ขอเริ่มเรื่องเลยล่ะกัน
เราแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับสามีเก่าอยู่กินกันมา 9 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน เราอาศัยอยู่บ้านสามี สามีเป็นคนเพชรบูรณ์ ส่วนตัวเราเป็นคนสกลนคร ฐานะทางครอบครัวของเราทั้งสองคนปานกลาง พ่อแม่มีอาชีพเกษตรกรด้วยกันทั้งคู่
แต่งงานอยู่ด้วยกัน 1 ปีก็มีลูกด้วยกันคนแรก เป็นหลานคนแรกของบ้านก็ว่าได้ ( สามีเป็นลูกคนเดียว) จนวันนึงครอบครัวของเรา พ่อเราประสบอุบัติเหตุทำให้ตาบอดข้างนึง ตอนนั้นลูกเราเพิ่งอายุได้ 8 เดือนจึงต้องทำให้เรากลับบ้านกะทันหันเพื่อไปดูแลพ่อที่ป่วย พ่อแม่สามีรู้ เค้าก็ไม่เห็นด้วยที่เราจะต้องพาหลานเค้าเดินทางกลับ แต่เราเห็นว่าการเดินทางครั้งนี้เราก็เดินทางไปบ้านเรา คนที่ป่วยก็พ่อเรา เราเลยไม่รู้สึกโอเคกับความคิดเห็นแก่ตัวของพ่อแม่สามี ทำให้เราทะเลาะกันกับครอบครัวเค้า พ่อเค้าเลยไล่เราออกจากบ้าน เราจึงตัดสินใจเดินออกมาและไม่กลับไปอยู่ที่บ้านสามีอีก เรากลับมาอยู่บ้าน(สามีก็ตามมาด้วย)ได้ 1 เดือนก็ต้องห่างลูกเพื่อมาทำงานหาเงิน
เราทำงานอยู่คนละบริษัทกับสามี ฐานเงินเดือนเรา 15,000บาท/ เดือนไม่รวมโอทีและสวัสดิการอื่นๆ ส่วนสามีทำงานเงินเดือนจะออกเป็นวิคคือ15 วันเงินออก1 ครั้ง แต่ละครั้งรายได้อยู่ที่สามพันกว่าไม่ถึงสี่พันแต่ต่ำสุดสองพันกว่าบาท ภาระและค่าใช้จ่ายต่างๆจึงตกอยู่ที่เรา ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ารถ ค่าเทอมลูก และค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ โดยรวมชีวิตคู่ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนมากจะเป็นเรื่องการเงิน เราพยายามให้สามีเปลี่ยนงาน สมัครงานที่ใหม่เพื่อที่รายได้ค่าแรงจะได้เพิ่มขึ้น แบ่งเบาเราได้บ้างแต่เค้าก็อ้างเหตุผลแค่ว่า ไม่มีวุฒิการศึกษา หรือบริษัทนั้นไม่มีโอทีให้(บริษัทเก่าที่เค้าทำก็ไม่มีโอที) เราก็ปล่อยผ่านไม่เซ้าซี้
ทำงานได้ 6 ปีเข้าสู่ปีที่ 7 ก็ท้องลูกคนที่ 2 เราทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากแพ้ท้องหนักมาก รายได้จากการทำงานจึงลดน้อยลงเหลือแค่เงินเดือนเท่านั้นและสวัสดิการอื่นๆซึ่งไม่มีโอทีมาช่วย ส่วนสามีก็ยังทำงานรายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือสร้างปัญหาเพิ่ม เราจึงให้เค้าออกจากบริษัทเดิมไปทำงานกับพี่สาวเค้าซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว เป็นบริษัทพี่สาวเค้าเอง เงินเดือนเค้าที่ได้พอๆกันกับเงินเดือนเราอาจช่วยแบ่งเบาเราได้บ้าง แต่เปล่าเลยหนักกว่าเดิม เราทำงานที่เดิมจึงทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน พฤติกรรมของสามีจึงเปลี่ยนไป ค้างค่างวดรถยนต์ ค่างวดรถมอเตอร์ไซค์จึงทำให้เราต้องเอาเงินเก็บออกมาเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบก่อนที่เราจะคลอด ปัญหาที่แก้ผ่านไปได้ 2 เดือน ปัญหาเดิมก็เกิดขึ้นอีก เราจึงเอาเงินเก็บที่มีทั้งหมดออกมาเพื่อแก้ปัญหาจนไม่เหลือไว้เป็นค่าคลอดเลย แต่ก็ไม่วายที่ปัญหาเล็กๆน้อยๆจะตามมาอีก แต่เราปล่อยผ่านไม่อยากคิด จนถึงกำหนดจะคลอด เราลาคลอดล่วงหน้า 1 เดือนแล้วกลับไปอยู่บ้านสามีเพราะแม่สามีขอร้องให้เรากลับไปอยู่ด้วย เพื่อที่เค้าจะได้ดูแลเรากับลูกช่วงที่คลอด (พ่อแม่สามีค่อนข้างดีแต่ไม่ถึงกับดีมาก)
กลับมาอยู่บ้านเค้า 1 เดือนเต็ม ก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับสามีช่วงที่เราท้อง เค้าเปลี่ยนงานใหม่ และเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่อยากคิดมาก เพราะที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาได้ จนเราคลอด คลอดก่อนกำหนดผ่าจริง 1 สัปดาห์(ท้องแรกผ่า) สามีเดินทางมาหาเรา พร้อมกันกับไม่มีเงินมาสักบาท ทั้งค่ารถ ค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งที่เราคลอดต้นเดือนเงินเดือนออก แต่ไม่ได้เงินเดือนคืออะไร? เราจ่ายค่าคลอดด้วยเงินประกันสังคม ค่ารถค่าอะไรต่างๆเราก็ต้องเอาเงินเราจ่ายเองอีกเช่นเคย จนเรากลับมาคิด ย้อนคิดไปว่าที่ผ่านมานี้ เราพยายามอยู่คนเดียวเลยหรอ จนวินาทีที่เราท้องจนคลอด เงินเก็บที่มีหมดลงเพราะอะไร ใครสร้างมันขึ้นมากับปัญหา ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่ให้ไปนั้นเค้าเอาไปกินไปเที่ยว สังสรรค์สนุกสนานกับเพื่อน ส่วนเราและลูกในท้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินอดทนเพื่อที่จะสร้างครอบครัวให้ดีขึ้น แต่เค้าทำให้แย่ลง ที่ผ่านมาพ่อแม่สามีเค้ารู้ถึงพฤติกรรมลูกเค้าตลอด เราคงผิดเองที่ไม่สนใจ ละเลยเพราะไม่อยากคิดมากหรือเครียด
เราจึงตัดสินใจขอหย่า แต่พ่อแม่สามีไม่เห็นด้วยเพราะเค้าเห็นว่าปัญหาแค่เล็กน้อย แต่เราคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่เล็กน้อยนะ ค่างวดรถ ค่าใช้จ่ายต่างๆเราให้เค้าไปแต่กลับเอาไปสำมะเลเทเมาเรารู้สึกไม่โอเค พอมันเกิดปัญหากับเป็นเราที่คอยตามแก้ พ่อแม่เค้าไม่เคยสนใจเลยถึงการกระทำของลูกชายตัวเองที่ผ่านมา เรารักเราถึงทนอยู่ แต่มันก็มีลิมิตไม่ใช่หรอว่าเมื่อไหร่ควรพอ ตกลงหย่ากันได้เรียบร้อย หลังใบหย่าเราสลักว่าลูกเป็นสิทธิ์ของเราแต่ค่าเลี้ยงดูสามีเค้าบอกเค้าจะจ่ายให้ทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่ต้องสลักหลังก็ได้ เราก็เชื่อเพราะคิดว่าเค้าคงทำตามที่เค้าพูด ( โง่อีกแล้วครับท่าน) จวบจนปัจจุบันค่าเลี้ยงดูที่เค้าบอกจะจ่ายให้ทุกเดือนก็ไม่เคยมีเลยในบัญชีแม้แต่สตางค์เดียว
