สวัสดีคะ วันนี้เรามีเรื่องของตัวเองที่จะมาแชร์ เราเชื่อว่าหากว่าคนกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาอ่านจะรู้ทันทีว่าเป็นเรา ที่เรานิ่งเงียบไปไม่ออกมาโต้ตอบเพราะโต้ตอบไปก็ป่าวประโยชน์ แต่ในเมื่อคุณเลือกที่จะหลอกลวง ไม่พูดความจริง และทำให้เราเสียหายเราก็ขอออกมาพูดเรื่องราวในมุมมองของเราบ้าง
เราคบกับผู้ชายคนหนึ่งมา5ปีคะมันเป็นระยะเวลาที่นาน เราคบกันช่วงเรียนปี3 เรากับคนนั้น(ขอแทนชื่อว่าเอคะ) เรียนกันคนละคณะ แต่เรารู้จักเอผ่านรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เราสนิท เอมาจีบเราหลายเดือนมาก คือตอนแรกเราไม่ชอบเอแต่เพราะลูกตื้อของเอที่คอยมารับส่ง พาไปนู้นนี่ เราแพ้ใจตัวเอง เราก็ตกลงที่จะคบกัน ในช่วงแรกทุกอย่างดีไปหมด เอเป็นผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนกับเราหลายอย่าง เช่น ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน(คือหลายคนคงสงสัยว่ากินก๋วยเตี๋ยวสำคัญยังไง เราชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากถึงขนาดกินได้ทั้ง3มื้อตลอด1อาทิตย์ เวลาคบกับใครเลยมักเป็นปัญหาที่เราชอบกินแต่ของเดิมๆ ที่ผ่านมามีแฟนก็เลิกไปเพราะแบบนี้ แต่เอชอบเหมือนกันเลยอยู่กันได้) เอกับเราชอบปาร์ตี้เหมือนกัน คือไปเที่ยวด้วยกันแต่แยกโต๊ะกันนั่ง เขาอยู่กับเพื่อนเขา เราก็อยู่กับเพื่อนเรา มันก็ไม่มีใครมาก้าวก่ายกัน นางก็พาเราไปเจอครอบครัวนาง บ้านเอไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลยคะ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร พ่อกับแม่เอน่ารัก เขาก็รักเราเหมือนลูกสาวและเราก็รักท่าน เราก็พาเอไปเจอครอบครัวเราพ่อเราก็ชอบนางนะ คุยกันถูกคอ เราก็คบกันเอ มีความสุขกันมาก เราทะเลาะกันน้อยมากเลยคะ จนกระทั่งเรียนจบ เรื่องต่างๆมันเลยเกิดขึ้น
เรากับเอเรียนจบพร้อมกันและคุยกับที่บ้านว่าเราจะอยู่ด้วยกัน ซึ่งพ่อแม่เราถามว่าโอเคมั้ยก็ไม่คะ แต่เพราะเอบอกกับที่บ้านว่าปีหน้าจะขอเราแต่งงาน พ่อกับแม่เราเลยยอม ผู้ใหญ่ทั้งสองผ่านรับรู้ เหมือนเราหมั้นกันแค่ไม่มีสินสอดทองหมั้นอะไรแค่นั้น เรามาอยู่กับเอช่วงเดือนแรกก็มีเกร็งๆบ้าง ตื่นมาก็เจอกันคือทำอะไรก็เจอกันตลอดเวลามันกลายเป็นช่วงเวลาของเราสองคน