ตอนที่ 1 ครับ
https://pantip.com/topic/36157339
วันที่ 23 มกราคม 2560
00:50 โดยประมาณ รถจอดให้เราเข้าห้องน้ำที่ร้านค้าข้างๆถนน ค่าห้องน้ำ 200 Kyat ต่อคน ให้เวลา 10 นาทีครับ

02:00 โดยประมาณ รถจอดอีกครั้ง พนักงานรถ แจก ผ้าเย็น แปรงสีฟันและยาสีสัน ให้เข้าห้องน้ำ และกินข้าวรอบดึก บริเวณนี้ รถบัสมาจอดกันเยอะครับ ให้เวลา 30 นาที โดยต้องลงจากรถครับ ไม่ให้นอนรอบนรถ ที่นี้อยู่ที่เมืองเนปิดอร์ครับ
6:00 โดยประมาณ รถมาถึง Bus station ของเมืองพุกามเรียบร้อย รถจอดหน้าบริษัท Elite Express ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่เปิดทำการ เราลงจากรถปุ๊ป ก็เหมือนดาราครับ มีคนมารุมเราทันที ป็อปปูล่าสุดๆ ทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้น มีแต่แท็กซี่หมดเลยครับ ไม่มีมอเตอร์ไซด์ หรือรถม้าที่เราวางแผนว่าจะใช้บริการรถม้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เจดีย์ชเวสันดอว์เลยสักคัน
ผู้โดยสารส่วนหนึ่งขึ้นรถกะป้อ ฝรั่ง 4 คน ต่อรองแท็กซี่ แชร์ค่าโดยสารกัน เหลือเพียงเราที่ยังงงๆ ไม่รู้จะไปยังไง เลยคุยกับแท็กซี่ ให้ไปส่งเราดูพระอาทิตย์ขึ้น แล้วกลับมาส่งในเมืองเพื่อเช่า จักรยานไฟฟ้า (e-bike) แท็กซี่บอกราคามา 50,000 Kyat ราคามหาโหด เราบอกแพงมาก ไม่เอาไม่ไป เดินหนี แท็กซี่ยังคงเดินตาม เพื่อคุยต่อ ยอมลดราคาให้เหลือ 30,000 Kyat ก็แพงอยู่ดี
บริเวณนั้น จะมีป้ายบอกราคาค่าโดยสารแท็กซี่ว่า Nyaung U 5,000 New Bagan 7,000 Old Bagan 8,000 คุยตกลงราคาไม่ได้ เวลาล่วงเลยมาถึง 6 โมงครึ่งแล้ว เราน่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทันแน่นอนแล้ว

ภาพ บอกราคา Taxi Credit: Google
สุดท้ายมีอีกเจ้ามาคุย
เราบอกว่า “ไปส่งเราที่ Nyaung U ก็พอ เพราะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทันแล้ว”
บอกราคาเราที่ “20,000 Kyat”
เรายังบอกว่า “ป้ายบอกว่า 5,000 นี่นา”
แท็กซี่พยายามอธิบาย “5,000 เป็นราคาต่อคน 1 คันแชร์ 4 คน ต้องราคา 20,000 แม้เราจะมีกันแค่ 2 คน”
เราใช้มุกเดิม เดินหนี เค้ายอมลดราคาบอกว่า “15,000”
เราบอกว่า “คนละ 5,000 งั้นต้อง 10,000 เดียวเท่านั้น” และเดินหนีไปเรื่อยๆ
สุดท้ายแท็กซี่เจ้าแรกสุด เดินตามเรามาแล้วบอกว่า “OK you 10 thousand”
เป็นอันว่าได้รถแท็กซี่พาเข้า Nyaung U ในราคา 10,000 Kyat เพื่อไปหาเช่า e-bike
ก่อนขึ้นรถ แท็กซี่ถามเราว่า “กลับเมื่อไหร่ จะไปไหนต่อ มีตั๋วรถบัสรึยัง ตอนนี้นะ High season ตั๋วหายาก ซื้อไว้ก่อนมั้ย เดี๋ยวพาไปใกล้ๆนี้เอง” ชี้มือไปที่อีกตึกนึง เราก็งงๆอยู่ว่า อารายอีกเนี่ยยยยย
