คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ผมเคยฝึกที่บริษัททัวร์ญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง มีตราสัญลักษณ์สีแดง
อาทิตย์แรกที่ไปฝึกผมต้องไปทำที่สำนักงานใหญ่ที่อยู่ในอาคารแห่งหนึ่งย่านสาทร ผมรู้สึกว่าเบื่อ เครียด และไม่อยากทำมาก คือมันเป็นสำนักงานไปเลย ส่วนใหญ่งานของผมตอนอยู่ที่สำนักงานใหญ่ก็คือจะมีพี่คนหนึ่งเขาเอาพวกเอกสารที่เรียกว่า ดีพาร์ตเจอร์ และ แอไรฟ์วอลมาให้ทำ คือให้อธิบายผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร อารมณ์มันเป็นตารางของแต่ละวันว่าวันนี้จะมีลูกทัวร์กรุ๊ปไหนเข้ามาบ้าง มาเที่ยวบินอะไร ไกด์คนไหนเป็นคนรับลูกทัวร์ เอารถยี่ห้ออะไรไปรับ อะไรประมาณนี้ ผมก็ต้องมานั่งติ๊ก นั่งเขียนอะไรลงไป จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน คือตลอดทั้งวันมันก็จะมีงานแค่นั้นแหละเข้ามา และมีแค่ช่วงเช้าด้วย ตลอดทั้งวันก็ว่าง นอกเหนือจากนั้นก็มีพวกงานถ่ายเอกสารอะไรนิดหน่อย
พออาทิตย์ที่สองเป็นต้นมา ผมก็โดนย้ายไปสาขาสีลม คอมเพล็กซ์ ซึ่งที่นี่มีเพื่อนร่วมห้องที่มหา'ลัยซึ่งผมเป็นคนแนะนำให้เขามาฝึกงานที่นี่นั่นหละฝึกอยู่ ก็เลยได้อยู่ด้วยกัน 3 คนเลย พอย้ายมาที่นี่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันผ่อนคลายลง เพราะมันอยู่ในห้างด้วยหนึ่ง และการจัดออฟฟิศ บรรยากาศอะไรต่อมิอะไรมันก็ดูไม่เคร่งเครียด ดูไม่จริงจังเป็นสำนักงานเหมือนที่สำนักงานใหญ่
มาที่นี่ผมก็ดูจะมีงานมากขึ้นกว่าเดิม คือผมจะต้องคีย์พวกโปรแกรมทัวร์เข้าไปในระบบของบริษัท เสร็จจากนั้นก็ว่าง รอให้พี่ใช้งาน ซึ่งทุกเช้าผมจะถามพวกพี่เขาทุกครั้งว่ามีอะไรให้ผมทำรึเปล่า ถ้ามีพี่เขาก็จะบอก ไม่มีก็ไม่ต้องทำ ผมก็นั่งเล่นเน็ตของผมไป เพื่อนผมก็ด้วย นอกจากงานคีย์โปรแกรมทัวร์ที่ว่านั่นแล้ว ผมยังต้องเอาใบงานไกด์ไปใส่ไว้ในลิ้นชักที่สำนักงานใหญ่อีก คือมันเป็นใบรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมทัวร์น่ะครับ เราก็จะต้องเอาไปใส่ในลิ้นชักของไกด์ซึ่งจะแยกเป็นของใครของมัน คือเวลาไกด์เขาจะมารับงานหรือจะมาดูว่าเขามีงานรึเปล่า จะต้องไปที่ไหน อะไรยังไงก็จะมาเอาที่ลิ้นชักตรงนี้นี่แหละ
