QQQQQ "น้ำใสเกินไป ปลาจะตาย"...ภาษิตจีนโบราณ..สำหรับพวกที่คิดจะออกกฏหมายชำระศาสนาพุทธ ควรนำไปคิดให้ดีๆก่อนอื่น..QQQQQ

กระทู้คำถาม
....สุภาษิตจีน ที่ว่า "น้ำใสเกินไป  ปลาจะตาย อยู่ไม่ได้".... ถูกต้องเลย  เอาเรื่องนี้ไปเตือนพวกที่กำลังจะร่างกฏหมายชำระศาสนาพุทธให้บริสุทธิ์  จะเข้าข่ายความหมายนั้น  เหมือนนิทานชาดกเรื่องให้ลิงเฝ้าสวน  ลิงมันหวังดี  เมื่อถูกเจ้านายสั่ง  มันก็ถอนผักในสวนขึ้นมาหมด  เอามาล้างรากจนสะอาด  แล้วฝังลงไปใหม่  ผลคือ ผักก็ตายหมด...พวกที่กำลังคิดจะร่างกฏหมายชำระศาสนาพุทธให้บริสุทธิ์ ก็กำลังจะทำแบบนั้น  นึกว่าน่าจะดี  แต่ผลจะเป็นตรงข้าม คือ ศาสนาพุทธจะสูญหายไวขึ้น ....พวกนี้ไม่เข้าใจว่า  ในโลกนี้คนโง่มีจำนวนมากมาย  คนฉลาดมีนิดเดียว  การจะให้คนโง่ๆมาเข้าใจหลักธรรม  มาฝึกธรรมะ  เกือบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลย ยากๆๆมากๆ  คนพวกนี้ ให้ท่องนะโมครบ ๓ จบ ยังท่องผิดๆถูกๆ  ทั้งๆที่ ก็เข้าวัดอยู่เรื่อยๆ ...สิ่งคนพวกนี้ต้องการจากศาสนาคือ สิ่งที่ตนเชื่อว่า ศักดิ์สิทธิ์ อภินิหาร เท่านั้น มาช่วยให้ตนพ้นทุกข์  พวกเขาต้องการ  น้ำมนตร์ เครื่องลากของขลัง การเสกเป่า ฯ เป็นต้น ... เขาไม่ต้องการฟังธรรมะ ไม่ต้องการจะเข้าใจหรือฝึกปฏิบัติธรรมะ..แล้วเราจะทิ้งพวกนี้ไป งั้นหรือ?  จะไม่ให้พวกเขามีที่ยืนในศาสนาหรือ ?  อย่าลืมว่า  ต้นไม้ที่มีแต่แก่นคือต้นไม้ที่ตายแล้ว  ศาสนาที่ไม่มีเปลือก คือพิธีกรรมต่างๆ  ของขลังหรือของงมงายต่างๆ  ศาสนานั้นคือศาสนาที่ตายแล้ว  จะเป็นเพียงแค่ปรัชญาเท่านั้น...นั่นคือ ศาสนา จำเป็นต้องมีทั้งเปลือกทั้งแก่น ผสมปนเปกันไป  คือมีเปลือกหรือของงมงายต่างๆให้เป็นที่พึ่งของพวกโง่เขลา  มีแก่นให้คนมีปัญญาเอาไปใช้ฝึกปฏิบัติ  ศาสนานั้นจึงจะเจริญเิตบโตไปได้ยาวนาน...และต้องเข้าใจว่า ของขลังหรือของงมงายพวกนั้น (ที่เป็นของเนื่องกับพระรัตนตรัย) ถ้าเอาจิตไปผูกไว้ ก็เป็นหากุศลจิตขึ้นมา  ชักนำให้ไปเกิดในสุคติและสามารถถึงมรรคผลนิพพานได้ในอนาคต...  เช่น คนที่ไม่รู้หลักศาสนา  แค่เอาพระเครื่องมาแขวนคอไว้ แต่ในจิตมีศรัทธาในพระเครื่องนี้อย่างยิ่ง  นี่ก็คือเขามีมหากุศลจิตเกิดประจำใจเขาอยู่แล้ว  ซึ่งจะเป็นเหตุให้ชักนำไปสู่สุคิและมรรคผลในอนาคตได้  ดังนั้น ...../ ครูบาอาจารย์แต่โบราณ จึงใช้วิธีนี้ เพื่อช่วยเหลือคนโง่ๆ  งมงาย คือ ทำเครื่องรางของขลังแจกพวกนี้ไว้ ให้เป็นที่พึ่ง ที่ยึดถือไว้ในใจ  /... ธรรมชาติของจิตของคนเราหรือของสัตว์ก็ตาม  ถ้าจิตนั้นหน่วง หรือ ระลึกเอาอะไรก็ตามเกี่ยวกับพระรัตนตรัยมาเป็นอารมณ์ของจิต  จิตนั้นก็จะกลายเป็นมหากุศลจิต  สามารถเป็นเหตุให้ไปเกิดในสุคติได้ และถึงมรรคผลได้ในวันใดวันหนึ่ง ../  จากตัวอย่างในคัมภีร์อรรถกถาธรรมบท ที่เล่าถึง  ในยุคปลายสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อน