ซึ่งเราก็มีความสุขมากคะ ที่ผ่านมาช่วงเรียนเอก็มาค้างกับเราบ่อยแต่ก็ไม่ได้อยู่กันเป็นเดือนๆแบบนี้ 555+ เราเรียนจบบริหารคะ พอจบออกมาเราก็สมัครงานเลย เราได้งานทำที่บริษัทเอกชนที่หนึ่ง แต่เอเรียนจบก็รับงานอีเว้นช่วงกลางคืนที่นางเคยทำค้างช่วงเรียนต่อไป คืองานมันเหลืออีกประมาณ2-3เดือน นางอยากจะทำงานนี้ไปก่อนค่อยหางานประจำ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรคะ เคารพการตัดสินใจของเอ อีกอย่างเอก็ดูเหมือนจะชอบแนวๆนี้อยู่แล้ว จนผ่านช่วงงานอีเว้นไปประมาณ2เดือน เอยังนิ่งไม่ยอมหางาน เงินทำงานอีเว้นที่นางทำและเก็บๆก็เริ่มหดหายไปเรื่อยๆ(เราใช้เงินกระเป๋าเดียวกันคะ เวลาเราทำงานได้เงินเราจะเอาเงินมาลงคนละครึ่งของเงินเดือนให้เป็นเงินกองกลางที่ไว้ใช้จ่ายคะ) พอเราเห็นว่านางนิ่งเราก็พูดกับนาง แต่เราไม่ได้พูดแรงอะไรเลยคะ สาบานให้ตายเลย! เราพูดว่า'ตัวยังไม่อยากหางานอ่อ เนี่ยหางานได้แล้ว เดี๋ยวเค้าช่วยหาเอามั้ย' แล้วเอโมโหเราคะ นิ่งใส่เรา ไม่ยอมคุยด้วย เราก็จนปัญญาจนเพื่อนเฟสบุ๊คมาหาคะ ทำนองว่าทะเลาะอะไรกันเห็นไอเอมันโพสเฟส เราก็เข้าไปดู เอโพสว่า '

แค่ก็อยากพักจะอะไรนักหนาวะ! คนอย่างกูไม่ใช่หางานไม่ได้แต่กูไม่อยากหาเอง! ถ้าใช้เงินร่วมกันแล้วมีปัญหากูขอพ่อกูได้' คือยาวมากคะ ประมาณ4-5 บรรทัดได้ แล้วก็แบบเฮ้ย! เราไม่ได้คิดงั้นเลยนะ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เราคุยด้วย ตอนนั้นเราก็คิดว่าหรือเรากดดันอะไรนางไปอย่างไม่ตั้งใจ เราก็ใจเย็นแล้วเดินไปคุยกับนาง นางไม่คุยคะ นางเดินออกจากบ้านไปแล้วนางก็กลับบ้านนางเลย ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มาก! แบบเราผิดอะไรขนาดนั้น แม่เอก็โทรมาคุยกับเราคะ บอกให้เราใจเย็น เอเป็นลูกคนเดียวเลยถูกเลี้ยงมาแบบตามใจมาก เราก็รอ จนผ่านไป3วันเอก็กลับมา คือนางใจเย็นลงแล้ว คิดว่าพ่อนางคงคุยกับนาง (ที่เราไม่ตามไปง้อไม่ได้ใส่ใจนะคะ บ้านเอนางอยู่ต่างจังหวัด เรามีงานเราลาไม่ได้แต่เราส่งไลน์ โทรหา ง้อเอทุกวัน) เอก็อารมณ์ดีมาขอโทษเรา แล้วนางก็เริ่มที่จะหางานจริงๆ นางหางานอยู่ประมาณ1เดือนก็ยังหาไม่ได้ ด้วยจากอาชีพนางต้องสอบแข่งกันนางก็หงุดหงิด