ขึ้นรถแล้ว แท็กซี่พาไปซื้อตั๋วรถบัสอีกบริษัทนึง เราก้อโอเคซื้อเลยก็ได้ จะได้ไม่ยุ่ง เพราะเย็นนี้เราจะนั่ง Night bus กลับไปย่างกุ้งอีกครั้งอยู่แล้ว แต่บริษัทนี้ตั๋วราคา 18,500 Kyat เป็นรถ VIP เราก็ตกลงซื้อ เราเห็นผังที่นั่งโล่งทุกที่นั่ง เลยกะว่าจะนั่งแถวหน้าๆ แต่ช้าก่อน พนักงานขายตั๋ว เขียนตั๋วให้เราเรียบร้อยในที่นั่ง ด้านหลัง
เราเลยถามว่า “ทำไมไม่ให้เราเลือกที่นั่ง เราจะนั่งแถวหน้าๆ”
เค้าตอบทันที “ที่นั่งแถวหน้าเต็มแล้ว ถูกจองจากเมืองอื่นๆหมดแล้ว”
เราถึงกับงง ผังที่นั่งโล่งหมด แต่บอกเต็ม เราทำเสียงเข้ม “ถ้าไม่ได้เลือกแถวหน้า เราไม่ซื้อ”
ว่าแล้วก็เดินออกมาขึ้นแท็กซี่ทันที บอกโชเฟอร์(ที่เป็นนายหน้าตั๋วรถด้วย) ว่า “ไปเลยๆ ไม่ซื้อแล้ว”
แท็กซี่หน้าจ๋อยๆ ขึ้นรถพาเราออกจาก Bus station
แท็กซี่พาเราไปซักระยะนึง ไม่น่าจะเกิน 5 นาที ก็ถึงป้อมๆนึง เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าเมืองพุกาม ราคา 25,000 Kyat ต่อคน เก็บตั๋วไว้เผื่อโดนสุ่มตรวจในสถานที่เที่ยวชมตามเจดีย์ หรือ วัดภายในพุกาม ตั๋วนี้สามารถใช้ได้ 5 วันครับ
ตั๋ว Bagan ครับ
แท็กซี่ขับต่อไปจนถึง Nyaung U ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ในระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตรครับ(จาก Google map) แท็กซี่พาไปจอดหน้าร้านที่ให้เช่า e-bike ร้านนึง แต่ไม่มีใครอยู่ในร้านเลย แท็กซี่พยายามเดินหาเจ้าของร้านแต่ไม่พบ ด้วยความที่เรารู้สึกไม่ไว้ใจแท็กซี่ ว่าจะหลอกอะไรรึเปล่า เราเลยบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราหาเช่าเอง จ่ายเงิน 10,000 Kyat อย่างไว เพื่อให้จบการเจรจา แล้วเดินจากไปทันที แท็กซี่ทำหน้าจ๋อยอีกครั้ง มองในแง่ดี เค้าอาจจะรู้สึกไม่ดีที่ให้บริการเราไม่ก็ได้นะ
สรุปว่าหากใครนั่ง Night bus มาจากย่างกุ้ง แล้วต้องการจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย แนะนำให้นั่ง Night bus รอบ 2 ทุ่มครึ่งนะครับ จะได้มีเวลาเพียงพอในการไปเจดีย์ชเวสันดอว์ เพราะรถจะมาถึงประมาณตี 5 แบบเรานี่ช้าไป สาละวนต่อรองราคากว่าจะโอเคก็ไม่ทันแล้ว
เราก็เดินหาร้านเช่า e-bike ไปเรื่อยๆ หน้าร้านนึง มีผู้หญิงขับ e-bike เข้ามา แล้ว คุยกับเรา ตกลงราคากันได้ที่ 7,000 Kyat เป็น e-bike ขนาดนั่ง 2 คนได้ เพราะถ้าคันเล็กจะนั่งได้คนเดียวราคา 4,000 Kyat เค้าบอกว่า 7,000 Kyat นี่พิเศษสำหรับเราที่เป็นคนแรกของวัน ปกติต้อง 8,000 Kyat

e-bike พาหนะที่พาเราท่องพุกามครับ
เตรียมจะจ่ายเงิน แล้วจะฝากกระเป๋าไว้ที่ร้าน แต่เค้าบอกว่าในร้านเป็นของป้าเค้า เค้ามาอาศัยหน้าร้านเพื่อให้เช่า e-bike เท่านั้น ต้องถามป้าก่อนว่าฝากกระเป๋าได้เปล่า ปรากฏว่าไม่ได้ คุณป้าไม่ยอม เค้าเลยบอกให้ตามเค้าไปที่บ้านของเค้าไม่ไกลจากนี่ ไปเอารถอีกคันที่บ้านเค้า แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่บ้านเค้าเลย ฝากแบบ VIP เราตกลงตามนั้น สำหรับ e-bike คันใหญ่นี้ ผมขับทั้งวันตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ด้วยความเร็วประมาณ 40-45 km/hr แบตอยู่ได้สบายครับ ไม่ต้องกังวล แต่ยังไงก็ตาม ควรขอเบอร์โทรร้านไว้ครับ เผื่อฉุกเฉินจะได้โทรเรียกให้ไปเปลี่ยนแบตได้ครับ