หย่ากันได้ 15 วันเค้าพาแฟนใหม่มาเปิดตัว แถมผู้หญิงคนนั้นมีลูกติดมาด้วย 1 คน เรารู้เรื่องก็คิดว่า ห๊ะ!!..อะไรจะไวปานนั้น แถมก่อนปีใหม่ 2 เดือนโทรมาหาเราว่า จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม คิดถึงเรากับลูก ยังไงก็ลืมไม่ได้ ขอให้เรารอเค้านะ เค้าจะกลับมา เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอ(โง่รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้) จนปีใหม่มาถึง เค้ากับผู้หญิงคนนั้นก็ลั่นระฆังวิวาห์ แต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย โดยที่พ่อแม่เค้าเห็นดีเห็นงามด้วย มันก็เลยเป็นข้อสงสัยของเราว่า ทำไมอสุจิตัวเองถึงไม่รักแต่กลับไปรักอสุจิของคนอื่น ส่งเสียเลี้ยงดู แต่กลับลูกตัวเองไม่เคยคิดหรือนึกถึงเลย พอเราถามถึงค่าเลี้ยงดูลูกกลับพูดออกมาแบบหน้าด้านๆว่ามันเป็นหน้าที่เราคนเดียวที่ต้องเลี้ยง หน้าที่ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกมีหน้าที่ไข่ไว้ สืบพันธุ์แค่นั้นหรอ? เราอยากรู้ว่าเราจะฟ้องร้องค่าเลี้ยงดูบุตรจากสามีเก่าได้ไหมอีกอย่างก็ไม่ได้สลักหลังใบหย่าจะทำได้ไหม มีขั้นตอนดำเนินการคดีครอบครัวนานไหม ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ จะติดต่อทนายที่ไหนได้บ้าง อีกอย่างตอนนี้เราแต่งงานมีสามีใหม่แล้วจะมีผลอะไรในการฟ้องร้องหรือไม่
ปล.เราไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายผู้ชายทุกคนนะแต่แค่คิดในมุมของสามีเก่าเท่านั้นเอง แสดงความคิดเห็นที่ใช้คำรุนแรงได้ ยินดีรับฟัง
ความรับผิดชอบและจิตสำนึกไม่ได้มีทุกคนเสมอไป!!
เราแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับสามีเก่าอยู่กินกันมา 9 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน เราอาศัยอยู่บ้านสามี สามีเป็นคนเพชรบูรณ์ ส่วนตัวเราเป็นคนสกลนคร ฐานะทางครอบครัวของเราทั้งสองคนปานกลาง พ่อแม่มีอาชีพเกษตรกรด้วยกันทั้งคู่
แต่งงานอยู่ด้วยกัน 1 ปีก็มีลูกด้วยกันคนแรก เป็นหลานคนแรกของบ้านก็ว่าได้ ( สามีเป็นลูกคนเดียว) จนวันนึงครอบครัวของเรา พ่อเราประสบอุบัติเหตุทำให้ตาบอดข้างนึง ตอนนั้นลูกเราเพิ่งอายุได้ 8 เดือนจึงต้องทำให้เรากลับบ้านกะทันหันเพื่อไปดูแลพ่อที่ป่วย พ่อแม่สามีรู้ เค้าก็ไม่เห็นด้วยที่เราจะต้องพาหลานเค้าเดินทางกลับ แต่เราเห็นว่าการเดินทางครั้งนี้เราก็เดินทางไปบ้านเรา คนที่ป่วยก็พ่อเรา เราเลยไม่รู้สึกโอเคกับความคิดเห็นแก่ตัวของพ่อแม่สามี ทำให้เราทะเลาะกันกับครอบครัวเค้า พ่อเค้าเลยไล่เราออกจากบ้าน เราจึงตัดสินใจเดินออกมาและไม่กลับไปอยู่ที่บ้านสามีอีก เรากลับมาอยู่บ้าน(สามีก็ตามมาด้วย)ได้ 1 เดือนก็ต้องห่างลูกเพื่อมาทำงานหาเงิน
