"Qasr Al Sarab Desert Resort By Anantara" เป็นรีสอร์ทหรูระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ที่เมืองลิวา,อาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เดิมทีเป็นพระราชวังของผู้ครองนครที่ถูกสร้างขึ้นกลางทะเลทรายขนาดใหญ่ในสไตล์อาหรับแท้ๆ
ทั้งสถาปัตยกรรม การตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน
ต่อมาในภายหลังสถานที่แห่งนี้ถูกปรับเปลี่ยนเป็นรีสอร์ทสุดหรู ซึ่งเพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
มีห้องพักทั้งหมด 206 ห้อง มีพูลวิลล่า และวิลล่าขนาดใหญ่ รวมทั้งสระว่ายน้ำที่ไม่เหมือนใครที่เชื่อมต่อกับผืนทรายในทะเลทรายได้เลย
รวมทั้งมีสปาสุดหรูที่อิมพอร์ตพนักงานนวดมาจากประเทศไทยโดยตรง ลืมบอกไปค่ะว่ารีสอร์ทแห่งนี้มีสัญชาติไทยเต็มตัวค่ะ
เนื่องจากเป็นรีสอร์ทที่อยู่ใน อนันตรากรุ๊ป นั่นเอง และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราแอบภูมิใจนิดๆ 555 นี่ของคนไทยนะจ๊ะ
การเดินทาง :: เราเดินทางจากประเทศโอมานไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เน่ื่องจากก่อนหน้านี้ทางรีสอร์ทขอยกเลิกการจองทั้งหมดของลูกค้าก่อนหน้าที่เราจะเดินทางเพียง 2 วัน ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนจากดูไบ ไปโอมานแทน และถึงจะกลับมาพักที่นี่อีกครั้งหลังจากทางรีสอร์ทเปิดให้บริการ เราเดินทางโดยสารการบิน เอมิเรตส์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไปลงที่สนามบินดูไบค่ะ และเช่ารถยนต์เพื่อขับต่อไปยังรีสอร์ท โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมดเกือบ 4 ชั่วโมง (ราวๆ 311 กิโลเมตร) ซึ่งถ้าเลือกไฟล์ทไปลงสนามบินอาบูดาบีจะใกล้กว่าจะลดระยะเวลาการเดินทางไปได้เกือบ 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะไม่มีไฟลท์จากโอมานไปอาบูดาบี ทำให้เราต้องเดินทางโดยรถยนต์ไกลมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคเพราะมีความงดงามรออยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นเราจะท้อไม่ได้ 5555


ขึ้นเครื่องจากโอมานมุ่งตรงสู่สนามบินดูไบด้วยสายการบินเอมิเรตส์ ใช้ระยะเวลา 50นาที-1 ชั่วโมงโดยประมาณ พร้อมอาหารว่างทานเล่น

หลังจากที่มาถึงสนามบินดูไบค่ะ เราก็ทำการหาเช่ารถยนต์เพื่อที่จะใช้เดินทางต่อไปยังรีสอร์ท ในส่วนของการเช่ารถ เราแนะนำว่าทุกท่านควรจะจองไว้ล่วงหน้าจะดีกว่าค่ะ เพราะถ้าบังเอิญไปช่วงที่พีคจริงๆ รถค่อนข้างที่จะหายาก เราถามหลายบริษัท และไปแทบจะทุก Terminal กว่าจะได้เสียเวลาไปหลายชั่วโมงเหมือนกัน และที่สำคัญ รถที่ท่านได้อาจจะไม่เหมาะนักที่จะใช้เดินทางไกล ที่พูดอย่างนี้เพราะว่า เราได้รถฟอร์ด โฟกัส ซึ่งเป็นรถเล็กแต่ต้องใช้เดินทางหลายร้อยโล และอากาศในตอนกลางวันค่อนข้างที่จะร้อนมาก แอบหวั่นๆกลัวยางจะระเบิดเหมือนกัน เพราะเส้นทางจากดูไบไปที่รีสอร์ทนั้น ถือว่าอยู่ไกลพอสมควรไกลแบบเรียกได้ว่าแทบจะถึงชายแดนประเทศ คือขับอีกนิดหน่อยสามารถไปเที่ยวซาอุดีอาระเบียต่อได้เลย และตลอดเส้นทางบนถนนจะมีลูกระนาดอยู่เป็นระยะๆ และค่อนข้างที่จะลูกใหญ่ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะถนนดีค่ะ ไม่อันตรายอะไรได้รถเล็กก็ค่อยๆขับไป โดยส่วนใหญ่รถที่เค้าใช้และน่าจะเหมาะควรจะเป็นรถพวก 4x4 จะดีกว่า แต่ตอนนั้นเราไม่มีตัวเลือกเลยค่ะได้รถมาก็ดีใจมากแล้วจะได้ไปต่อซะที หลังจากที่เราได้รถมาเรียบร้อยเราก็ควรที่จะทำการถ่ายรูปรอบคันค่ะเพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันตอนคืนรถว่าเราไม่ได้ทำรถเค้าเสียหาย