ขับรถออกจากบ้านเจ้าของกิจการ e-bike แบบ VIP แล้วไปหาอาหารเช้ากินกันครับ เราไปลองนั่งร้านน้ำชา ที่ดูสะอาดหน่อยไม่ไกลนัก เราสั่งกาแฟ 2 แก้ว Fried Rice with Chicken และ Omelet with Bread มากินกันครับ ลองซาโมซ่าซึ่งวางไว้พร้อมกาน้ำชาทุกโต๊ะไปชิ้นนึง แหม...มันอมน้ำมันมากๆ ครับ แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟ Fried Rice with Chicken จะเป็นข้าวผัดใส่เครื่องเทศกลิ่นแบบข้าวหมกไก่ครับ ไม่อร่อยมาก แต่กินได้ ส่วน Omelet with Bread นั้นเป็น ขนมปังแผ่นชุบไข่เอาไปทอดแล้วราดน้ำตาลกับนมมาครับ ผิดคาดไปเยอะเลย (มันและหวานมาก สำหรับเรา คนอื่นอาจอร่อยครับ)

Omelet with Bread ครับ

หน้าร้านอาหารเช้าของเรา
รองท้องเรียบร้อย หมดไป 3,700 Kyat ก็ไปต่อครับ ไปหาซื้อตั๋วรถบัสให้เรียบร้อยก่อนครับ
ขับไปเรื่อยๆ ทางที่เราจะไปเที่ยว เจอร้านไหนขายก็ถาม ขับไปจนเจอร้านนึงมีคนขายอยู่ เลยซื้อตั๋วของ Elite Express เจ้าเดิม แต่ราคาผ่าน agent จะแพงขึ้นมานิดนึง เป็น 15,500 Kyat แพงขึ้นประมาณ 30 บาทเอง แต่มีรถจากที่ร้านไปส่งที่ Bus Station ไม่ต้องใช้บริการแท็กซี่ครับ เจ้าของนัดให้เรามารอขึ้นรถที่ร้านประมาณ 1 ทุ่มครับ

ตั๋ว Night Bus คืนนี้ ที่ ร้าน Memory tour ขายให้เราครับ
ขับ e-bike เปิด google map ให้พาไป 1 ใน 5 มหาบูชาของพม่า นั่นคือ มหาเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon) ซึ่งห่างจาก Nyuang U เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ขับ e-bike ไม่นานก็ถึงครับ เข้าไปชมความงามของมหาเจดีย์ น่าเสียดายตอนที่เราไป กำลังบูรณะอยู่ ทำให้เห็นความงดงามไม่ทั้งหมด แต่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์ครับ

มหาเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon)
จากนั้น เราไปต่อที่ เจดีย์ชเวสันดอว์ เพื่อชมวิวทะเลเจดีย์ ครับ ห่างจาก ชเวซิกอง ประมาณ 5 กิโลเมตร ขับรถไป งงๆ ก็ไปถึงครับ ถึงแล้วเราก็ขึ้นไปชั้นบนเของเจดีย์เพื่อชมวิวครับ สถานที่ต่างๆในพุกามนี่ ต้องถอดรองเท้าและถุงเท้าทุกที่นะครับ แต่เรื่องรองเท้าจะหายรึเปล่านี่ ไม่แน่ใจครับ เราถอดรองเท้าไว้ในจุดที่ทุกคนถอดวางไว้ตลอดในทุกที่ ไม่มีหาย และไม่เคยได้ยินนักท่องเที่ยวคนใดพูดถึงรองเท้าหายนะครับ
วิวทะเลเจดีย์อันงดงามเกินบรรยาย ถึงแม้เราจะมาไม่ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ความงามตอนนี้ก็สวยงามมากมาย ในเวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ ครับ อากาศยังเย็นๆอยู่ สบายตัว สบายตา และสบายใจอย่างมากครับ