เราทำงานอยู่คนละบริษัทกับสามี ฐานเงินเดือนเรา 15,000บาท/ เดือนไม่รวมโอทีและสวัสดิการอื่นๆ ส่วนสามีทำงานเงินเดือนจะออกเป็นวิคคือ15 วันเงินออก1 ครั้ง แต่ละครั้งรายได้อยู่ที่สามพันกว่าไม่ถึงสี่พันแต่ต่ำสุดสองพันกว่าบาท ภาระและค่าใช้จ่ายต่างๆจึงตกอยู่ที่เรา ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟ ค่ารถ ค่าเทอมลูก และค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ โดยรวมชีวิตคู่ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนมากจะเป็นเรื่องการเงิน เราพยายามให้สามีเปลี่ยนงาน สมัครงานที่ใหม่เพื่อที่รายได้ค่าแรงจะได้เพิ่มขึ้น แบ่งเบาเราได้บ้างแต่เค้าก็อ้างเหตุผลแค่ว่า ไม่มีวุฒิการศึกษา หรือบริษัทนั้นไม่มีโอทีให้(บริษัทเก่าที่เค้าทำก็ไม่มีโอที) เราก็ปล่อยผ่านไม่เซ้าซี้
ทำงานได้ 6 ปีเข้าสู่ปีที่ 7 ก็ท้องลูกคนที่ 2 เราทำงานได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากแพ้ท้องหนักมาก รายได้จากการทำงานจึงลดน้อยลงเหลือแค่เงินเดือนเท่านั้นและสวัสดิการอื่นๆซึ่งไม่มีโอทีมาช่วย ส่วนสามีก็ยังทำงานรายได้เท่าเดิม เพิ่มเติมคือสร้างปัญหาเพิ่ม เราจึงให้เค้าออกจากบริษัทเดิมไปทำงานกับพี่สาวเค้าซึ่งเป็นธุรกิจส่วนตัว เป็นบริษัทพี่สาวเค้าเอง เงินเดือนเค้าที่ได้พอๆกันกับเงินเดือนเราอาจช่วยแบ่งเบาเราได้บ้าง แต่เปล่าเลยหนักกว่าเดิม เราทำงานที่เดิมจึงทำให้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน พฤติกรรมของสามีจึงเปลี่ยนไป ค้างค่างวดรถยนต์ ค่างวดรถมอเตอร์ไซค์จึงทำให้เราต้องเอาเงินเก็บออกมาเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบก่อนที่เราจะคลอด ปัญหาที่แก้ผ่านไปได้ 2 เดือน ปัญหาเดิมก็เกิดขึ้นอีก เราจึงเอาเงินเก็บที่มีทั้งหมดออกมาเพื่อแก้ปัญหาจนไม่เหลือไว้เป็นค่าคลอดเลย แต่ก็ไม่วายที่ปัญหาเล็กๆน้อยๆจะตามมาอีก แต่เราปล่อยผ่านไม่อยากคิด จนถึงกำหนดจะคลอด เราลาคลอดล่วงหน้า 1 เดือนแล้วกลับไปอยู่บ้านสามีเพราะแม่สามีขอร้องให้เรากลับไปอยู่ด้วย เพื่อที่เค้าจะได้ดูแลเรากับลูกช่วงที่คลอด (พ่อแม่สามีค่อนข้างดีแต่ไม่ถึงกับดีมาก)
กลับมาอยู่บ้านเค้า 1 เดือนเต็ม ก็ได้รู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับสามีช่วงที่เราท้อง เค้าเปลี่ยนงานใหม่ และเราไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่ก็ไม่อยากคิดมาก เพราะที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาได้ จนเราคลอด คลอดก่อนกำหนดผ่าจริง 1 สัปดาห์(ท้องแรกผ่า) สามีเดินทางมาหาเรา พร้อมกันกับไม่มีเงินมาสักบาท ทั้งค่ารถ ค่าเช่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งที่เราคลอดต้นเดือนเงินเดือนออก แต่ไม่ได้เงินเดือนคืออะไร? เราจ่ายค่าคลอดด้วยเงินประกันสังคม ค่ารถค่าอะไรต่างๆเราก็ต้องเอาเงินเราจ่ายเองอีกเช่นเคย จนเรากลับมาคิด ย้อนคิดไปว่าที่ผ่านมานี้ เราพยายามอยู่คนเดียวเลยหรอ จนวินาทีที่เราท้องจนคลอด เงินเก็บที่มีหมดลงเพราะอะไร ใครสร้างมันขึ้นมากับปัญหา ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนที่ให้ไปนั้นเค้าเอาไปกินไปเที่ยว สังสรรค์สนุกสนานกับเพื่อน ส่วนเราและลูกในท้องตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินอดทนเพื่อที่จะสร้างครอบครัวให้ดีขึ้น แต่เค้าทำให้แย่ลง ที่ผ่านมาพ่อแม่สามีเค้ารู้ถึงพฤติกรรมลูกเค้าตลอด เราคงผิดเองที่ไม่สนใจ ละเลยเพราะไม่อยากคิดมากหรือเครียด
เราจึงตัดสินใจขอหย่า แต่พ่อแม่สามีไม่เห็นด้วยเพราะเค้าเห็นว่าปัญหาแค่เล็กน้อย แต่เราคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่เล็กน้อยนะ ค่างวดรถ ค่าใช้จ่ายต่างๆเราให้เค้าไปแต่กลับเอาไปสำมะเลเทเมาเรารู้สึกไม่โอเค พอมันเกิดปัญหากับเป็นเราที่คอยตามแก้ พ่อแม่เค้าไม่เคยสนใจเลยถึงการกระทำของลูกชายตัวเองที่ผ่านมา เรารักเราถึงทนอยู่ แต่มันก็มีลิมิตไม่ใช่หรอว่าเมื่อไหร่ควรพอ ตกลงหย่ากันได้เรียบร้อย หลังใบหย่าเราสลักว่าลูกเป็นสิทธิ์ของเราแต่ค่าเลี้ยงดูสามีเค้าบอกเค้าจะจ่ายให้ทุกเดือนอยู่แล้ว ไม่ต้องสลักหลังก็ได้ เราก็เชื่อเพราะคิดว่าเค้าคงทำตามที่เค้าพูด ( โง่อีกแล้วครับท่าน) จวบจนปัจจุบันค่าเลี้ยงดูที่เค้าบอกจะจ่ายให้ทุกเดือนก็ไม่เคยมีเลยในบัญชีแม้แต่สตางค์เดียว
หย่ากันได้ 15 วันเค้าพาแฟนใหม่มาเปิดตัว แถมผู้หญิงคนนั้นมีลูกติดมาด้วย 1 คน เรารู้เรื่องก็คิดว่า ห๊ะ!!..อะไรจะไวปานนั้น แถมก่อนปีใหม่ 2 เดือนโทรมาหาเราว่า จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม คิดถึงเรากับลูก ยังไงก็ลืมไม่ได้ ขอให้เรารอเค้านะ เค้าจะกลับมา เราก็ตั้งหน้าตั้งตารอ(โง่รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้) จนปีใหม่มาถึง เค้ากับผู้หญิงคนนั้นก็ลั่นระฆังวิวาห์ แต่งงานกันเป็นที่เรียบร้อย โดยที่พ่อแม่เค้าเห็นดีเห็นงามด้วย มันก็เลยเป็นข้อสงสัยของเราว่า ทำไมอสุจิตัวเองถึงไม่รักแต่กลับไปรักอสุจิของคนอื่น ส่งเสียเลี้ยงดู แต่กลับลูกตัวเองไม่เคยคิดหรือนึกถึงเลย พอเราถามถึงค่าเลี้ยงดูลูกกลับพูดออกมาแบบหน้าด้านๆว่ามันเป็นหน้าที่เราคนเดียวที่ต้องเลี้ยง หน้าที่ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกมีหน้าที่ไข่ไว้ สืบพันธุ์แค่นั้นหรอ? เราอยากรู้ว่าเราจะฟ้องร้องค่าเลี้ยงดูบุตรจากสามีเก่าได้ไหมอีกอย่างก็ไม่ได้สลักหลังใบหย่าจะทำได้ไหม มีขั้นตอนดำเนินการคดีครอบครัวนานไหม ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ จะติดต่อทนายที่ไหนได้บ้าง อีกอย่างตอนนี้เราแต่งงานมีสามีใหม่แล้วจะมีผลอะไรในการฟ้องร้องหรือไม่
ปล.เราไม่ได้มีเจตนาว่าร้ายผู้ชายทุกคนนะแต่แค่คิดในมุมของสามีเก่าเท่านั้นเอง แสดงความคิดเห็นที่ใช้คำรุนแรงได้ ยินดีรับฟัง