ประสพการณ์ เหมือนวิชาชีพอื่นๆ
เพื่อลดผลกระทบในอนาคตของตนเองให้ได้มากหรือ ยิ่งเกิดเป็นสิ่งดีๆมาตลอดได้ยิ่งดี
ในฐานะคนชอบศึกษาวิชาทำนาย อยาก เล่าให้ ผู้ไม่มีครูวิชาทำนายเป็นบุคคล ผู้หัดใหม่ อ่านไว้แบบนี้ครับ
ถ้าเห็นด้วยจะได้ฝึกฝนตนเอง อย่างเคร่งครัดระวังตน เทียบเคียงวิชาทำนายกับศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่อง ให้มากกว่าคนที่มีครู
อ่านเพิ่มในส่วนที่เคยเขียนไป
https://pantip.com/topic/33448374 คห1
เล่าเรื่อง ครู สำหรับวิชาทำนาย
ครู แปลว่า (มค. ครุ, คุรุ สก. คุรุ) น. ผู้มีความหนักแน่น, ผู้ควรแก่การเคารพของศิษย์, ผู้สั่งสอน, เทียบคำ (อก. instructor, teacher).
ผู้ให้คำทำนายในหลายๆวาระ คือครู หรือทำหน้าที่ครู
ครู (ซินแส , จารย์ ) เขาไม่ได้มีไว้แค่ สอนความรู้ สอนความคิด ซึ้งปัจจุบันอาจจะหาง่ายแต่มีหลายส่วนไม่สามารถสอนกันได้ด้วยการอ่าน
ต้องสะสม สุตตะ คือฟังและคุยสอนจึงควรมี ครูเป็นบุคคล เพิ่มจากการอ่านตำรา หรือมีครูแบบ ในจิตญาณ ถ้าเป็นไปได้
ยิ่งในศาสตร์ตะวันออกต่างๆ ที่เหตุผลเป็นศิลปะ มากกว่า วิทยาศาสตร์ เราสอนกันผ่านจิตวิญญาณ นิสัย
ไม่ได้สอนแต่ความรู้ต้องเป็นผู้มี ปัญญา รู้สรรสิ่งจากข้อมูลที่จำกัด
ครู ที่ดีเขาต้องเริ่มสอน หรือ สอนแทรกเรื่อง
1 ศีลธรรม (เต็ก)คือความดีในใจ เอาแค่นี้ก็ยุ่งยากมากแล้ว เพราะ ทุกศาสนาไม่เน้นวิชาทำนาย หลายๆรายละเอียดมองเป็นข้อปัญหาด้วย
และต่างศาสนา ความดี ก็ต่างกันยิ่งถ้าผู้มาดูใช้ต่างกับผู้ดู
2 จริยธรรม (เห็ง) การกระทำการแสดงออกการแนะนำที่เป็น ศีลธรรม ความดี ที่เหมาะสมกับสังคม อันนี้ยิ่งยาก
ในแง่มุมของการทำนายต่างจากแง่มุมปรกติพอสมควร
เพิ่อให้ผู้ทำนาย มีความหนักแน่น พอมั่นคงพอ รู้ว่าอะไรควรพูออะไรไม่ควรพูด ไม่ปากพล่อย
ลองคิดดูว่า ปรกติ ก็ยกแล้วทีจะมี สัมมาวาจา โดยตลอดแล้ว
ถ้าเป็นผู้รู้รู้ความลับ หรือสามารถเบียดเบียนได้ตามใจนึกละ
อะไรควรบอกอะไรไม่ควรบอกถ้าจะบอกบอกอย่างไร
รู้อะไรควร อะไรไม่ควร ทำ ทำอย่างไรในรายละเอียด
ควรทำตัวอย่างไร มีข้อต้องทำ ต้องเว้นต่างกันในแต่ละ ครู เป็นการฝึกตน เตือนตน
เพื่อที่จะ ไม่เอาคนมาดูเป็น เหยือสอนตนเอง
หลายคนเข้าสู่ด้านมืดของกิเลส แล้วไม่สามารถกลับออกมาได้เองถ้ามีครูยังพอจะมีคนเตือนสติ
หรือฝึกหัดให้มีภูมิคุ้มกัร ได้ก่อนไม่ทำเป็นเล่นๆ
แบบงานอื่นๆที่เรียกว่า ประสพการณ์ชีวิตแบบเล่นๆ เที่ยว กินอาหาร คือให้เกิดความเสียหายแล้วจึงเรียนรู้
โอกาศเรียนมันน้อยคนที่ทำนายแล้วเสียหายเขาจะไม่กลับมาบอกหรือ อีกนานกว่าจะมามันก็จะมีความเสียหายเกิดขึ้นซ้ำๆ
เพราะงานทำนายมันมีผลกระทบมาก
งานมันไม่ใช่การ ทำนาย คำพูด พูดจบแล้วงานจบ
เนื้องาน คือ การที่ผลคำทำนายทำให้อะไรต่างออกไปบ้าง
ทั้งกับผู้ทำนาย และผู้รับคำทำนาย และคนแวดล้อม
มันจึงต้องเป็นงานหนักแน่น
เริ่มจากผู้ทำนายสามารถรับผิดชอบหนัก มีการตัดสินใจที่มีข้อมูลที่แน่นหนา
จึงเชื่อถือได้มากพอที่จะ ทำตาม
ทำให้ปัญหาต่างๆมันเปลื่ยนรูปแบบไป ดี ขึ้นได้
ไม่อย่างนั้นก็เป็นแค่ รู้ ไว้สนุกๆซึ้งก็เป็นประโยชน์ในรูปแบบหนึ่ง
คือการผ่อนคลายสบายใจ ดีขึ้นอีกหน่อยก็เป็นกำลังใจ
แต่เป้าหมายในหลายๆวิชาทำนาย มันไปกำหนด หลายอย่างในชีวิตมันมีผลมากกว่านั้น
กว่าจะรู้ตัวว่าเก่งก็ทำ กรรม อะไรไปมากมายจากการทำนาย ที่กำหนด ที่ไม่แน่ใจในผล มันเกิดง่ายและมากได้ง่าย
เมื่อถึงตอนรับผล ถ้าไม่พอใจ ไม่แน่ว่าจะมีปัญญาแก้ไขปัญหาของตนเอง
ที่ผมเจอมาแม้ตัวอย่างจะไม่มาก แต่ส่วนมากของที่เจอ มันน่าเศร้ามาก
จึงต้องเรียนให้รู้จาก ครู ในส่วนที่ไม่มีในตำราวิชาทำนายพอควรก่อนออกไปหา ประสพการณ์ เหมือนวิชาชีพอื่นๆ
เพื่อลดผลกระทบในอนาคตของตนเองให้ได้มากหรือ ยิ่งเกิดเป็นสิ่งดีๆมาตลอดได้ยิ่งดี
ในฐานะคนชอบศึกษาวิชาทำนาย อยาก เล่าให้ ผู้ไม่มีครูวิชาทำนายเป็นบุคคล ผู้หัดใหม่ อ่านไว้แบบนี้ครับ
ถ้าเห็นด้วยจะได้ฝึกฝนตนเอง อย่างเคร่งครัดระวังตน เทียบเคียงวิชาทำนายกับศาสตร์ที่เกี่ยวเนื่อง ให้มากกว่าคนที่มีครู
อ่านเพิ่มในส่วนที่เคยเขียนไป https://pantip.com/topic/33448374 คห1