บรรยากาศบน ชเวสันดอว์ และ วิวทะเลเจดีย์
นั่งชิลกันไป ดื่มด่ำกับบรรยากาศและวิวอันสวยงามจนพอใจ เราก็ลงมาเพื่อรอไกด์ของเรา นั่นคือ เพื่อนที่มาทำงานอยู่ที่พุกาม กำลังบึ่งมอเตอร์ไซด์คู่ใจมาหาเราที่ ชเวสันดอว์ หลังจากติดต่อกันเมื่อซักครู่ ก็รู้ว่าเพื่อนยังอยู่ที่พุกาม ยังไม่ได้กลับเมืองไทย เค้าจึงอาสาขับรถนำเที่ยวครึ่งวันเช้า ก่อนกลับไปทำงานในตอนบ่าย
เมื่อเพื่อนเรามาถึง ก็เริ่มทัวร์กันต่อ สถานที่ต่อไป นั่นคือ วัดอนันดา สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดหลังจากนี้ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันทั้งหมดครับ ขับรถ e-bike ไม่นานก็ถึงครับ ลัดเลาะ เข้าทางโน้น ทางนี้ เดี๋ยวก็ถึง ไม่ต้องกลัวหลงเลยครับ
วัดอนันดา ในช่วงเวลาที่เราไปเที่ยว กำลังจัดงานอยู่ครับ ลักษณะเหมือนงานวัดบ้านเราทีเดียว มีร้านรวงต่างๆ เปิดขายของเป็นแถวๆ ที่วัดอนันดา เราถูกถามถึงตั๋วเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบครับ และเป็นครั้งเดียวตลอดวันของเราที่ถูกสุ่มตรวจครับ แสดงตั๋วแล้วเข้าไปกราบพระครับ ด้านใน มีพระอยู่ 4 ด้าน ซึ่งไม่เหมือนกัน แล้ว ออกมาชมวิวด้านนอกของวัด ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงาม วิหารสีขาวสวยงาม แต่บนยอดเจดีย์กำลังบูรณะอยู่ครับ

เสร็จจากวัดอนันดา เราไปต่อที่เจดีย์ชเวกูยีพญา (Shwegu Gyi Phaya) ซึ่งผ่านเจดีย์สัพพัญญู(That Bin Nyu) ไปก่อน ไกด์เพื่อนเราบอกว่า ไปที่นี่ก่อน เพราะสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนเจดีย์ได้ ชมวิวทะเลเจดีย์อีกมุมหนึ่งซึ่งสวยงามเช่นกัน ใช้เวลาไม่นาน เราก็ไปต่อครับ
ทางด้านบนเจดีย์ชเวกูยีพญาครับ
จุดหมายถัดไป คือ เจดีย์บุพพญา (Bupaya) ตั้งอยู่ริมน้ำอิรวดี ที่สวยงาม เจดีย์ขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอยู่ริมน้ำได้บรรยากาศที่ร่มเย็น แม้ตอนนี้จะเป็นเวลา 11 โมงครึ่งแล้วก็ตาม ชมความงามของเจดีย์และแม่น้ำอิรวดี
เจดีย์บุพพญา (Bupaya) สีทองอร่ามครับ
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า เส้นทางที่เราขับ e-bike เที่ยว นั้น ค่อนข้างมั่วๆ ไม่เน้นไปทิศใดทิศหนึ่ง เพราะเราต้องการเที่ยวในจุดที่เราอยากไปจริงๆ แต่ไม่ได้มีปัญหาใดๆนะครับ สามารถไปที่ไหนก่อน-หลังได้เลย มันไม่ไกลกันมากนัก อยากแวะตรงไหนก็แวะเลยครับ
ถนนสีเหลือง ด้านล่าง และ ถนนสีขาวด้านบน เป็น 2 ถนน 2 เส้นที่ท่องเที่ยวครับ
ใกล้เที่ยงแล้ว เราจึงไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ไกด์เพื่อนเราพาเราไปกินข้าวเที่ยงที่เป็นร้านอาหารไทย ไม่ไกลนัก ขับรถย้อนกลับไปทาง เจดีย์ชเวซิกอง บนถนนเส้นรอง ผ่านประตูเมืองพุกามเก่า แวะถ่ายรูปสักนิด แล้วไปกินข้าวกันครับ

หน้าประตูเมืองเก่าของพุกามครับ