เราก็พยายามปลอบนางคะ แต่นางก็นิ่งๆใส่ เราก็ชวนนางไปเที่ยว ไปเจอเพื่อนๆนาง ไปผับกัน ให้นางหายเครียดซึ่งมันก็ได้ผลทุกครั้ง จนในที่สุดเอก็ได้งานแต่ไม่ตรงสายงานนางเท่าไหร่ พอเอเริ่มทำงานเราก็เบาใจคะจนกระทั้งพ่อของเอเริ่มมีปัญหา ท่านป่วยเป็นอัลไซเมอร์ต้องลาออกจากงาน และที่บ้านเอก็มีพ่อที่ทำงานคนเดียว รายรับก็มาจากพ่อ แต่ดีที่ท่านพอมีเงินเก็บไว้ก็เลยไม่ทำให้ต้องเดือดร้อนอะไรมากแต่เราก็จะให้ส่งเงินให้ครอบครัวเอทุกเดือนเพราะเงินเก็บเราอยากให้ใช้ยามจำเป็นจริงๆ อีกอย่างเงินเดือนเรากะเอรวมกันก็ค่อนข้างเยอะ ใช้จ่าย ส่งให้พ่อแม่เอ ส่งให้พ่อแม่เรา ก็ยังพอมีเงินที่เอามาเก็บได้
ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวและดีจนกระทั้งมีเกมมือถือเกมนึงออกมา(เราไม่โทษเกมคะ โทษคน) เอติดเกมหนักมาก เอาเงินไปซื้อของเติมเกมต่อเดือนเกือบหมื่น(เราให้เอเป็นคนถือเงิน) ตอนนั้นเราทะเลาะกันแรงมากคะ เพราะไหนจะครอบครัว ไหนจะค่าใช้จ่าย คือเอาไปซื้อของแบบนี้เราไม่ได้ห้ามแต่มันไม่ควรจะมากไป แต่ที่หนักสุดๆคือนางไม่ยอมไปทำงาน จนบริษัทเค้าเตือน นางเอาแต่นอนเล่นเกมทั้งวันทั้งคืนเลยจริงๆ ติดค่อนข้างหนักมาก เราก็พูดไม่ได้เพราะพอพูดนางก็จะบอกว่าความสุขของนาง ที่เราซื้อเครื่องสำอางนางไม่เคยบ่น! ใช่คะ! เราเป็นพวกบ้าเครื่องสำอาง เดือนนึงจะตั้งงบให้ตัวเองไม่เกิน1000ในการซื้อ แต่ของเอมันมากไป พอเราบอก เราอธิบายนางก็ไม่คุย โกรธ ทำปึงปังใส่ นางไม่คุยกับเรา4วันได้คะ เราร้องไห้ทุกคืนเลย นางทำเหมือนเราเป็นอากาศ เราเลยเลือกที่จะปรึกษาครอบครัวนาง แล้วนางก็ด่าเราคะว่าเอาเรื่องเครียดไปให้ที่บ้านนาง พ่อนางป่วยอยู่ทำไมให้ท่านรับรู้เรื่องพวกนี้ คือนางด่าเราแรงมาก ขึ้นกูใส่เลย เราร้องไห้ เราเสียใจ แต่เราไม่บอกครอบครัวเราคะ เราไม่อยากให้พ่อแม่เรามองนางไม่ดี เราหมดที่ปรึกษาจริงๆจนนึกถึงเพื่อนสนิท เราก็โทรไปคุยกับมันคะ ขอแทนชื่อว่าบี บีกับเราเป็นเพื่อนสนิทเราตอนม.