อีกงานที่ผมถือว่าเป็นงานสำคัญงานหนึ่งของผมเลยคือการแจกโบรชัวร์ครับ คือผมชอบตรงที่ว่ามันเป็นการอู้งานที่ได้งานครับ ออกไปเดินเล่นได้ด้วย คือจะมีนายญี่ปุ่นผู้หญิงคนหนึ่งเขาชอบใช้ผมให้เอาพวกโบรชัวร์ของบริษัทที่มันมาเป็นมัดเลย มัดละ 25 เล่ม ก็ต้องเอาไปฝากวางตามโรงแรมหรืออพาร์ตเมนท์ที่คิดว่าน่าจะมีคนญี่ปุ่นมาพัก ทุกครั้งเขาจะชอบใช้ให้ผมเอาไป 3 มัด ก็เท่ากับ 75 เล่ม หลัง ๆ นี่เริ่มโหด ให้เอาไปที 4 มัด ออกไปทุกวัน ๆ แต่บางวันผมก็แอบอู้ไม่ออกไปแจกโบรชัวร์เหมือนกัน แต่ถ้าสมมติเขาเกิดเข้ามาในช่วงบ่ายแล้วรู้ว่าผมยังไม่ได้ไปแจก ก็จะใช้ให้ผมออกไปแจกโบรชัวร์เดี๋ยวนั้นเลย จำได้เลยว่าวันสุดท้ายเขาสั่งให้ผมไปแจก 150 เล่ม แต่พอดีผมเจอแค่ 4 มัด 100 เล่ม ก็เลยหยิบไปแค่นั้น พอกลับมาบอกเขาว่าไปแจก 100 เล่ม เขายังบอกว่าไม่น้อยไปหน่อยเหรอ
งานที่ผมชอบที่สุดตอนไปฝึกงานที่นั่นคือ ได้ไปนั่งโต๊ะให้ข้อมูลลูกค้าญี่ปุ่นที่โรงแรมดุสิตธานี ตั้งแต่ 4 โมง-1 ทุ่ม คือถ้าสมมติมีลูกค้าเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การทัวร์ ก็ต้องอธิบาย ผมชอบเพราะว่ามุมที่ผมนั่งมันเป็นมุมเงียบ ๆ สงบ ๆ และปกติก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามาด้วย นาน ๆ ทีถึงจะมีลูกค้าญี่ปุ่นเข้ามา ซึ่งก็เคยมีเหมือนกัน บางครั้งเขาอาจจะถามเกี่ยวกับร้านอาหารในโรงแรม หรือถ้าอยากจะไปดูมวยจะต้องไปไหน บางคนก็ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทที่ผมฝึก บางคนก็ใช่ ซึ่งบางคนใช้ลิฟต์ที่ต้องเสียบการ์ดของบริษัทถึงจะขึ้นได้ไม่เป็น ผมก็ต้องถามพนักงานและให้เขาสอน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเงียบ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไร ช่วงที่เงียบ ๆ ผมก็จะนั่งอ่านหนังสือ วาดการ์ตูนเล่นไปเรื่อย สนุก ๆ
อาทิตย์สุดท้ายที่ฝึกงาน ผมกับเพื่อนที่ว่ามาจากมหา'ลัยเดียวกันคนหนึ่งก็โดนใช้ให้เอากระเป๋าที่เป็นเหมือนพวกของสมนาคุณไปให้ลูกค้าที่ซอยพหลโยธิน 28 ซึ่งมันเป็นอะไรที่หาบ้านยากมาก เพราะบ้านในซอยนั้นมันไม่ได้เรียงตามเลขที่ สมมติบ้านหลังนี้เลขที่ 128 อีกหลังอาจจะเป็น 160 ก็ได้ หายากสุด ๆ แถมฝนก็ยังตกอีก พอวันต่อมาที่เป็นวันสุดท้ายของการฝึกงาน คราวนี้ไปกันครบแก๊ง 3 คนเลย ต้องเอากระเป๋าไปให้ลูกค้าเหมือนเดิม คราวนี้ไปที่แจ้งวัฒนะเลยทีเดียว กลับมาก็มีพี่ที่แผนกของเพื่อนผมคนหนึ่งพาไปเลี้ยงเอ็มเคโกลด์
การฝึกงานเป็นอะไรที่ผมชอบและประทับใจมาก จากที่ตอนแรกผมอยากจะให้มันจบเร็ว ๆ แต่ตอนนี้อยากกลับไปฝึกงานอีกครั้ง