ร้านอาหารไทยนี้ เจ้าของเป็นคนพม่าครับ แต่กุ๊กเป็นคนไทย จึงได้กินอาหารที่เป็นไทย และราคาไม่แพงครับ ดูร้านจากด้านนอก อาจคิดว่าราคาจะแพง แต่เรากินไปคนละจาน ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น, เส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว และข้าวผัดกุ้ง รวมน้ำดื่ม ค่าเสียหาย คือ 9,000 Kyat คิดเป็นเงินไทยประมาณคนละ 78 บาทเองครับ รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อ
[CR] เที่ยวพม่า 3 วัน 3 เมือง (มือใหมหัดรีวิว) ตอนที่ 2/3
วันที่ 23 มกราคม 2560
00:50 โดยประมาณ รถจอดให้เราเข้าห้องน้ำที่ร้านค้าข้างๆถนน ค่าห้องน้ำ 200 Kyat ต่อคน ให้เวลา 10 นาทีครับ
02:00 โดยประมาณ รถจอดอีกครั้ง พนักงานรถ แจก ผ้าเย็น แปรงสีฟันและยาสีสัน ให้เข้าห้องน้ำ และกินข้าวรอบดึก บริเวณนี้ รถบัสมาจอดกันเยอะครับ ให้เวลา 30 นาที โดยต้องลงจากรถครับ ไม่ให้นอนรอบนรถ ที่นี้อยู่ที่เมืองเนปิดอร์ครับ
6:00 โดยประมาณ รถมาถึง Bus station ของเมืองพุกามเรียบร้อย รถจอดหน้าบริษัท Elite Express ซึ่งขณะนี้บริษัทยังไม่เปิดทำการ เราลงจากรถปุ๊ป ก็เหมือนดาราครับ มีคนมารุมเราทันที ป็อปปูล่าสุดๆ ทั้งหมดที่อยู่บริเวณนั้น มีแต่แท็กซี่หมดเลยครับ ไม่มีมอเตอร์ไซด์ หรือรถม้าที่เราวางแผนว่าจะใช้บริการรถม้า เพื่อไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่เจดีย์ชเวสันดอว์เลยสักคัน
ผู้โดยสารส่วนหนึ่งขึ้นรถกะป้อ ฝรั่ง 4 คน ต่อรองแท็กซี่ แชร์ค่าโดยสารกัน เหลือเพียงเราที่ยังงงๆ ไม่รู้จะไปยังไง เลยคุยกับแท็กซี่ ให้ไปส่งเราดูพระอาทิตย์ขึ้น แล้วกลับมาส่งในเมืองเพื่อเช่า จักรยานไฟฟ้า (e-bike) แท็กซี่บอกราคามา 50,000 Kyat ราคามหาโหด เราบอกแพงมาก ไม่เอาไม่ไป เดินหนี แท็กซี่ยังคงเดินตาม เพื่อคุยต่อ ยอมลดราคาให้เหลือ 30,000 Kyat ก็แพงอยู่ดี
บริเวณนั้น จะมีป้ายบอกราคาค่าโดยสารแท็กซี่ว่า Nyaung U 5,000 New Bagan 7,000 Old Bagan 8,000 คุยตกลงราคาไม่ได้ เวลาล่วงเลยมาถึง 6 โมงครึ่งแล้ว เราน่าจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทันแน่นอนแล้ว
สุดท้ายมีอีกเจ้ามาคุย
เราบอกว่า “ไปส่งเราที่ Nyaung U ก็พอ เพราะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ทันแล้ว”
บอกราคาเราที่ “20,000 Kyat”
เรายังบอกว่า “ป้ายบอกว่า 5,000 นี่นา”
แท็กซี่พยายามอธิบาย “5,000 เป็นราคาต่อคน 1 คันแชร์ 4 คน ต้องราคา 20,000 แม้เราจะมีกันแค่ 2 คน”
เราใช้มุกเดิม เดินหนี เค้ายอมลดราคาบอกว่า “15,000”
เราบอกว่า “คนละ 5,000 งั้นต้อง 10,000 เดียวเท่านั้น” และเดินหนีไปเรื่อยๆ
สุดท้ายแท็กซี่เจ้าแรกสุด เดินตามเรามาแล้วบอกว่า “OK you 10 thousand”
เป็นอันว่าได้รถแท็กซี่พาเข้า Nyaung U ในราคา 10,000 Kyat เพื่อไปหาเช่า e-bike