ปลาย แต่ตอนเรียนมหาลัยบีไปเรียนไกลมาก เราเลยได้เจอกันน้อยมาก แต่ก็ติดต่อกันผ่านไลน์และเฟสตลอด เราโทรเฟสคุยกับบีประมาณ2ชั่วโมงได้ มันเหมือนเราได้ระบายแล้วมันสบายใจขึ้น พอสบายใจขึ้น อารมณ์เย็นขึ้นเราก็เข้าไปขอโทษนางคะ คือเราก็รู้สึกผิดที่ไปบอกที่บ้านนางเพราะพ่อนางก็ป่วยอยู่ ยังต้องเครียดเรื่องนางอีก เราตัดสินใจหันหน้าเข้าหากันและเอบอกว่าจะทำตัวให้ดีขึ้น เราก็โอเค ***คนรักกันต้องหันหน้าเข้าคุยกันนะคะ*** หลังจากนั้นเอก็ดีขึ้น ไปทำงาน ยังคงเล่นเกมและเติมเกมแต่ก็ลดลงเดือนละไม่เกิน2000บาท เรากับเอมีชีวิตที่ดีขึ้น จนกระทั้งเมื่อต้นปีที่แล้วเรากับเอวางแผนกันเรื่องงานแต่งงาน คาดว่าจะแต่งปลายปีหน้า คือมากกว่านี้ไม่ได้เพราะเอผลัดพ่อเรามาหลายครั้ง คือท่านไม่อยากให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขาที่อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง (ญาติๆเรามีพวกขี้

เยอะ 555) แต่ช่วงเดือนกุมภาปีที่แล้ว อยู่ๆเอก็ลาออกจากงานเดิม คือตอนนั้นเราโกรธมาก! เอไม่ปรึกษาอะไรเราเลย แล้วที่โกรธหนักคือเหตุผลของเอ นางอยากไปรับอีเว้นเหมือนเดิม พอดีมีงานอีเว้นเข้ามาเป็นงานยาว6เดือน คือ!! ลาออกจากงานประจำมาเอางานอีเว้นที่แค่6เดือนอ่ะนะ คิดอะไรอยู่แล้วจากนี้หลังหกเดือนก็ต้องหางานใหม่งี้หรอ! ตอนนั้นเราโกรธแบบเลือดขึ้นหน้ามาก คอนโดก็ต้องผ่อนเดือนเป็นหมื่น ไหนจะส่งให้บ้านเรา ส่งให้บ้านเอ อีก เราเครียดมากๆ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เราโกรธนางจริงๆ เราไม่คุยกับนางเลย โกรธแบบแค่เห็นหน้ายังทนไม่ได้ เรายอมรับนะว่าตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหงุดหงิดมากมายขนาดนั้น แต่เราแค่รู้สึกว่าทำไมเอไม่คิดถึงอนาคตของเราบ้าง งานอีเว้นท์สนุกก็จริง ได้เงิน1000ต่อวันก็จริง แต่เข้าใจคำว่าอีเว้นท์มั้ย มันไม่ได้มีทุกวัน ที่ทำหลักๆก็มีแค่ศุกร์กับเสาร์ 2000 บาท วันธรรมดาก็มีแต่ก็ไม่ได้มีทุกอาทิตย์ บางอาทิตย์นางได้เงินจากงานแค่8000 เอง ทิ้งเงินหลายหมื่นมาทำงาน8000 เราไม่รู้จริงๆว่าเอคิดอะไรอยู่ ถ้าเป็นเราเราไม่เอา เพื่อนเอก็บอกเรานะว่าเงินแค่นั้นแต่ซื้อความสบายใจไง แต่เข้าใจมั้ยว่ามันสบายใจแต่กูไม่สบายใจ เราไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบคนรวยหรืออะไรเลย ไม่รวยแต่ควรมีความรับผิดชอบชีวิตตัวเอง คนอื่นๆก็ได้แต่บอกให้เราใจเย็น เราก็พยายามใจเย็น พยายามมองโลกในแง่ดี แต่ไออีเว้นท์นี่แหละที่เราได้เห็นสันดานของเอ