คือ พระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า  มีพระภิกษุที่เล่าเรียนในพระอภิธรรมกลุ่มหนึ่ง ปลีกวิเวกไปอาศัยอยู่ในถ้ำ แล้วสวดสาธยายพระอภิธรรมอยู่เรื่อยๆ ด้วยทำนองสรภัญญะที่ไพเราะเสนาะหู น่าฟัง  มีค้างคาวฝูงหนึ่งประมาณ ๕๐๐ ตัว อาศัยอยู่ในถ้ำนั้นด้วย มันฟังเสียงกลุ่มพระสวดสาธยายพระอภิธรรมบ่อยๆ ด้วยทำนองและเสียงที่ไพเราะแบบนั้น จิตของมันก็เกิดความชอบในเสียงนั้น  โดยมันไม่รู้ว่านั่นคือเสียงอะไร  เพราะมันเป็นสัตว์เดรัจฉาน  แต่ว่าการที่จิตของมันไปจับเอาเสียงนั้น ซึ่งเป็นเสียงของธรรมะมาเป็นอารมณ์ จิตของมันก็เป็นมหากุศลจิตขึ้นมาเองโดยธรรมชาติ (เพราะจิตส่วนลึกของสัตว์ทั้งหลายในวัฏฏะสงสาร จะรู้และเข้าใจภาษามาคธี หรือภาษาของชนชาวมคธได้เองโดยอัตโนมัติ.....ในอรรถกถาบอกว่า  สมมุติถ้าเด็กคนหนึ่งถูกทิ้งในป่าคนเดียว ไม่มีใครสอนภาษามนุษย์ให้  เด็กคนนั้นจะพูดภาษามคธได้เองอัตโนมัติ)....ต่อมาเมื่อค้างคาวพวกนี้ตายลง จิตสุดท้ายหรือจุติจิตของมัน ก็ยังหน่วงเสียงสวดพระอภิธรรมนั้นเป็นอารมณ์ประจำจิตมันอยู่  ทำให้ในภพชาติต่อไปปฏิสนธิจิตของพวกมันก็เป็นมหากุศลจิตต่อเนื่องกันมา  ชักนำให้ค้างคาวกลุ่มนั้นไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ทั้งหมด .ต่อมาเมื่อมาถึงยุคพุทธกาล  เทวดาที่เคยเป็นอดีตค้างคาวทั้ง ๕๐๐ นี้ ก็ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ ได้มีศรัทธามาบวชในศาสนาพุทธ  เป็นศิษย์ในสำนักของพระสารีบุตร ได้ฝึกจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด มีความชำนาญในพระอภิธรรมทุกๆรูป ..นี่คือตัวอย่างของผลดีของจิตซึ่งไปหน่วงสิ่งที่เป็นกุศลไว้ในตน  แม้จิตนั้นจะไม่เข้าใจในสิ่งที่มันหน่วงไว้นั้น ก็ตาม  ก็ยังสามารถทำให้จิตนั้นกลายเป็นมหากุศลจิตขึ้นมาได้เองโดยธรรมชาติ  เป็นสาเหตุชักนำไปสุ่สุคติและมรรคผลนิพพานได้ในที่สุด ..../ ..ดังนั้น รัฐบาล  จงอย่าทำอะไรโง่เขลา คิดจะปลอกเปลือกศาสนาออกหมด ให้เหลือแต่แก่น  การทำแบบนี้แทนที่จะดี กลับเป็นร้าย  ศาสนาจะตายไว  .จงอย่าลืมว่า ต้นไม้ที่ออกดอกออกผลสวยงาม หอม น่ากิน  แต่โคนต้นของมัน  คือปุ๋ยที่เน่าเหม็น .ถ้าใครคิดรังเกียจปุ๋ยเน่าๆนั่น  แล้วจะเอาน้ำหอมมาใส่ที่โคนต้นแทน  เพื่อให้ต้นไม้นั้นมีแต่สิ่งดีๆหอมๆทั้งหมด  ผลคือต้นไม้นั่น จะตาย

..ถ้าเอาเปลือกๆ หรือ สิ่งงมงายต่างๆ ออกไปจากศาสนาพุทธ  คนโง่ๆก็จะไม่มีที่พึ่ง  เขาก็หันไปนับถือศาสนาอื่นๆ ที่มีของพวกนี้บริการให้เขา...  พวกเขาก็จะเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคม..  ส่วนคนที่นับถือแต่แก่นของพุทธจะมีส่วนน้อย  จะเป็นคนส่วนน้อยของสังคม  ไม่นานก็จะโดนขจัดออกไป ... ซึ่งสมัยก่อน ก็เคยมีประวัติศาสตร์การเกิดเรื่องแบบนี้มาแล้ว  ทั้งในอินเดียและที่อื่นๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่