ไม่ได้ต้องการเปรียบเทียบ 2 รายการนี้ เพียงแต่หลังจากได้ดู The Mask Singer Thailand ไปซักพัก รู้สึกมีความสุขกับการได้ฟังเพลง
จากนักร้อง เทพๆ มากความสามารถ ความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดขึ้นสมัยดู รายการ The Voice Thailand ในช่วงแรกๆ ที่เน้นเน้นเสียงร้องของผู้เข้าประกวดเป็นหลัก ทำให้ได้พบเจอนักร้องที่มีความสามารถมากมายในเรื่องเสียงไม่ว่า จะเป็นคุณ เก่ง คุณคิง น้าเหน่ง หรือนักร้องอื่นๆอีกมากมาย
แต่ The Voice ใน Season หลังๆ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คนชนะ ไม่ได้ Focus กันที่เสียงอีกต่อไป จะเน้นไปทาง Drama
เป็นหลัก และเหมือนกรรมการจะรู้ถึงข้อนี้ หลังๆ กรรมการจะเลือกใคร จะดูจาก Background ของนักร้องคนนั้นๆมาประกอบกับเสียงด้วย
ต่อให้นักร้อง ร้องดีสุดยอดแค่ไหน ถ้าไม่มี Background เป็นคนน่าสงสาร ขายลูกชิ้น ขายก๋วยเตี๋ยว พ่อป่วย แม่ยายพิการละก้อ ยากนักที่จะเข้ามารอบลึกๆได้
ดูได้จาก รอบท้ายๆ นอกจากการร้องแล้ว จะใส่เรื่องราาว Drama เพื่อเรียกคะแนนสงสาร ให้ได้เสียงโหวต มากกว่า การตัดสินกันที่เสียงเหมือนอย่างชื่อรายการ ทำให้ Season หลังๆ เริ่มไม่สนุก เพราะการแข่งขันไม่ได้วัดกันที่เสียงร้องจริงๆ คะแนนส่วนใหญ่ มาจาก Drama บวกกับความชอบในตัว โค้ชเป็นหลัก
กลับมาที่ The Mask Singer อีกครั้ง แม้จะมี Drama บ้างหลังจากถอดหน้ากาก แต่ เป็น Drama ที่มีความอิ่มเอม มีความสุข Drama เล็กๆ ที่ไม่ได้บดบังความสามารถทางเสียงร้องของผู้เข้าแข่งขัน อยากให้ ทางรายการรักษา คุณภาพของรายการแบบนี้ตลอดไป ชอบมากๆ ขอบคุณครับที่ทำรายการดีๆแบบนี้ให้ดู
จากการติดตามชม the Mask Singer หวนคิดไปถึง The Voice thailand ใน season แรกๆ
จากนักร้อง เทพๆ มากความสามารถ ความรู้สึกแบบนี้เคยเกิดขึ้นสมัยดู รายการ The Voice Thailand ในช่วงแรกๆ ที่เน้นเน้นเสียงร้องของผู้เข้าประกวดเป็นหลัก ทำให้ได้พบเจอนักร้องที่มีความสามารถมากมายในเรื่องเสียงไม่ว่า จะเป็นคุณ เก่ง คุณคิง น้าเหน่ง หรือนักร้องอื่นๆอีกมากมาย
แต่ The Voice ใน Season หลังๆ ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว คนชนะ ไม่ได้ Focus กันที่เสียงอีกต่อไป จะเน้นไปทาง Drama
เป็นหลัก และเหมือนกรรมการจะรู้ถึงข้อนี้ หลังๆ กรรมการจะเลือกใคร จะดูจาก Background ของนักร้องคนนั้นๆมาประกอบกับเสียงด้วย
ต่อให้นักร้อง ร้องดีสุดยอดแค่ไหน ถ้าไม่มี Background เป็นคนน่าสงสาร ขายลูกชิ้น ขายก๋วยเตี๋ยว พ่อป่วย แม่ยายพิการละก้อ ยากนักที่จะเข้ามารอบลึกๆได้
ดูได้จาก รอบท้ายๆ นอกจากการร้องแล้ว จะใส่เรื่องราาว Drama เพื่อเรียกคะแนนสงสาร ให้ได้เสียงโหวต มากกว่า การตัดสินกันที่เสียงเหมือนอย่างชื่อรายการ ทำให้ Season หลังๆ เริ่มไม่สนุก เพราะการแข่งขันไม่ได้วัดกันที่เสียงร้องจริงๆ คะแนนส่วนใหญ่ มาจาก Drama บวกกับความชอบในตัว โค้ชเป็นหลัก
กลับมาที่ The Mask Singer อีกครั้ง แม้จะมี Drama บ้างหลังจากถอดหน้ากาก แต่ เป็น Drama ที่มีความอิ่มเอม มีความสุข Drama เล็กๆ ที่ไม่ได้บดบังความสามารถทางเสียงร้องของผู้เข้าแข่งขัน อยากให้ ทางรายการรักษา คุณภาพของรายการแบบนี้ตลอดไป ชอบมากๆ ขอบคุณครับที่ทำรายการดีๆแบบนี้ให้ดู