" ความรัก " ที่ไม่เคยคิดว่าจะก่อตัวขึ้นใหม่ ยิ่งกับใครบางคนที่ไม่ควร ... ไม่สิคนที่ "คิดว่า" ไม่ควรมากกว่า หลังจากที่คลื่นลมแห่งชีวิตลูกใหญ่พัดเข้ามาในชีวิตที่ราบเรียบสมบูรณ์พร้อม นับแต่วันนั้นภายในใจของสาธิตก็มีอะไรที่บิดร้าวแล้วกลายสภาพสู่จิตที่บิดเบี้ยว สุดท้ายก็กลายเป็นความแตกหัก เมื่อพบว่าตัวเองไม่อาจหนีจากความรู้สึกผิด ไม่อาจหนีจากวังวนที่ไร้หนทางออก ทั้งรู้สึกอับจน และ ไร้ความสามารถ ทั้งที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม แต่แล้วไม่อาจเรียกหาความยุติธรรมให้กับ " ชีวิต " ที่สูญเสียไปของเธอผู้นั้นได้
เวลาที่ล่วงผ่าน แต่ความเจ็บปวดไม่เคยจางหาย ความแค้นที่ไม่ได้สะสางกำลังรอวันเวลาปะทุ ฝันนั้นสลายลง ความรักก็ไม่อาจจะหยิบคว้าได้แม้เงา เพราะมันสูญไปกับความตายของติวดีจนหมด เขายังเห็น ยังได้ยิน ยังมีชีวิต และ ยังมีลมหายใจ แต่ข้างในมันมืดบอดลงไปจนสิ้น เพราะเธออีกคน ... ผู้หญิงคนนั้น จีราวัจน์ คนพรากชีวิตครึ่งหนึ่งของเขาไปจากอ้อมอก ดังนั้นคนที่จะชดใช้ย่อมเป็นใครไม่ได้นอกจากเธอ
จากนั้นสาธิตทุ่มเททั้งชีวิต ทำทุกอย่างทุกประการ เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย ... ทุกแรงขับดัน อีกทั้งความเย็นชา ไม่ต้องนึกถึงการให้อภัยที่ไม่เคยมีอยู่ในสมอง ความสำเร็จที่ชั้นต้นคิดว่ามันคงอยู่ไม่ไกลเท่าใด แต่กลับกลายเป็นว่าในระหว่างทางที่ตะลุยไปให้ถึงเส้นชัย .... ทุกสิ่งที่ตั้งใจกระทำเหมือนคมมีดที่ตวัดกลับเข้ามาจ่อเข้าที่อกเบื้องซ้าย ... ตำแหน่งของหัวใจตัวเอง
สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจใครว่าเป็นเรื่องเล่น ... มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร สมองของสาธิตคิดถาม หากหัวใจยิ่งเวลาผ่านไปความลังเลยิ่งลดน้อยถอยลง เขาเคยคิดว่านับแต่ติวดีจากไปก็คงไม่อาจมีใครทำให้เขารู้สึกอย่างที่ติวเคยทำได้อีก เขาคงจะ "รัก" ได้ แต่ไม่อาจจะ "รัก" แบบนั้น แบบที่เคยรักติวดีคงไม่สามารถเกิดได้อีกแล้ว เหตุการณ์วันนั้นก็เหมือนรสชาติขมเฝื่อนที่ติดอยู่ในลำคอและอวลอยู่ที่ปลายลิ้น
ไม่ว่าความสวยงามใดคงไม่อาจทำให้เขาซาบซึ้ง
ไม่ว่าความดีใดก็คงนำพาเขาออกจากวังวนแห่งนี้ได้
จะสิ่งไรในโลกก็แล้วแต่เถิด ... คงไม่มีวันทำให้เขาหลุดพ้นจากความรู้สึกที่มีต่อติวดีอีกแล้ว
แต่ทว่า ... คลื่นลูกใหญ่ก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ใช่ ... ไม่ว่าความสวยงามใดคงไม่ทำให้เขาซาบซึ้ง ใช่ ... ไม่ว่าความดีใดก็ไม่อาจผลักเขาออกจากวังวน แต่ไม่ใช่เพราะติวดีอีกแล้ว ... แต่มันเป็นเพราะ "ความรัก" ที่ก่อเกิดและเติบโตอย่างรวดเร็วกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็น "ศัตรู" แล้วจะต้องทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้สึกไปแล้ว และ จะต้องทำอย่างไรกับสิ่งร้ายกาจต่าง ๆ ที่ได้ทำไปแล้ว
ถ้าหาก "เขา" ไม่ได้มาไกลขนาดนี้ ถ้าหากเขาเห็นในสิ่งที่ควรเห็น และ เป็นในสิ่งที่ควรเป็น ทุกสิ่งคงไม่สายเกินไป บัดนี้ความรู้สึกบางประการพลุ่งขึ้นมาอีกครา จะมีความเจ็บปวดใดที่หนักหนากว่านี้อีกหรือไม่ จะมีการใช้ชีวิตแบบไหนที่ไร้ค่ากว่านี้หรือไม่ กับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้วทั้งหมดนั้น ... ด้วยความที่ไม่มองเหตุผล ด้วยความที่ไม่เปิดใจ
หากเขา "ได้รัก" เธอ มันจะเกิดอะไรขึ้นนะ
ถ้าเขาสามารถบอกคำนั้นออกไปได้ละก็ ...
