เดิมเรื่องมีอยู่ว่า ป้าข้างบ้านไปเช่าซื้อทีวีมาในปี 2547 และผ่อนชำระไป 5,000 บาท และไม่ได้ส่งต่ออีกเลย จนมาถึงปี 2557 ทางร้านที่ให้เช่าซื้อได้ทำการฟ้องยึดทรัพย์และศาลได้ตัดสินให้ยึดทรัพย์แล้ว แต่ว่าในเอกสารที่ทางโจทย์ส่งฟ้องศาลคือเอกสารการกู้ยึมเงินจำนวน 20,000 รวมดอกเป็น 30,000 กว่าบาท ทั้งๆที่ไม่ได้กู้เงินเลย แบบนี้พอจะมีวิธีฟ้องแจ้งความกลับหรือแก้ไขอะไรได้บ้างครับ
1.เอกสารเช่าซื้อทีวีสามารถแก้เป็นสัญญาเงินกู้ได้ด้วยหรือครับ
2.แต่ทางร้านใช้กลอุบายอะไรไม่รู้ให้ป้าแก้ยอมเซ็นการรับทราบเป็นหนี้ (ป้าเขากลัวเรื่องถึงสามี ในเวลาที่มีคนมาที่บ้านป้าจะรีบๆเซ็นให้คนคนนั้นรีบออกไป)
3.แต่ในใบศาลสั่งให้ยึดรถและอื่นๆในบ้าน คำว่าอื่นๆมันใช้ได้ด้วยหรือครับ ในกรณีมีคนเอาของมาฝากที่บ้านด้วยที่ไม่ใช้ของเจ้าของบ้าน คนมายึดมีสิทธิยึดได้ด้วยหรือครับ โต๊ะไม้ราคาแพงๆซึ้งเป็นของผัวป้าที่เสียไปแล้ว(ไม่ได้จดทะเบียนสมรส)เป็นสมบัตรของลูกเขามีสิทธิยึดหรือครับ
4.จากแค่เรื่องเช่าซื้อทีวีราคาเหลือส่งแค่7,000 ฟ้องเป็นกู้เงิน 20,000 ได้ด้วยหรือครับ
-ทนายทางโจทย์ยังงงเลยครับพอรู้ความเป็นมานี้พอดี (ผมโทรไปถามว่าฟ้องด้วยเรื่องอะไร สรุปทนายโจทย์ไม่รู้ต้นต่อเลยเกี่ยวกับทีวีรู้แต่เรื่องกู้เงิน)
ฝากรบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะครับ ไอ้ร้านค้าหัวหมอแบบนี้มันจะได้บทเรียนบ้างครับ
ขอบคุณครับ
รบกวนผู้รู้ทางกฎหมายช่วยอ่านและตอบทีนะครับ
1.เอกสารเช่าซื้อทีวีสามารถแก้เป็นสัญญาเงินกู้ได้ด้วยหรือครับ
2.แต่ทางร้านใช้กลอุบายอะไรไม่รู้ให้ป้าแก้ยอมเซ็นการรับทราบเป็นหนี้ (ป้าเขากลัวเรื่องถึงสามี ในเวลาที่มีคนมาที่บ้านป้าจะรีบๆเซ็นให้คนคนนั้นรีบออกไป)
3.แต่ในใบศาลสั่งให้ยึดรถและอื่นๆในบ้าน คำว่าอื่นๆมันใช้ได้ด้วยหรือครับ ในกรณีมีคนเอาของมาฝากที่บ้านด้วยที่ไม่ใช้ของเจ้าของบ้าน คนมายึดมีสิทธิยึดได้ด้วยหรือครับ โต๊ะไม้ราคาแพงๆซึ้งเป็นของผัวป้าที่เสียไปแล้ว(ไม่ได้จดทะเบียนสมรส)เป็นสมบัตรของลูกเขามีสิทธิยึดหรือครับ
4.จากแค่เรื่องเช่าซื้อทีวีราคาเหลือส่งแค่7,000 ฟ้องเป็นกู้เงิน 20,000 ได้ด้วยหรือครับ
-ทนายทางโจทย์ยังงงเลยครับพอรู้ความเป็นมานี้พอดี (ผมโทรไปถามว่าฟ้องด้วยเรื่องอะไร สรุปทนายโจทย์ไม่รู้ต้นต่อเลยเกี่ยวกับทีวีรู้แต่เรื่องกู้เงิน)
ฝากรบกวนผู้รู้ช่วยตอบทีนะครับ ไอ้ร้านค้าหัวหมอแบบนี้มันจะได้บทเรียนบ้างครับ
ขอบคุณครับ