อาทิตย์แรกที่ไปฝึกผมต้องไปทำที่สำนักงานใหญ่ที่อยู่ในอาคารแห่งหนึ่งย่านสาทร ผมรู้สึกว่าเบื่อ เครียด และไม่อยากทำมาก คือมันเป็นสำนักงานไปเลย ส่วนใหญ่งานของผมตอนอยู่ที่สำนักงานใหญ่ก็คือจะมีพี่คนหนึ่งเขาเอาพวกเอกสารที่เรียกว่า ดีพาร์ตเจอร์ และ แอไรฟ์วอลมาให้ทำ คือให้อธิบายผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร อารมณ์มันเป็นตารางของแต่ละวันว่าวันนี้จะมีลูกทัวร์กรุ๊ปไหนเข้ามาบ้าง มาเที่ยวบินอะไร ไกด์คนไหนเป็นคนรับลูกทัวร์ เอารถยี่ห้ออะไรไปรับ อะไรประมาณนี้ ผมก็ต้องมานั่งติ๊ก นั่งเขียนอะไรลงไป จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน คือตลอดทั้งวันมันก็จะมีงานแค่นั้นแหละเข้ามา และมีแค่ช่วงเช้าด้วย ตลอดทั้งวันก็ว่าง นอกเหนือจากนั้นก็มีพวกงานถ่ายเอกสารอะไรนิดหน่อย
พออาทิตย์ที่สองเป็นต้นมา ผมก็โดนย้ายไปสาขาสีลม คอมเพล็กซ์ ซึ่งที่นี่มีเพื่อนร่วมห้องที่มหา'ลัยซึ่งผมเป็นคนแนะนำให้เขามาฝึกงานที่นี่นั่นหละฝึกอยู่ ก็เลยได้อยู่ด้วยกัน 3 คนเลย พอย้ายมาที่นี่ผมรู้สึกว่าบรรยากาศมันผ่อนคลายลง เพราะมันอยู่ในห้างด้วยหนึ่ง และการจัดออฟฟิศ บรรยากาศอะไรต่อมิอะไรมันก็ดูไม่เคร่งเครียด ดูไม่จริงจังเป็นสำนักงานเหมือนที่สำนักงานใหญ่
มาที่นี่ผมก็ดูจะมีงานมากขึ้นกว่าเดิม คือผมจะต้องคีย์พวกโปรแกรมทัวร์เข้าไปในระบบของบริษัท เสร็จจากนั้นก็ว่าง รอให้พี่ใช้งาน ซึ่งทุกเช้าผมจะถามพวกพี่เขาทุกครั้งว่ามีอะไรให้ผมทำรึเปล่า ถ้ามีพี่เขาก็จะบอก ไม่มีก็ไม่ต้องทำ ผมก็นั่งเล่นเน็ตของผมไป เพื่อนผมก็ด้วย นอกจากงานคีย์โปรแกรมทัวร์ที่ว่านั่นแล้ว ผมยังต้องเอาใบงานไกด์ไปใส่ไว้ในลิ้นชักที่สำนักงานใหญ่อีก คือมันเป็นใบรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมทัวร์น่ะครับ เราก็จะต้องเอาไปใส่ในลิ้นชักของไกด์ซึ่งจะแยกเป็นของใครของมัน คือเวลาไกด์เขาจะมารับงานหรือจะมาดูว่าเขามีงานรึเปล่า จะต้องไปที่ไหน อะไรยังไงก็จะมาเอาที่ลิ้นชักตรงนี้นี่แหละ
อีกงานที่ผมถือว่าเป็นงานสำคัญงานหนึ่งของผมเลยคือการแจกโบรชัวร์ครับ คือผมชอบตรงที่ว่ามันเป็นการอู้งานที่ได้งานครับ ออกไปเดินเล่นได้ด้วย คือจะมีนายญี่ปุ่นผู้หญิงคนหนึ่งเขาชอบใช้ผมให้เอาพวกโบรชัวร์ของบริษัทที่มันมาเป็นมัดเลย มัดละ 25 เล่ม ก็ต้องเอาไปฝากวางตามโรงแรมหรืออพาร์ตเมนท์ที่คิดว่าน่าจะมีคนญี่ปุ่นมาพัก ทุกครั้งเขาจะชอบใช้ให้ผมเอาไป 3 มัด ก็เท่ากับ 75 เล่ม หลัง ๆ นี่เริ่มโหด ให้เอาไปที 4 มัด ออกไปทุกวัน ๆ แต่บางวันผมก็แอบอู้ไม่ออกไปแจกโบรชัวร์เหมือนกัน แต่ถ้าสมมติเขาเกิดเข้ามาในช่วงบ่ายแล้วรู้ว่าผมยังไม่ได้ไปแจก ก็จะใช้ให้ผมออกไปแจกโบรชัวร์เดี๋ยวนั้นเลย จำได้เลยว่าวันสุดท้ายเขาสั่งให้ผมไปแจก 150 เล่ม แต่พอดีผมเจอแค่ 4 มัด 100 เล่ม ก็เลยหยิบไปแค่นั้น พอกลับมาบอกเขาว่าไปแจก 100 เล่ม เขายังบอกว่าไม่น้อยไปหน่อยเหรอ
งานที่ผมชอบที่สุดตอนไปฝึกงานที่นั่นคือ ได้ไปนั่งโต๊ะให้ข้อมูลลูกค้าญี่ปุ่นที่โรงแรมดุสิตธานี ตั้งแต่ 4 โมง-1 ทุ่ม คือถ้าสมมติมีลูกค้าเข้ามาสอบถามเกี่ยวกับอะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การทัวร์ ก็ต้องอธิบาย ผมชอบเพราะว่ามุมที่ผมนั่งมันเป็นมุมเงียบ ๆ สงบ ๆ และปกติก็ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามาด้วย นาน ๆ ทีถึงจะมีลูกค้าญี่ปุ่นเข้ามา ซึ่งก็เคยมีเหมือนกัน บางครั้งเขาอาจจะถามเกี่ยวกับร้านอาหารในโรงแรม หรือถ้าอยากจะไปดูมวยจะต้องไปไหน บางคนก็ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทที่ผมฝึก บางคนก็ใช่ ซึ่งบางคนใช้ลิฟต์ที่ต้องเสียบการ์ดของบริษัทถึงจะขึ้นได้ไม่เป็น ผมก็ต้องถามพนักงานและให้เขาสอน แต่ส่วนใหญ่แล้วก็จะเงียบ ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเท่าไร ช่วงที่เงียบ ๆ ผมก็จะนั่งอ่านหนังสือ วาดการ์ตูนเล่นไปเรื่อย สนุก ๆ
อาทิตย์สุดท้ายที่ฝึกงาน ผมกับเพื่อนที่ว่ามาจากมหา'ลัยเดียวกันคนหนึ่งก็โดนใช้ให้เอากระเป๋าที่เป็นเหมือนพวกของสมนาคุณไปให้ลูกค้าที่ซอยพหลโยธิน 28 ซึ่งมันเป็นอะไรที่หาบ้านยากมาก เพราะบ้านในซอยนั้นมันไม่ได้เรียงตามเลขที่ สมมติบ้านหลังนี้เลขที่ 128 อีกหลังอาจจะเป็น 160 ก็ได้ หายากสุด ๆ แถมฝนก็ยังตกอีก พอวันต่อมาที่เป็นวันสุดท้ายของการฝึกงาน คราวนี้ไปกันครบแก๊ง 3 คนเลย ต้องเอากระเป๋าไปให้ลูกค้าเหมือนเดิม คราวนี้ไปที่แจ้งวัฒนะเลยทีเดียว กลับมาก็มีพี่ที่แผนกของเพื่อนผมคนหนึ่งพาไปเลี้ยงเอ็มเคโกลด์
การฝึกงานเป็นอะไรที่ผมชอบและประทับใจมาก จากที่ตอนแรกผมอยากจะให้มันจบเร็ว ๆ แต่ตอนนี้อยากกลับไปฝึกงานอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
รีวิวสำหรับคนเคยฝึกงานกันครับ
ได้ทำอะไรบ้าง บรรยากาศต่าง ๆ นานา ครับ