หลายคนพอรู้ว่าจะต้องสอบหรืออยากจะสอบแข่งขัน ก็มักจะมองหาหนังสือเตรียมสอบจากสำนักติว หรือเข้าติว
กับสำนักติว ทุกวันนี้น้อยคนนักที่จะพยายามเรียบเรียงเนื้อหาที่ใช้สอบเอง หรือไม่ก็มักจะมีคำถามตาม Page
Group หรือ WebBoard งานราชการต่างๆ ทำนองว่า
"มีแนวไหม?"
"มีข้อสอบเก่าไหม?"
"มีหนังสือที่จะแนะนำไหม?"
ซึ่งมันล้วนแต่เป็นทางลัด ทุกคนล้วนอยากได้ แต่มันจะทำให้เราขาดความเข้าใจในเนื้อหาที่จะสอบอย่างแท้จริง
ผมตระเวนสอบมาหลายสนามแต่ไม่เคยคิดที่จะซื้อหนังสือเตรียมสอบ เข้าติว หรือหาแนวข้อสอบเก่ามาอ่านเลย
เพราะ
1. หนังสือเตรียมสอบส่วนใหญ่ คือการประมวลกฎหมายหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมาให้ และอาจไม่เป็นปัจจุบัน
ในส่วนของข้อสอบนั้น จริงๆ เป็นความลับ ก็ไม่ทราบว่าเป็นการเก็งเองของผู้จัดทำ หรือมันรั่วออกมา ดังนั้น
แทนที่จะเสียเงินเสียทองไปซื้อหนังสือ ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ Download กฎหมายและระเบียบ
ที่เกี่ยวข้องมาไว้อ่านในคอมหรือมือถือก็ได้
2. สำนักติวเขาก็ไม่ได้รู้หรอกว่าข้อสอบจะออกตรงไหนบ้าง สิ่งที่เขาทำได้คือการเก็งข้อสอบ เพื่อป้อนข้อมูล
ใส่สมองของเราให้ได้มากที่สุด คือให้จำแบบ Shortcut ซึ่งหลายๆ คนอาจจะขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
ในเนื้อหาของกฎหมาย หากเจอข้อสอบท่องจำก็ดีไป แต่เจอข้อสอบวิเคราะห์รับรองจอดไม่ต้องแจว
3. ข้อสอบเก่า ก็คือของเก่า สอบหนหน้าถ้าไม่จนตรอกจริงๆ เขาคงไม่ออกซ้ำๆ เรื่องเดิมเป๊ะๆ การอ่านข้อสอบเก่า
มากเกินไป อาจจะสร้างความเคยชินจนเราตีกรอบความคิดตัวเองว่ามันน่าจะออกอย่างนี้อย่างนั้น บางครั้งพอไปเจอ
ข้อสอบที่มันเหมือนเป็นหนังคนละม้วน ก็เงิบและท้อใจฝ่อห่อเหี่ยวไปเอง
ส่วนวิธีการอ่านหนังสือนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล คนนี้ใช้วิธีนี้อาจจะ Work แต่กับบางคนอาจจะไม่
ซึ่งผมใช้วิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้แล้วมันประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ จึงอยาก Share ประสบการณ์ครับ
1. Download กฎหมาย ระเบียบ ที่อยู่ในหลักสูตรการสอบ จาก Website ของหน่วยงาน หรือหากไม่มีการ
Update อาจหาเพิ่มเติมได้จาก Website ของราชกิจจานุเบกษา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/RKJ/announce/search.jsp
2. ได้มาแล้วทำยังไง? ก็อ่านก่อนรอบแรกโดยไม่ต้องพะวงหรือเสียเวลากับจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ พูดง่ายๆ
ว่าให้อ่านผ่านๆ ก่อน เพื่อดูว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ให้เรารู้ Concept คร่าวๆ
3. อ่านซ้ำอีกรอบพร้อมทั้งจดครับ ใช่ครับ "จด" หากเคยได้ยินคำว่า "จดจำ" ก็จะได้รู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริง
ของมันคราวนี้แหละ ว่าการจดมันช่วยให้จำได้ดีขึ้นจริงๆ โดยการจดนี้เราก็จดไปพยายามให้ได้ทุกตัวอักษรครับ
อาจจะปวดมือบ้าง เปลืองกระดาษเปลืองดินสอไปบ้าง ก็ให้พยายามผ่านไปให้ได้ครับ
4. อ่านสิ่งที่เราจดไว้ แล้วจดย่ออีกครั้งให้เป็น Keyword ในเรื่องนั้นๆ ครับ แบบว่าพอเห็นคำๆ นี้ปุ๊บ มันจะแตก
