นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 4/2559 และภาพรวมปี 2559 ว่า การจ้างงานในไตรมาส 4/2559 มีการจ้างงาน 37,429,716 คน ลดลง 2.5 % จากช่างเดียวกันของปีก่อน โดยการจ้างงานภาคการเกษตร ลดลง 6% เนื่องจากความเสียหายของพื้นที่เพาะปลูกจากอุทกภัย ทำให้เกษตรกรต้องเลื่อนการเพาะปลูกออกไป ภาคนอกเกษตรมรการจ้างงาน ลดลง 0.7% โดยสาขาการผลิต ลดลง 4.4% การขนส่ง ลดลง 3.1% ส่วนสาขาก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 0.2% สาขาค้าส่งค้าปลีก เพิ่มขึ้น 1.9% และการโรงแรมภัตตาคาร เพิ่มขึ้น 0.1%. สำหรับอัตราการว่างงานในไตรมาส 4 เท่ากับ 0.97% เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเทียบกันของปีที่ผ่านมา มีผู้ว่างงาน 366,331 คน ส่วนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยภาคเอกชน เพิ่มขึ้น 48.9 ชั่วโมต่อสัปดาห์ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีประมาณ 47.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ขณะที่ค่าจ้างแรงงานและเงินเดือนภาคเอกชนที่ไม่รวมค่าล่วงเวลาและผลประโยชน์ตอบแทนอื่น เพิ่มขึ้น 1.5%
นายปรเมธี กล่าว สำหรับภาพรวมการจ้างงานตลอดทั้งปี 2559 มีจำนวน 37,692,651 คน ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นการลดลงจากภาคเกษตร 4.3% จากกิจกรรมทางการเกษตรลดลง เนื่องจากผลกระทบภัยแล้งในช่วงปลายปี 2558 ถึงช่วงกลางปี 2559 และช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ที่เกิดปัญหาอุทกภัย ทำให้เกษตรกรต้องต้องเลื่อนการเพาะปลูกออกไป การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งสาขาก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 3.1% สาขาขายส่งขายปลีก เพิ่มขึ้น 2.5% และสาขาโรงแรมและภัตตาคาร เพิ่มขึ้น 3.2% ขณะที่อัตราการว่างงานปี 2560 เท่ากับ 0.99% เพิ่มสูงขึ้นจาก 0.88% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีผู้ว่างงาน 377,466 คน เพิ่มขึ้นทั้งผู้ที่เคยทำงานมาก่อนและไม่เคยทำงานมาก่อน ส่วนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยภาคเอกชน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในปี 2558 เป็น 46.6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในปี 2559 ค่าแรงที่ไม่รวมผลตอบแทนอื่นๆค่าเวลาล่วง เพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่ค่าจ้างแรงงานภาคเอกชนที่ไม่รวมผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ และค่าล่วงเวลา เพิ่มขึ้น 1.1% ผลิตภาพแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.1% โดยภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 5.1% และภาคนอกเกษตร เพิ่มขึ้น 2.7%
“สำหรับประเด็นที่คาดว่าจะมีผลต่อการจ้างงานและรายได้ของแรงงานในปี 2560 คือ การจ้างงานภาคเกษตร ซึ่งแม้ว่าในปี 2560 สภาพอากาศได้คลี่คลายและเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่อุทกภัยที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2559 ถึงมกราคม 2560 ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชนและเกษตรกรโดยมีพืชมากกว่า 1,095,302 ไร่ ด้านประมง 96,114 ตารางเมตร และด้านปศุสัตว์ 8,882,014 ตัว ซึ่งต้องช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูที่ทำกินของเกษตรกรต่อไป นอกจากนั้น แม้ว่าในภาพรวมปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งประเทศที่เป็นน้ำต้นทุนสำหรับใช้ในฤดูแล้งปี 2560 จะมีปริมาณปกติเทียบเท่ากับปี 2556 แต่ปริมาณน้ำในบางเขื่อนยังมีน้ำน้อยกว่าปีปกติ อาทิ เขื่อนลำปาว เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีน้ำไม่พอใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึง” นายปรเมธี กล่าว
JJNY : ชีวิตดี๊ดี..ซี้จุกสูญ (อีกแล้ว) “สศช.”เปิดภาวะสังคม Q4 พบจ้างงานลด - ภาคเกษตรส่อน้ำไม่พอใช้
นายปรเมธี กล่าว สำหรับภาพรวมการจ้างงานตลอดทั้งปี 2559 มีจำนวน 37,692,651 คน ลดลง 0.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเป็นการลดลงจากภาคเกษตร 4.3% จากกิจกรรมทางการเกษตรลดลง เนื่องจากผลกระทบภัยแล้งในช่วงปลายปี 2558 ถึงช่วงกลางปี 2559 และช่วงครึ่งปีหลัง 2559 ที่เกิดปัญหาอุทกภัย ทำให้เกษตรกรต้องต้องเลื่อนการเพาะปลูกออกไป การจ้างงานนอกภาคการเกษตร เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งสาขาก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 3.1% สาขาขายส่งขายปลีก เพิ่มขึ้น 2.5% และสาขาโรงแรมและภัตตาคาร เพิ่มขึ้น 3.2% ขณะที่อัตราการว่างงานปี 2560 เท่ากับ 0.99% เพิ่มสูงขึ้นจาก 0.88% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีผู้ว่างงาน 377,466 คน เพิ่มขึ้นทั้งผู้ที่เคยทำงานมาก่อนและไม่เคยทำงานมาก่อน ส่วนชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยภาคเอกชน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 46.1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในปี 2558 เป็น 46.6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ในปี 2559 ค่าแรงที่ไม่รวมผลตอบแทนอื่นๆค่าเวลาล่วง เพิ่มขึ้น 1.8% ขณะที่ค่าจ้างแรงงานภาคเอกชนที่ไม่รวมผลประโยชน์ตอบแทนอื่นๆ และค่าล่วงเวลา เพิ่มขึ้น 1.1% ผลิตภาพแรงงาน เพิ่มขึ้น 4.1% โดยภาคเกษตร เพิ่มขึ้น 5.1% และภาคนอกเกษตร เพิ่มขึ้น 2.7%
“สำหรับประเด็นที่คาดว่าจะมีผลต่อการจ้างงานและรายได้ของแรงงานในปี 2560 คือ การจ้างงานภาคเกษตร ซึ่งแม้ว่าในปี 2560 สภาพอากาศได้คลี่คลายและเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว แต่อุทกภัยที่เกิดขึ้นในเดือนธันวาคม 2559 ถึงมกราคม 2560 ทำให้เกิดความเสียหายกับประชาชนและเกษตรกรโดยมีพืชมากกว่า 1,095,302 ไร่ ด้านประมง 96,114 ตารางเมตร และด้านปศุสัตว์ 8,882,014 ตัว ซึ่งต้องช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูที่ทำกินของเกษตรกรต่อไป นอกจากนั้น แม้ว่าในภาพรวมปริมาณน้ำในเขื่อนทั้งประเทศที่เป็นน้ำต้นทุนสำหรับใช้ในฤดูแล้งปี 2560 จะมีปริมาณปกติเทียบเท่ากับปี 2556 แต่ปริมาณน้ำในบางเขื่อนยังมีน้ำน้อยกว่าปีปกติ อาทิ เขื่อนลำปาว เขื่อนลำตะคอง เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งอาจจะส่งผลให้มีน้ำไม่พอใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึง” นายปรเมธี กล่าว