คุยกับพ่อแม่อย่างไรให้เขาเคารพการตัดสินใจเราคะ

ขอเกริ่นก่อนค่ะ คือ เราเป็นลูกสาวคนเดียวค่ะ ตอนนี้อายุ 23แล้ว ขณะนี้เรียนอยู่คณะที่ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับของสังคมว่าการงานดีมั่นคงค่ะ

เรื่องมีอยู่ว่า ทางคณะที่เราเรียนอยู่มีการแจ้งให้ออกไปฝึกงานด้านนอกสถานที่
ซึ่งเราก็เลือกไปจังหวัดที่ค่อนข้างกันดารเล็กน้อย แต่ไม่ใช่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีระเบิด แถมเป็นจังหวัดที่ครอบครัวเคยไปเที่ยวด้วยกันอีกต่างหาก แะเนื่องจากเคยมีรุ่นพี่ไปหลายรุ่นแล้วแล้วเป็นสถานที่ฝึกงานที่ทางคณะได้จัดเตรียมมาไว้ให้เลือกในตัวเลือก อีกทั้งสถานที่นี้เป็นตัวอย่างที่ดีในการฝึกงานเราเลยเลือกที่นี่ค่ะ

ทีนี้เนื่องจากความผิดพลาดของระบบการจัดการของคณะเล็กน้อย ทำใฟ้การเลือกกระชั้นมาก คืออนุมัติวันจันทร์ ยืนยันวันพุธเลย ซึ่งมีเวลาแค่สองวัน แล้วใบตอบรับของทางคณะก็ต้องให้พ่อแม่เซ็นว่าอนุมัติให้ไปค่ะ
(ก็งงเหมือนกันประเทศอะไรว้า คนอายุตั้ง 23 แล้วยังต้องมานั่งให้ผู้ปกครองเซ็นอนุมัติอีกว่าให้ไป ต่างประเทศอายุปูนนี้เขาทำมาหากินกันละ)

จากนั้นเราเลยไปโทรขอพ่อว่าให้ไปไหม พ่อก็ไม่ยอมลูกเดียวบอกว่า มันอันตรายไม่ให้ไปๆ โดยไม่ได้ฟังเราอธิบายว่ามันไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด มันมีรุ่นพี่เคยไปมาหลายรอบแล้ว พ่อเลยบังคับให้เราฝึกงานใกล้หอตัวเองค่ะ

จากนั้นพ่อก็บอกแม่แล้วมาคุยในไลน์กลุ่มกันค่ะ แม่ก็พูดว่าเป็นห่วงๆ ไม่อยากให้ไป เราก็บอกว่าก็เลือกที่ใกล้หอพักแล้ว แล้วเราก็บ่นในไลน์ค่ะ (เราพิมในไลนเร็วทำให้พ่อแม่พิมตามไม่ค่อยทันถ้าเราคุยโทรศัพจะไม่มีโอกาสได้พูดแน่นอน)

เราก็อธิบายว่ามันไม่อันตรายอย่างที่คิดแล้วเรารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไป แม่เราก็บอกว่าเป็นห่วงไม่อยากให้ไปซ้ำไปมา เราก็เลยบอกแม่ว่า ความจริงเราโตแล้ว บรรลุนิติภาวะมาสามปีแล้ว ไม่เคยก่อคดี ไม่เคยทำอะไรที่พ่อแม่ไม่สบายใจแบบติดยา เกเร ก่อคดีอาชญากรรม ผลการเรียนดีมาตลอด แฟนไม่เคยมี เน้นเรียน เวลาพักผ่อนคือเล่นเกมวาดรูปอยู่บ้านไม่เคยเถลไถลไปไหนเลย อาจมีกลับดึกบ้านตอนอ่านหนังสือสอบ ผับเคยไปแค่ครั้งเดียวในชีวิต มีเถียงพ่อแม่แต่ทุกครั้งก็ยอมทำตามเพราะไม่อยากมีเรื่องให้พ่อแม่ไม่สบายใจ

เราก็คุยด้วยเหตุผลว่า มันไม่น่ากลัวอย่างที่คิด พ่อแม่เราก็คิดเองหมดว่ามันต้องกันดาร มันต้องมีโจรมีกะเหรี่ยง มีโรคแปลกๆ ที่ร้ายแรง ซึ่งความจริงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น แม่ก็บอกทำไมไม่ปรึกษาก่อน เราก็บอกว่าเวลามันกระชั้นแถมโทรศัพท์ไปคุยทีไรเรามีโอกาสได้อธิบายไหม มาถึงบอกชื่อสถานที่พ่อแม่ก็ห้ามตัวโยนแล้ว