ก่อนขึ้นรถ แท็กซี่ถามเราว่า “กลับเมื่อไหร่ จะไปไหนต่อ มีตั๋วรถบัสรึยัง ตอนนี้นะ High season ตั๋วหายาก ซื้อไว้ก่อนมั้ย เดี๋ยวพาไปใกล้ๆนี้เอง” ชี้มือไปที่อีกตึกนึง เราก็งงๆอยู่ว่า อารายอีกเนี่ยยยยย
ขึ้นรถแล้ว แท็กซี่พาไปซื้อตั๋วรถบัสอีกบริษัทนึง เราก้อโอเคซื้อเลยก็ได้ จะได้ไม่ยุ่ง เพราะเย็นนี้เราจะนั่ง Night bus กลับไปย่างกุ้งอีกครั้งอยู่แล้ว แต่บริษัทนี้ตั๋วราคา 18,500 Kyat เป็นรถ VIP เราก็ตกลงซื้อ เราเห็นผังที่นั่งโล่งทุกที่นั่ง เลยกะว่าจะนั่งแถวหน้าๆ แต่ช้าก่อน พนักงานขายตั๋ว เขียนตั๋วให้เราเรียบร้อยในที่นั่ง ด้านหลัง
เราเลยถามว่า “ทำไมไม่ให้เราเลือกที่นั่ง เราจะนั่งแถวหน้าๆ”
เค้าตอบทันที “ที่นั่งแถวหน้าเต็มแล้ว ถูกจองจากเมืองอื่นๆหมดแล้ว”
เราถึงกับงง ผังที่นั่งโล่งหมด แต่บอกเต็ม เราทำเสียงเข้ม “ถ้าไม่ได้เลือกแถวหน้า เราไม่ซื้อ”
ว่าแล้วก็เดินออกมาขึ้นแท็กซี่ทันที บอกโชเฟอร์(ที่เป็นนายหน้าตั๋วรถด้วย) ว่า “ไปเลยๆ ไม่ซื้อแล้ว”
แท็กซี่หน้าจ๋อยๆ ขึ้นรถพาเราออกจาก Bus station
แท็กซี่พาเราไปซักระยะนึง ไม่น่าจะเกิน 5 นาที ก็ถึงป้อมๆนึง เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าเมืองพุกาม ราคา 25,000 Kyat ต่อคน เก็บตั๋วไว้เผื่อโดนสุ่มตรวจในสถานที่เที่ยวชมตามเจดีย์ หรือ วัดภายในพุกาม ตั๋วนี้สามารถใช้ได้ 5 วันครับ
ตั๋ว Bagan ครับ
แท็กซี่ขับต่อไปจนถึง Nyaung U ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีเท่านั้น ในระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตรครับ(จาก Google map) แท็กซี่พาไปจอดหน้าร้านที่ให้เช่า e-bike ร้านนึง แต่ไม่มีใครอยู่ในร้านเลย แท็กซี่พยายามเดินหาเจ้าของร้านแต่ไม่พบ ด้วยความที่เรารู้สึกไม่ไว้ใจแท็กซี่ ว่าจะหลอกอะไรรึเปล่า เราเลยบอกว่า ไม่เป็นไร เดี๋ยวเราหาเช่าเอง จ่ายเงิน 10,000 Kyat อย่างไว เพื่อให้จบการเจรจา แล้วเดินจากไปทันที แท็กซี่ทำหน้าจ๋อยอีกครั้ง มองในแง่ดี เค้าอาจจะรู้สึกไม่ดีที่ให้บริการเราไม่ก็ได้นะ
สรุปว่าหากใครนั่ง Night bus มาจากย่างกุ้ง แล้วต้องการจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นเลย แนะนำให้นั่ง Night bus รอบ 2 ทุ่มครึ่งนะครับ จะได้มีเวลาเพียงพอในการไปเจดีย์ชเวสันดอว์ เพราะรถจะมาถึงประมาณตี 5 แบบเรานี่ช้าไป สาละวนต่อรองราคากว่าจะโอเคก็ไม่ทันแล้ว
เราก็เดินหาร้านเช่า e-bike ไปเรื่อยๆ หน้าร้านนึง มีผู้หญิงขับ e-bike เข้ามา แล้ว คุยกับเรา ตกลงราคากันได้ที่ 7,000 Kyat เป็น e-bike ขนาดนั่ง 2 คนได้ เพราะถ้าคันเล็กจะนั่งได้คนเดียวราคา 4,000 Kyat เค้าบอกว่า 7,000 Kyat นี่พิเศษสำหรับเราที่เป็นคนแรกของวัน ปกติต้อง 8,000 Kyat