หรือเธอจะเป็นคลื่นชีวิตอีกลูกที่พัดผ่านไป .... เธอผู้นั้นเริ่มแรกพัดพาครึ่งชีวิตของเขาไป แล้วสุดท้ายเธอผู้นั้นก็พัดพาส่วนที่เหลือ ... ชีวิตและจิตใจของเขาที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งไปพร้อมกับเธอด้วย
... ไม่ใช่ไม่รัก แต่มันรักไม่ได้
สิ่งที่ทำได้เป็นเพียงแค่การด่าวดิ้น และ กล้ำกลืน ... ว่าคนที่ "รัก" เธอคนนั้นได้ คือ ใคร ? เท่านั้นเองกระมัง
คลื่นชีวิต กับ คุณสาธิต : If I can't love her, then who ?
เวลาที่ล่วงผ่าน แต่ความเจ็บปวดไม่เคยจางหาย ความแค้นที่ไม่ได้สะสางกำลังรอวันเวลาปะทุ ฝันนั้นสลายลง ความรักก็ไม่อาจจะหยิบคว้าได้แม้เงา เพราะมันสูญไปกับความตายของติวดีจนหมด เขายังเห็น ยังได้ยิน ยังมีชีวิต และ ยังมีลมหายใจ แต่ข้างในมันมืดบอดลงไปจนสิ้น เพราะเธออีกคน ... ผู้หญิงคนนั้น จีราวัจน์ คนพรากชีวิตครึ่งหนึ่งของเขาไปจากอ้อมอก ดังนั้นคนที่จะชดใช้ย่อมเป็นใครไม่ได้นอกจากเธอ
จากนั้นสาธิตทุ่มเททั้งชีวิต ทำทุกอย่างทุกประการ เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมาย ... ทุกแรงขับดัน อีกทั้งความเย็นชา ไม่ต้องนึกถึงการให้อภัยที่ไม่เคยมีอยู่ในสมอง ความสำเร็จที่ชั้นต้นคิดว่ามันคงอยู่ไม่ไกลเท่าใด แต่กลับกลายเป็นว่าในระหว่างทางที่ตะลุยไปให้ถึงเส้นชัย .... ทุกสิ่งที่ตั้งใจกระทำเหมือนคมมีดที่ตวัดกลับเข้ามาจ่อเข้าที่อกเบื้องซ้าย ... ตำแหน่งของหัวใจตัวเอง
สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจใครว่าเป็นเรื่องเล่น ... มันจะเกิดขึ้นได้อย่างไร สมองของสาธิตคิดถาม หากหัวใจยิ่งเวลาผ่านไปความลังเลยิ่งลดน้อยถอยลง เขาเคยคิดว่านับแต่ติวดีจากไปก็คงไม่อาจมีใครทำให้เขารู้สึกอย่างที่ติวเคยทำได้อีก เขาคงจะ "รัก" ได้ แต่ไม่อาจจะ "รัก" แบบนั้น แบบที่เคยรักติวดีคงไม่สามารถเกิดได้อีกแล้ว เหตุการณ์วันนั้นก็เหมือนรสชาติขมเฝื่อนที่ติดอยู่ในลำคอและอวลอยู่ที่ปลายลิ้น
ไม่ว่าความดีใดก็คงนำพาเขาออกจากวังวนแห่งนี้ได้
จะสิ่งไรในโลกก็แล้วแต่เถิด ... คงไม่มีวันทำให้เขาหลุดพ้นจากความรู้สึกที่มีต่อติวดีอีกแล้ว
แต่ทว่า ... คลื่นลูกใหญ่ก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ใช่ ... ไม่ว่าความสวยงามใดคงไม่ทำให้เขาซาบซึ้ง ใช่ ... ไม่ว่าความดีใดก็ไม่อาจผลักเขาออกจากวังวน แต่ไม่ใช่เพราะติวดีอีกแล้ว ... แต่มันเป็นเพราะ "ความรัก" ที่ก่อเกิดและเติบโตอย่างรวดเร็วกับผู้หญิงที่เขาคิดว่าเป็น "ศัตรู" แล้วจะต้องทำอย่างไรกับสิ่งที่รู้สึกไปแล้ว และ จะต้องทำอย่างไรกับสิ่งร้ายกาจต่าง ๆ ที่ได้ทำไปแล้ว
ถ้าหาก "เขา" ไม่ได้มาไกลขนาดนี้ ถ้าหากเขาเห็นในสิ่งที่ควรเห็น และ เป็นในสิ่งที่ควรเป็น ทุกสิ่งคงไม่สายเกินไป บัดนี้ความรู้สึกบางประการพลุ่งขึ้นมาอีกครา จะมีความเจ็บปวดใดที่หนักหนากว่านี้อีกหรือไม่ จะมีการใช้ชีวิตแบบไหนที่ไร้ค่ากว่านี้หรือไม่ กับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้วทั้งหมดนั้น ... ด้วยความที่ไม่มองเหตุผล ด้วยความที่ไม่เปิดใจ
ถ้าเขาสามารถบอกคำนั้นออกไปได้ละก็ ...
หรือเธอจะเป็นคลื่นชีวิตอีกลูกที่พัดผ่านไป .... เธอผู้นั้นเริ่มแรกพัดพาครึ่งชีวิตของเขาไป แล้วสุดท้ายเธอผู้นั้นก็พัดพาส่วนที่เหลือ ... ชีวิตและจิตใจของเขาที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งไปพร้อมกับเธอด้วย
สิ่งที่ทำได้เป็นเพียงแค่การด่าวดิ้น และ กล้ำกลืน ... ว่าคนที่ "รัก" เธอคนนั้นได้ คือ ใคร ? เท่านั้นเองกระมัง