เราก็ยังคบกับเอมาเรื่อยๆคะ ไม่ได้เลิกกัน เราก็พยายามดูแลรายรับรายจ่ายให้มันโอเค โชคดีที่เอยังมีสำนึกแบ่งเงินที่ทำงานมาช่วยเราผ่อนคอนโดด้วย ตอนนั้นเราบอกที่บ้านคะว่า1-2เดือนนี้จะส่งเงินให้น้อยลงเพราะมีรายจ่ายเยอะ ที่บ้านเราก็โอเค ตอนนั้นเป็นช่วงที่จนที่สุดในชีวิต ทำงานเงินเดือนก็ดีแต่แทบไม่ได้ใช้เพื่อความสุขเลย ผ่อนคอนโดเงินเดือนก็หมดไปครึ่งละ เราพยายามประหยัดสุดๆ ไม่ซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้าเลย ใส่เดิมๆได้เราไม่ได้เป็นพวกนักช็อปอยู่แล้ว บางเดือนก็จนมากต้องซื้อไข่ไก่มาเป็นแผง มาม่ามาเป็นลัง กินไป มาม่า ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ตุ๋น เรากับเอมีเวลาให้กันน้อยลงคะ เพราะเราทำงานหยุดวันเสาร์อาทิตย์ วันอื่นๆเราทำงานกลับมาถึงก็ค่ำ อาบน้ำและนอน ส่วนเอทำงานในวันศุกร์เสาร์ตอนกลางคืน คือวันศุกร์นางทำงานเลิกเกือบเช้า วันเสาร์กลางวันนอน พอค่ำก็ออกไปทำงาน วนเวียนกันแบบนี้ เราก็น้อยใจนะคะ ปกติเวลาเสาร์อาทิตย์เรามักจะทำกิจกรรมด้วยกันแต่ก็พยายามเข้าใจเอคะ เรารักของเราใครว่าเราโง่ตอนนั้นเรายอม เราไม่เคยไปยุ่งก่าวก่ายกับที่ทำงานเอเลย ให้อิสระเต็มที่เพราะไม่ใช่ผญ.จุกจิก จนคืนวันอาทิตย์คนหนึ่งเราหลับ(ถ้าต้องไปทำงานเราหลับตั้งแต่3-4ทุ่มคะ)และตื่นมาเข้าห้องน้ำประมาณตี3 เอหลับไปแล้วพอดีมีไลน์เข้ามาประมาณ2ตึ้งในโทรศัพท์เอ เราก็เข้าไปหยิบดู(เราไม่เคยเช็คโทรศัพท์คะ นี่ครั้งแรก) เรายังไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านแต่ในไอโฟนมันจะเด้งขึ้นมาว่า พี่เอว่าก็คิดงั้นใช่ป่าว แล้วก็ส่งสติ๊กเอกร์มา เรากดเข้าไปดูคะเพราะเห็นเป็นชื่อผญ. พอเข้าไปอ่านคือไม่มีอะไรเลยคะ=_= มีแค่น้องเค้าพิมพ์มาว่างั้นแต่ไม่มีข้อความก่อนหน้า นั้นแปลว่านางต้องลบไปก่อนจะหลับ เราก็เข้าไปดูรูปผู้หญิง เห็นเป็นน้องพริตตี้ที่ทำงานกับเอ เราเคยเจอครั้งนึง ตอนนั้นเราโกรธคะแต่ใจนิ่งมาก เก็บมือถือแล้วนอน เรานอนไม่หลับเลย คิดแต่เรื่องนั้นว่าเอนอกใจเรามั้ย ถ้าไม่ทำไมต้องลบแชท แต่เอไม่เคยนอกใจเราเลยนะ มันตีกันในหัวเรารู้ตัวอีกทีก็เช้า เราก็ไปทำงานปกติ คิดว่ากลับมาเราจะคุยกับเอ เพราะคุยกันตอนเช้าก็ไม่อยากปลุกเอ พอตอนเย็น....