เตรียมจะจ่ายเงิน แล้วจะฝากกระเป๋าไว้ที่ร้าน แต่เค้าบอกว่าในร้านเป็นของป้าเค้า เค้ามาอาศัยหน้าร้านเพื่อให้เช่า e-bike เท่านั้น ต้องถามป้าก่อนว่าฝากกระเป๋าได้เปล่า ปรากฏว่าไม่ได้ คุณป้าไม่ยอม เค้าเลยบอกให้ตามเค้าไปที่บ้านของเค้าไม่ไกลจากนี่ ไปเอารถอีกคันที่บ้านเค้า แล้วฝากกระเป๋าไว้ที่บ้านเค้าเลย ฝากแบบ VIP เราตกลงตามนั้น สำหรับ e-bike คันใหญ่นี้ ผมขับทั้งวันตั้งแต่ประมาณ 7 โมงเช้าถึง 6 โมงเย็น ด้วยความเร็วประมาณ 40-45 km/hr แบตอยู่ได้สบายครับ ไม่ต้องกังวล แต่ยังไงก็ตาม ควรขอเบอร์โทรร้านไว้ครับ เผื่อฉุกเฉินจะได้โทรเรียกให้ไปเปลี่ยนแบตได้ครับ
ขับรถออกจากบ้านเจ้าของกิจการ e-bike แบบ VIP แล้วไปหาอาหารเช้ากินกันครับ เราไปลองนั่งร้านน้ำชา ที่ดูสะอาดหน่อยไม่ไกลนัก เราสั่งกาแฟ 2 แก้ว Fried Rice with Chicken และ Omelet with Bread มากินกันครับ ลองซาโมซ่าซึ่งวางไว้พร้อมกาน้ำชาทุกโต๊ะไปชิ้นนึง แหม...มันอมน้ำมันมากๆ ครับ แล้วอาหารก็มาเสิร์ฟ Fried Rice with Chicken จะเป็นข้าวผัดใส่เครื่องเทศกลิ่นแบบข้าวหมกไก่ครับ ไม่อร่อยมาก แต่กินได้ ส่วน Omelet with Bread นั้นเป็น ขนมปังแผ่นชุบไข่เอาไปทอดแล้วราดน้ำตาลกับนมมาครับ ผิดคาดไปเยอะเลย (มันและหวานมาก สำหรับเรา คนอื่นอาจอร่อยครับ)
รองท้องเรียบร้อย หมดไป 3,700 Kyat ก็ไปต่อครับ ไปหาซื้อตั๋วรถบัสให้เรียบร้อยก่อนครับ
ขับไปเรื่อยๆ ทางที่เราจะไปเที่ยว เจอร้านไหนขายก็ถาม ขับไปจนเจอร้านนึงมีคนขายอยู่ เลยซื้อตั๋วของ Elite Express เจ้าเดิม แต่ราคาผ่าน agent จะแพงขึ้นมานิดนึง เป็น 15,500 Kyat แพงขึ้นประมาณ 30 บาทเอง แต่มีรถจากที่ร้านไปส่งที่ Bus Station ไม่ต้องใช้บริการแท็กซี่ครับ เจ้าของนัดให้เรามารอขึ้นรถที่ร้านประมาณ 1 ทุ่มครับ
ขับ e-bike เปิด google map ให้พาไป 1 ใน 5 มหาบูชาของพม่า นั่นคือ มหาเจดีย์ชเวซิกอง (Shwezigon) ซึ่งห่างจาก Nyuang U เพียง 2 กิโลเมตรเท่านั้น ขับ e-bike ไม่นานก็ถึงครับ เข้าไปชมความงามของมหาเจดีย์ น่าเสียดายตอนที่เราไป กำลังบูรณะอยู่ ทำให้เห็นความงดงามไม่ทั้งหมด แต่เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของมหาเจดีย์ครับ
จากนั้น เราไปต่อที่ เจดีย์ชเวสันดอว์ เพื่อชมวิวทะเลเจดีย์ ครับ ห่างจาก ชเวซิกอง ประมาณ 5 กิโลเมตร ขับรถไป งงๆ ก็ไปถึงครับ ถึงแล้วเราก็ขึ้นไปชั้นบนเของเจดีย์เพื่อชมวิวครับ สถานที่ต่างๆในพุกามนี่ ต้องถอดรองเท้าและถุงเท้าทุกที่นะครับ แต่เรื่องรองเท้าจะหายรึเปล่านี่ ไม่แน่ใจครับ เราถอดรองเท้าไว้ในจุดที่ทุกคนถอดวางไว้ตลอดในทุกที่ ไม่มีหาย และไม่เคยได้ยินนักท่องเที่ยวคนใดพูดถึงรองเท้าหายนะครับ
วิวทะเลเจดีย์อันงดงามเกินบรรยาย ถึงแม้เราจะมาไม่ทันชมพระอาทิตย์ขึ้น แต่ความงามตอนนี้ก็สวยงามมากมาย ในเวลาประมาณ 9 โมงกว่าๆ ครับ อากาศยังเย็นๆอยู่ สบายตัว สบายตา และสบายใจอย่างมากครับ