เราก็เลยมานั่งคิดว่าจริงๆแล้วชีวิตเราเคยได้เลือกอะไรเองบ้าง
ความจริงเราชอบงานศิลปะแต่พ่อแม่เราห้ามไม่ให้เรียน บอกเรียนวิทย์วาดรูปได้เราก็เชื่อมาตลอด
เรียนต่ออะไร สอบได้หลายที่แต่ก็ไม่มีสิทธิ์เลือกสิ่งที่ตัวเองอยากเรียน โดยพ่อแม่จะอ้างคำนี้เสมอ

"พ่อแม่เป็นห่วงอนาคตลูกนะ เลยอยากให้ได้ดี"

พอเราจะทำอะไรนอกกรอบหรือสิ่งที่พ่อแม่ไม่เห็นด้วย พ่อแม่เราจะอ้างว้าคนเป็นพ่อแม่มันห่วงทันที
แล้วการที่เราให้เหตุผลสิ่งที่เราตัดสินใจ พ่อแม่จะชอบต่อว่าเราว่า เราไม่รักพ่อแม่ ไม่เคยเป็นพ่อแม่คนเลยไม่เจ้าใจว่าเขาเป็นห่วง

จนทำให้เรายอมจำนนเลือกทางที่เขาต้องการในที่สุด

เรารู้สึกว่าอะไรที่เราทำไม่ถูกใจเขา เขาจะรีบพูดอ้อมๆทันทีว่า เราเหมือนเป็นลูกที่ไร้หัวใจไม่รักพ่อแม่เอาแต่ใจตัวเอง ไม่เห็นหัวพ่อแม่ถึงไม่เชื่อไม่ทำตาม ตั้งแต่เลือกเรียน เลือกเส้นทางชีวิตเรามานั่งคิดดีๆแล้ว เราแทบไม่ได้เลือกอะไรด้วยตัวเองเลยนอกจากข้าวที่กิน
แม้ตอนนั้นพ่อแม่เราจะบอกว่าเรียนอะไรก็ได้ เคารพการตัดสินใจ พอถึงเวลาเราเลือกอีกทาง ก็จะยกพี่ชายเราซึ่งทำตามพ่อแม่ทุกอย่างเรียนคณะที่อาชีพมั่นคง(คณะเดียวกับที่เราเรียนตอนนี้) ว่าเขาดีอย่างงู้นงี้งี้งั้น คือแบบ ปากบอกอะไรก็ได้แต่ สิ่งที่ดีคือคือสิ่งนี้สิ่งเดียว

เราก็บอกว่าเราเข้าใจว่าเป็นห่วง แต่แค่ไปฝึกงานสองสัปดาห์เรายังไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกเลย เรารู้สึกอึดอัดที่ทุกอย่างต้องมาตัดสินใจร่วมกันทั้งๆที่บางอย่างเป็นเรื่องส่วนตัว เราเหมือนโดนควบคุม

เราจะทำตามความฝันของตัวเองโดยยกตัวอย่างคนที่สำเร็จมา
แม่เราก็จะบอกว่า "แต่เธอไม่ใช่เขาคนนั้นนิ"
เราก็บอกกลับว่า "คิดว่าเราไม่มีโอกาสประสบความสำเร็จแบบนั้นใช่ไหม"

แม่เราก็เงียบไป คือเรื่องมันลากยาวมาไกลจากฝึกงานมากเพราะเราอัดอั้นมานาน แต่ไม่อยากพูด จะปรึกษาใครไม่ได้เพราะกลัวคนรอบตัวมองพ่อแม่เราไม่ดี

คือท่านทั้งสองคนเป็นพ่อแม่ที่ดีรักและห่วงลูกแต่มันมากเกินไปจนก้าวก่ายการติดสินใจชีวิตเราหลายอย่าง

จึงอยากขอคำปรึกษาว่าสถานการณ์แบบนี้ควรทำไงดีคะ?

เราไม่อยากให้พอ่แม่เครียด แต่ตัวเราก็เครียดเองเหมือนกันที่เหมือนไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรเลย เราควรจะพูดกับพ่อแม่ไงดี ไม่ให้เขาช้ำน้ำใจคะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่