ความจริงจากผู้หญิงเลวๆ
เราคบกับผู้ชายคนหนึ่งมา5ปีคะมันเป็นระยะเวลาที่นาน เราคบกันช่วงเรียนปี3 เรากับคนนั้น(ขอแทนชื่อว่าเอคะ) เรียนกันคนละคณะ แต่เรารู้จักเอผ่านรุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งที่เราสนิท เอมาจีบเราหลายเดือนมาก คือตอนแรกเราไม่ชอบเอแต่เพราะลูกตื้อของเอที่คอยมารับส่ง พาไปนู้นนี่ เราแพ้ใจตัวเอง เราก็ตกลงที่จะคบกัน ในช่วงแรกทุกอย่างดีไปหมด เอเป็นผู้ชายที่มีนิสัยเหมือนกับเราหลายอย่าง เช่น ชอบกินก๋วยเตี๋ยวเหมือนกัน(คือหลายคนคงสงสัยว่ากินก๋วยเตี๋ยวสำคัญยังไง เราชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากถึงขนาดกินได้ทั้ง3มื้อตลอด1อาทิตย์ เวลาคบกับใครเลยมักเป็นปัญหาที่เราชอบกินแต่ของเดิมๆ ที่ผ่านมามีแฟนก็เลิกไปเพราะแบบนี้ แต่เอชอบเหมือนกันเลยอยู่กันได้) เอกับเราชอบปาร์ตี้เหมือนกัน คือไปเที่ยวด้วยกันแต่แยกโต๊ะกันนั่ง เขาอยู่กับเพื่อนเขา เราก็อยู่กับเพื่อนเรา มันก็ไม่มีใครมาก้าวก่ายกัน นางก็พาเราไปเจอครอบครัวนาง บ้านเอไม่ได้ร่ำรวยอะไรเลยคะ แต่ก็ไม่ได้ลำบากอะไร พ่อกับแม่เอน่ารัก เขาก็รักเราเหมือนลูกสาวและเราก็รักท่าน เราก็พาเอไปเจอครอบครัวเราพ่อเราก็ชอบนางนะ คุยกันถูกคอ เราก็คบกันเอ มีความสุขกันมาก เราทะเลาะกันน้อยมากเลยคะ จนกระทั่งเรียนจบ เรื่องต่างๆมันเลยเกิดขึ้น
เรากับเอเรียนจบพร้อมกันและคุยกับที่บ้านว่าเราจะอยู่ด้วยกัน ซึ่งพ่อแม่เราถามว่าโอเคมั้ยก็ไม่คะ แต่เพราะเอบอกกับที่บ้านว่าปีหน้าจะขอเราแต่งงาน พ่อกับแม่เราเลยยอม ผู้ใหญ่ทั้งสองผ่านรับรู้ เหมือนเราหมั้นกันแค่ไม่มีสินสอดทองหมั้นอะไรแค่นั้น เรามาอยู่กับเอช่วงเดือนแรกก็มีเกร็งๆบ้าง ตื่นมาก็เจอกันคือทำอะไรก็เจอกันตลอดเวลามันกลายเป็นช่วงเวลาของเราสองคน ซึ่งเราก็มีความสุขมากคะ ที่ผ่านมาช่วงเรียนเอก็มาค้างกับเราบ่อยแต่ก็ไม่ได้อยู่กันเป็นเดือนๆแบบนี้ 555+ เราเรียนจบบริหารคะ พอจบออกมาเราก็สมัครงานเลย เราได้งานทำที่บริษัทเอกชนที่หนึ่ง แต่เอเรียนจบก็รับงานอีเว้นช่วงกลางคืนที่นางเคยทำค้างช่วงเรียนต่อไป คืองานมันเหลืออีกประมาณ2-3เดือน นางอยากจะทำงานนี้ไปก่อนค่อยหางานประจำ เราก็ไม่ได้ว่าอะไรคะ เคารพการตัดสินใจของเอ อีกอย่างเอก็ดูเหมือนจะชอบแนวๆนี้อยู่แล้ว จนผ่านช่วงงานอีเว้นไปประมาณ2เดือน เอยังนิ่งไม่ยอมหางาน เงินทำงานอีเว้นที่นางทำและเก็บๆก็เริ่มหดหายไปเรื่อยๆ(เราใช้เงินกระเป๋าเดียวกันคะ เวลาเราทำงานได้เงินเราจะเอาเงินมาลงคนละครึ่งของเงินเดือนให้เป็นเงินกองกลางที่ไว้ใช้จ่ายคะ) พอเราเห็นว่านางนิ่งเราก็พูดกับนาง แต่เราไม่ได้พูดแรงอะไรเลยคะ สาบานให้ตายเลย! เราพูดว่า'ตัวยังไม่อยากหางานอ่อ เนี่ยหางานได้แล้ว เดี๋ยวเค้าช่วยหาเอามั้ย' แล้วเอโมโหเราคะ นิ่งใส่เรา ไม่ยอมคุยด้วย เราก็จนปัญญาจนเพื่อนเฟสบุ๊คมาหาคะ ทำนองว่าทะเลาะอะไรกันเห็นไอเอมันโพสเฟส เราก็เข้าไปดู เอโพสว่า '
ทุกอย่างเหมือนจะลงตัวและดีจนกระทั้งมีเกมมือถือเกมนึงออกมา(เราไม่โทษเกมคะ โทษคน) เอติดเกมหนักมาก เอาเงินไปซื้อของเติมเกมต่อเดือนเกือบหมื่น(เราให้เอเป็นคนถือเงิน) ตอนนั้นเราทะเลาะกันแรงมากคะ เพราะไหนจะครอบครัว ไหนจะค่าใช้จ่าย คือเอาไปซื้อของแบบนี้เราไม่ได้ห้ามแต่มันไม่ควรจะมากไป แต่ที่หนักสุดๆคือนางไม่ยอมไปทำงาน จนบริษัทเค้าเตือน นางเอาแต่นอนเล่นเกมทั้งวันทั้งคืนเลยจริงๆ ติดค่อนข้างหนักมาก เราก็พูดไม่ได้เพราะพอพูดนางก็จะบอกว่าความสุขของนาง ที่เราซื้อเครื่องสำอางนางไม่เคยบ่น! ใช่คะ! เราเป็นพวกบ้าเครื่องสำอาง เดือนนึงจะตั้งงบให้ตัวเองไม่เกิน1000ในการซื้อ แต่ของเอมันมากไป พอเราบอก เราอธิบายนางก็ไม่คุย โกรธ ทำปึงปังใส่ นางไม่คุยกับเรา4วันได้คะ เราร้องไห้ทุกคืนเลย นางทำเหมือนเราเป็นอากาศ เราเลยเลือกที่จะปรึกษาครอบครัวนาง แล้วนางก็ด่าเราคะว่าเอาเรื่องเครียดไปให้ที่บ้านนาง พ่อนางป่วยอยู่ทำไมให้ท่านรับรู้เรื่องพวกนี้ คือนางด่าเราแรงมาก ขึ้นกูใส่เลย เราร้องไห้ เราเสียใจ แต่เราไม่บอกครอบครัวเราคะ เราไม่อยากให้พ่อแม่เรามองนางไม่ดี เราหมดที่ปรึกษาจริงๆจนนึกถึงเพื่อนสนิท เราก็โทรไปคุยกับมันคะ ขอแทนชื่อว่าบี บีกับเราเป็นเพื่อนสนิทเราตอนม.ปลาย แต่ตอนเรียนมหาลัยบีไปเรียนไกลมาก เราเลยได้เจอกันน้อยมาก แต่ก็ติดต่อกันผ่านไลน์และเฟสตลอด เราโทรเฟสคุยกับบีประมาณ2ชั่วโมงได้ มันเหมือนเราได้ระบายแล้วมันสบายใจขึ้น พอสบายใจขึ้น อารมณ์เย็นขึ้นเราก็เข้าไปขอโทษนางคะ คือเราก็รู้สึกผิดที่ไปบอกที่บ้านนางเพราะพ่อนางก็ป่วยอยู่ ยังต้องเครียดเรื่องนางอีก เราตัดสินใจหันหน้าเข้าหากันและเอบอกว่าจะทำตัวให้ดีขึ้น เราก็โอเค ***คนรักกันต้องหันหน้าเข้าคุยกันนะคะ*** หลังจากนั้นเอก็ดีขึ้น ไปทำงาน ยังคงเล่นเกมและเติมเกมแต่ก็ลดลงเดือนละไม่เกิน2000บาท เรากับเอมีชีวิตที่ดีขึ้น จนกระทั้งเมื่อต้นปีที่แล้วเรากับเอวางแผนกันเรื่องงานแต่งงาน คาดว่าจะแต่งปลายปีหน้า คือมากกว่านี้ไม่ได้เพราะเอผลัดพ่อเรามาหลายครั้ง คือท่านไม่อยากให้เป็นขี้ปากชาวบ้านเขาที่อยู่ด้วยกันก่อนแต่ง (ญาติๆเรามีพวกขี้