นั่งชิลกันไป ดื่มด่ำกับบรรยากาศและวิวอันสวยงามจนพอใจ เราก็ลงมาเพื่อรอไกด์ของเรา นั่นคือ เพื่อนที่มาทำงานอยู่ที่พุกาม กำลังบึ่งมอเตอร์ไซด์คู่ใจมาหาเราที่ ชเวสันดอว์ หลังจากติดต่อกันเมื่อซักครู่ ก็รู้ว่าเพื่อนยังอยู่ที่พุกาม ยังไม่ได้กลับเมืองไทย เค้าจึงอาสาขับรถนำเที่ยวครึ่งวันเช้า ก่อนกลับไปทำงานในตอนบ่าย
เมื่อเพื่อนเรามาถึง ก็เริ่มทัวร์กันต่อ สถานที่ต่อไป นั่นคือ วัดอนันดา สถานที่ท่องเที่ยวทั้งหมดหลังจากนี้ อยู่ในบริเวณใกล้เคียงกันทั้งหมดครับ ขับรถ e-bike ไม่นานก็ถึงครับ ลัดเลาะ เข้าทางโน้น ทางนี้ เดี๋ยวก็ถึง ไม่ต้องกลัวหลงเลยครับ
วัดอนันดา ในช่วงเวลาที่เราไปเที่ยว กำลังจัดงานอยู่ครับ ลักษณะเหมือนงานวัดบ้านเราทีเดียว มีร้านรวงต่างๆ เปิดขายของเป็นแถวๆ ที่วัดอนันดา เราถูกถามถึงตั๋วเข้าเมือง เพื่อตรวจสอบครับ และเป็นครั้งเดียวตลอดวันของเราที่ถูกสุ่มตรวจครับ แสดงตั๋วแล้วเข้าไปกราบพระครับ ด้านใน มีพระอยู่ 4 ด้าน ซึ่งไม่เหมือนกัน แล้ว ออกมาชมวิวด้านนอกของวัด ที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมที่สวยงาม วิหารสีขาวสวยงาม แต่บนยอดเจดีย์กำลังบูรณะอยู่ครับ
เสร็จจากวัดอนันดา เราไปต่อที่เจดีย์ชเวกูยีพญา (Shwegu Gyi Phaya) ซึ่งผ่านเจดีย์สัพพัญญู(That Bin Nyu) ไปก่อน ไกด์เพื่อนเราบอกว่า ไปที่นี่ก่อน เพราะสามารถขึ้นไปชมวิวด้านบนเจดีย์ได้ ชมวิวทะเลเจดีย์อีกมุมหนึ่งซึ่งสวยงามเช่นกัน ใช้เวลาไม่นาน เราก็ไปต่อครับ
ทางด้านบนเจดีย์ชเวกูยีพญาครับ
จุดหมายถัดไป คือ เจดีย์บุพพญา (Bupaya) ตั้งอยู่ริมน้ำอิรวดี ที่สวยงาม เจดีย์ขนาดไม่ใหญ่มาก สีทองอยู่ริมน้ำได้บรรยากาศที่ร่มเย็น แม้ตอนนี้จะเป็นเวลา 11 โมงครึ่งแล้วก็ตาม ชมความงามของเจดีย์และแม่น้ำอิรวดี
เจดีย์บุพพญา (Bupaya) สีทองอร่ามครับ
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า เส้นทางที่เราขับ e-bike เที่ยว นั้น ค่อนข้างมั่วๆ ไม่เน้นไปทิศใดทิศหนึ่ง เพราะเราต้องการเที่ยวในจุดที่เราอยากไปจริงๆ แต่ไม่ได้มีปัญหาใดๆนะครับ สามารถไปที่ไหนก่อน-หลังได้เลย มันไม่ไกลกันมากนัก อยากแวะตรงไหนก็แวะเลยครับ
ถนนสีเหลือง ด้านล่าง และ ถนนสีขาวด้านบน เป็น 2 ถนน 2 เส้นที่ท่องเที่ยวครับ
ใกล้เที่ยงแล้ว เราจึงไปหาข้าวเที่ยงกินกัน ไกด์เพื่อนเราพาเราไปกินข้าวเที่ยงที่เป็นร้านอาหารไทย ไม่ไกลนัก ขับรถย้อนกลับไปทาง เจดีย์ชเวซิกอง บนถนนเส้นรอง ผ่านประตูเมืองพุกามเก่า แวะถ่ายรูปสักนิด แล้วไปกินข้าวกันครับ
ร้านอาหารไทยนี้ เจ้าของเป็นคนพม่าครับ แต่กุ๊กเป็นคนไทย จึงได้กินอาหารที่เป็นไทย และราคาไม่แพงครับ ดูร้านจากด้านนอก อาจคิดว่าราคาจะแพง แต่เรากินไปคนละจาน ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น, เส้นใหญ่ผัดซีอิ้ว และข้าวผัดกุ้ง รวมน้ำดื่ม ค่าเสียหาย คือ 9,000 Kyat คิดเป็นเงินไทยประมาณคนละ 78 บาทเองครับ รอดตายไปอีกหนึ่งมื้อ