แล้วก็เริ่มออกเดินทางกันได้เลย แดดในตอนกลางวันร้อนมาก ถ่ายรูปทีเห็นพระอาทิตย์เหมือนกับโดนสปอร์ตไลท์ส่องเข้ามาในรถเลย การจราจรในตัวเมืองดูไบค่อนข้างทีจะหนาแน่น ถ้าเลี่ยงได้ควรจะหลีกเลี่ยงเส้นทางที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ จะดีกว่า
อย่างที่บอกในตอนแรกค่ะเราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เมื่อพ้นออกมาจากในตัวเมืองดูไบได้ รถก็ไม่ติดแล้ว ถนนส่วนใหญ่เป็นถนน 4 เลน ถึง 5 เลน มีทั้งรถบรรทุก และรถเล็กตลอดเส้นทาง สิ่งที่ต้องระวังมากถึงมากที่สุดนะคะ ที่นี่จะมีการจำกัดความเร็วตลอดเส้นทาง โดยจะมี Speed camera ติดอยู่หลายจุดมาก ถ้าขับเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจะต้องเสียค่าปรับ ใบสั่งละ 50 AED หรือประมาณ 500 บาท เวลาขับอาจจะมีอึดอัดบ้างนะคะถนนโล่งแต่วิ่งเร็วไม่ได้เพราะกล้องเยอะมากจริงๆ ตอนที่เราไปค่อนข้างที่จะทำเวลาพอสมควรเพราะด้วยความที่เป็นรถเล็ก กังวลหลายอย่างกลัวรถมีปัญหา เพราะตลอดทางเมื่อพ้นจากย่านชุมชน สองข้างทางจะเป็นทะเลทรายหมดเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้นคงจะลำบากและอันตรายมาก
vv รูปภาพถัดไปจะเห็นได้ว่าจากมีรถวิ่งร่วมทางไปจนถึงบางช่วงโล่งเลยค่ะ

ตลอดทางที่ขับมาจนถึงรีสอร์ทเจอปั๊มเพียงปั๊มเดียวเพราะฉะนั้นต้องรีบแวะ ซื้อขนม เข้าห้องน้ำ และเติมน้ำมันให้เรียบร้อยกันพลาด พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วท้องฟ้าสีสวยเชียว

อ้อ ลืมบอกไปว่าคืนนี้เราไม่ได้เข้าเช็คอินที่ Qasr al sarab ค่ะเนื่องจาก book ไว้ในวันถัดไป ซึงเป็นวันแรกของการเปิดทำการหลังจากที่ปิดไปเกือบ 2 อาทิตย์ เราเลือกที่จะไปพักที่โรงแรมในละแวกนั้นซึ่งต้องขับเลยไปอีกประมาณ 45 นาทีชื่อว่าโรงแรม Liwa hotel เพื่อความสะดวกในการเดินทางเข้าเช็คอินในวันพรุ่งนี้
:: โ ร ง แ ร ม L I W A H O T E L ::

ไปต่อวันที่ 2 กันเลยค่ะ เราออกจาก Liwa Hotel ประมาณ 9 โมงเช้า ไปถึงที่ Qasr Al Sarab ประมาณ 10 โมง ขับย้อนมาเส้นทางเดิมเมื่อวานตรงมาเรื่อยๆจนเห็นป้ายบอกทางถึงแล้วก็รีบเลี้ยวเข้ามาเลย แอบตื่นเต้นสุดพลัง รีสอร์ทที่ฝันไว้ใกล้ความจริงแล้วจะได้เห็นด้วยตาตัวเองจริงๆซะที นั่งดูแต่รูปภาพในไอจีอยู่ที่บ้าน 555


ขับเข้ามาซักประมาณ 500 เมตรได้จะเจอพนักงานรักษาความปลอดภัยตรวจสอบการเข้าเช็คอินเป็นด่านแรกค่ะเพื่อยืนยันว่าเราเป็นแขกของรีสอร์ทจริงมีการจองห้องพักเรียบร้อยแล้วหรือไม่ เค้าจะมีรีพอร์ทของเค้า เราก็แค่แจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่ไปค่ะ จากนั้นก็เดินทางต่อได้ จากทางเข้าจนถึงตัวรีสอร์ทใช้เวลาประมาณ 15 นาทีพอเลี้ยวเข้าไปเนี่ย 2 ข้างทางเป็นทะเลทรายเลยค่ะสูงต่ำสวยงามมาก บนถนนก็จะมีลูกระนาดป้องกันการขับเร็ว และมีป้ายเตือนระวังสัตว์ข้ามถนนเป็นระยะๆ


ลุยต่อเลยค่ะ ขับตรงไปเรื่อยๆ ว้าวๆๆ ใกล้แล้ว มองแล้วมองอีก ผ่านประตูแรก ก็ยังไม่ถึง ไปอีกๆ

ในที่สุดถึงแล้วเย้ ๆ ไปดูกันเลยค่ะว่าสวยสมกับเป็นปราสาทเก่าหรือเปล่า รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะคุณผู้ชม เดี๋ยวลงรูปให้ดูรัวๆนะคะ