เราก็ยังคบกับเอมาเรื่อยๆคะ ไม่ได้เลิกกัน เราก็พยายามดูแลรายรับรายจ่ายให้มันโอเค โชคดีที่เอยังมีสำนึกแบ่งเงินที่ทำงานมาช่วยเราผ่อนคอนโดด้วย ตอนนั้นเราบอกที่บ้านคะว่า1-2เดือนนี้จะส่งเงินให้น้อยลงเพราะมีรายจ่ายเยอะ ที่บ้านเราก็โอเค ตอนนั้นเป็นช่วงที่จนที่สุดในชีวิต ทำงานเงินเดือนก็ดีแต่แทบไม่ได้ใช้เพื่อความสุขเลย ผ่อนคอนโดเงินเดือนก็หมดไปครึ่งละ เราพยายามประหยัดสุดๆ ไม่ซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้า รองเท้าเลย ใส่เดิมๆได้เราไม่ได้เป็นพวกนักช็อปอยู่แล้ว บางเดือนก็จนมากต้องซื้อไข่ไก่มาเป็นแผง มาม่ามาเป็นลัง กินไป มาม่า ไข่ต้ม ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ตุ๋น เรากับเอมีเวลาให้กันน้อยลงคะ เพราะเราทำงานหยุดวันเสาร์อาทิตย์ วันอื่นๆเราทำงานกลับมาถึงก็ค่ำ อาบน้ำและนอน ส่วนเอทำงานในวันศุกร์เสาร์ตอนกลางคืน คือวันศุกร์นางทำงานเลิกเกือบเช้า วันเสาร์กลางวันนอน พอค่ำก็ออกไปทำงาน วนเวียนกันแบบนี้ เราก็น้อยใจนะคะ ปกติเวลาเสาร์อาทิตย์เรามักจะทำกิจกรรมด้วยกันแต่ก็พยายามเข้าใจเอคะ เรารักของเราใครว่าเราโง่ตอนนั้นเรายอม เราไม่เคยไปยุ่งก่าวก่ายกับที่ทำงานเอเลย ให้อิสระเต็มที่เพราะไม่ใช่ผญ.จุกจิก จนคืนวันอาทิตย์คนหนึ่งเราหลับ(ถ้าต้องไปทำงานเราหลับตั้งแต่3-4ทุ่มคะ)และตื่นมาเข้าห้องน้ำประมาณตี3 เอหลับไปแล้วพอดีมีไลน์เข้ามาประมาณ2ตึ้งในโทรศัพท์เอ เราก็เข้าไปหยิบดู(เราไม่เคยเช็คโทรศัพท์คะ นี่ครั้งแรก) เรายังไม่ได้เปิดเข้าไปอ่านแต่ในไอโฟนมันจะเด้งขึ้นมาว่า พี่เอว่าก็คิดงั้นใช่ป่าว แล้วก็ส่งสติ๊กเอกร์มา เรากดเข้าไปดูคะเพราะเห็นเป็นชื่อผญ. พอเข้าไปอ่านคือไม่มีอะไรเลยคะ=_= มีแค่น้องเค้าพิมพ์มาว่างั้นแต่ไม่มีข้อความก่อนหน้า นั้นแปลว่านางต้องลบไปก่อนจะหลับ เราก็เข้าไปดูรูปผู้หญิง เห็นเป็นน้องพริตตี้ที่ทำงานกับเอ เราเคยเจอครั้งนึง ตอนนั้นเราโกรธคะแต่ใจนิ่งมาก เก็บมือถือแล้วนอน เรานอนไม่หลับเลย คิดแต่เรื่องนั้นว่าเอนอกใจเรามั้ย ถ้าไม่ทำไมต้องลบแชท แต่เอไม่เคยนอกใจเราเลยนะ มันตีกันในหัวเรารู้ตัวอีกทีก็เช้า เราก็ไปทำงานปกติ คิดว่ากลับมาเราจะคุยกับเอ เพราะคุยกันตอนเช้าก็ไม่อยากปลุกเอ พอตอนเย็น....