ปราการด่านสุดท้าย




หลังจากที่รถเคลื่อนที่เข้ามาจอด พนักงานต้อนรับออกมาต้อนรับอย่างแข็งขันค่ะ ที่เห็นในรูปมีแค่ 3 คน แต่จริงๆมีมากกว่านั้นนะคะ เกือบ 10 ได้
อย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้นค่ะวันนี้เป็นวันแรกที่รีสอร์ทเปิดทำการ จึงดูครึกครื้นเป็นพิเศษ


เราเข้าเช็คอินเป็นกลุ่มแรกๆ ของวัน เค้าบอกว่าช่วงบ่ายจะมีคณะทัวร์จากประเทศจีนมาอีกรวมๆแขกที่มาพักในวันนั้นเกือบ 200 คนค่ะ ซึ่งตรงกับวันเที่ยวในวันตรุษจีนพอดี เจ้าหน้าที่จัดแจงยกกระเป๋าของเราลงจากรถเรียบร้อย ต่อไปเข้าเช็คอินได้เลย ทางรีสอร์ทให้ความสำคัญกับลูกค้ามากค่ะ เพราะก่อนหน้าที่จะมาถึงที่นี่ได้รับอีเมลล์จากทางรีสอร์ทว่า ทางผู้จัดการจะมาต้อนรับ เพราะอยากจะขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง
รูปถัดไปน้องพนักงานผู้ชายคนกลาง เรามาทราบภายหลังตอนเราเช็คเอาท์ค่ะ น้องถามเราเป็นภาษาไทยในสำเนียงไม่ชัดมาก ว่ามาจากประเทศไทยหรอครับ ดูน้องแอบตื่นเต้นเล็กน้อย เราก็พลอยตื่นเต้นตามไปด้วย ว่ามาตั้งไกลขนาดนี้มีคนไทยเหมือนเราด้วยหรอ 55 แต่น้องบอกว่าน้องไม่ใช่คนไทย เป็นลูกครึ่งเวียดนามกับประเทศอะไรซักอย่างเราจำไม่ได้ แต่น้องเคยไปเรียนที่ไทยที่มหาวิทยาลัยมหิดล พอจบก็มาได้งานที่นี่ น้องบอกไม่ได้พูดไทยนานแล้ว เริ่มจะลืมๆ



เสร็จเรียบร้อยจากการเช็คอิน พนักงานก็จะนำ Welcome Drink มาเสิร์ฟค่ะ เป็นลูกเดท หรืออินทผลัม เสิร์ฟพร้อมกับน้ำอินทผลัมปั่นใส่นม และโยเกิร์ต อร่อยจนต้องขอเติมค่ะ

[CR] [ขออภัยมือใหม่หัด Review] ไปเที่ยวกันมั้ย ::ฟ้าจรดทราย ตามหาเจ้าชายอาหรับ::Qasr Al Sarab Desert Resort By Anantara::
เราไม่เคยรีวิว หรือตั้งกระทู้มาก่อน หากผิดพลาดประการใดขอภัยไว้ ณ ที่นี่ และยินดีที่จะรับฟังคำแนะนำจากทุกท่านค่ะ
ที่เคยได้รับรางวัลการันตีเมื่อปี 2558 ว่าเป็นโรงแรมที่หรูหราและเงียบสงบที่สุด
:: Q A S R A L S A R A B D E S E R T R E S O R T B Y A N A N T A R A ::
การเดินทาง :: เราเดินทางจากประเทศโอมานไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เน่ื่องจากก่อนหน้านี้ทางรีสอร์ทขอยกเลิกการจองทั้งหมดของลูกค้าก่อนหน้าที่เราจะเดินทางเพียง 2 วัน ทำให้เราต้องเปลี่ยนแผนจากดูไบ ไปโอมานแทน และถึงจะกลับมาพักที่นี่อีกครั้งหลังจากทางรีสอร์ทเปิดให้บริการ เราเดินทางโดยสารการบิน เอมิเรตส์ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง ไปลงที่สนามบินดูไบค่ะ และเช่ารถยนต์เพื่อขับต่อไปยังรีสอร์ท โดยใช้ระยะเวลาทั้งหมดเกือบ 4 ชั่วโมง (ราวๆ 311 กิโลเมตร) ซึ่งถ้าเลือกไฟล์ทไปลงสนามบินอาบูดาบีจะใกล้กว่าจะลดระยะเวลาการเดินทางไปได้เกือบ 100 กิโลเมตรเลยทีเดียว แต่เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้เพราะไม่มีไฟลท์จากโอมานไปอาบูดาบี ทำให้เราต้องเดินทางโดยรถยนต์ไกลมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคเพราะมีความงดงามรออยู่ข้างหน้า เพราะฉะนั้นเราจะท้อไม่ได้ 5555
อย่างที่เล่าให้ฟังข้างต้นค่ะวันนี้เป็นวันแรกที่รีสอร์ทเปิดทำการ จึงดูครึกครื้นเป็นพิเศษ