เนื้อหาส่วนที่เหลือออกมาอย่างกับเราใช้โปรแกรม Winrar แตก File บีบอัดในคอมกันเลยทีเดียว เพื่อง่ายแก่
การจัดเก็บข้อมูลในสมองของเราให้เป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบครับ
5. สร้าง Mind Map ในแบบของเราตาม Keyword ที่เราจดย่อไว้ เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน และผล
ที่จะตามมาของเรื่องนั้นๆ
ถ้าทำอย่างนี้ได้ และอ่านได้ครอบคลุมเนื้อหาทุกอย่างจริงๆ เวลาไปเจอข้อสอบ เราจะนั่งยิ้มอย่างมีความสุขครับ
ถึงจะไม่ได้เต็มร้อยๆ แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต่ำว่า 60% แน่ๆ (ซึ่งผ่านข้อเขียน)
อ้อ แล้วช่วงเวลาที่อ่านก็สำคัญครับ ส่วนตัวเริ่มอ่านตอนตี 3 เนื่องจากคนอื่นๆ ยังหลับ มีความเงียบพอสมควร
และเนื่องจากเราเพิ่งตื่น สมองจึงยังไม่เมื่อยล้า ถ้าอ่านในช่วงที่ใช้กำลังกายกำลังใจมาทั้งวันแล้ว เนื้อหาอาจจะ
ไม่ค่อยเข้าสมองครับ
มีวิธีการอ่านหนังสือเตรียมสอบ (ไม่เฉพาะงานราชการ) ของตัวเองมาฝาก
กับสำนักติว ทุกวันนี้น้อยคนนักที่จะพยายามเรียบเรียงเนื้อหาที่ใช้สอบเอง หรือไม่ก็มักจะมีคำถามตาม Page
Group หรือ WebBoard งานราชการต่างๆ ทำนองว่า
"มีแนวไหม?"
"มีข้อสอบเก่าไหม?"
"มีหนังสือที่จะแนะนำไหม?"
ซึ่งมันล้วนแต่เป็นทางลัด ทุกคนล้วนอยากได้ แต่มันจะทำให้เราขาดความเข้าใจในเนื้อหาที่จะสอบอย่างแท้จริง
ผมตระเวนสอบมาหลายสนามแต่ไม่เคยคิดที่จะซื้อหนังสือเตรียมสอบ เข้าติว หรือหาแนวข้อสอบเก่ามาอ่านเลย
เพราะ
1. หนังสือเตรียมสอบส่วนใหญ่ คือการประมวลกฎหมายหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้องมาให้ และอาจไม่เป็นปัจจุบัน
ในส่วนของข้อสอบนั้น จริงๆ เป็นความลับ ก็ไม่ทราบว่าเป็นการเก็งเองของผู้จัดทำ หรือมันรั่วออกมา ดังนั้น
แทนที่จะเสียเงินเสียทองไปซื้อหนังสือ ใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ Download กฎหมายและระเบียบ
ที่เกี่ยวข้องมาไว้อ่านในคอมหรือมือถือก็ได้
2. สำนักติวเขาก็ไม่ได้รู้หรอกว่าข้อสอบจะออกตรงไหนบ้าง สิ่งที่เขาทำได้คือการเก็งข้อสอบ เพื่อป้อนข้อมูล
ใส่สมองของเราให้ได้มากที่สุด คือให้จำแบบ Shortcut ซึ่งหลายๆ คนอาจจะขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
ในเนื้อหาของกฎหมาย หากเจอข้อสอบท่องจำก็ดีไป แต่เจอข้อสอบวิเคราะห์รับรองจอดไม่ต้องแจว
3. ข้อสอบเก่า ก็คือของเก่า สอบหนหน้าถ้าไม่จนตรอกจริงๆ เขาคงไม่ออกซ้ำๆ เรื่องเดิมเป๊ะๆ การอ่านข้อสอบเก่า
มากเกินไป อาจจะสร้างความเคยชินจนเราตีกรอบความคิดตัวเองว่ามันน่าจะออกอย่างนี้อย่างนั้น บางครั้งพอไปเจอ
ข้อสอบที่มันเหมือนเป็นหนังคนละม้วน ก็เงิบและท้อใจฝ่อห่อเหี่ยวไปเอง
ส่วนวิธีการอ่านหนังสือนั้น จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องส่วนบุคคล คนนี้ใช้วิธีนี้อาจจะ Work แต่กับบางคนอาจจะไม่
ซึ่งผมใช้วิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้แล้วมันประสบความสำเร็จเป็นส่วนใหญ่ จึงอยาก Share ประสบการณ์ครับ
1. Download กฎหมาย ระเบียบ ที่อยู่ในหลักสูตรการสอบ จาก Website ของหน่วยงาน หรือหากไม่มีการ
Update อาจหาเพิ่มเติมได้จาก Website ของราชกิจจานุเบกษา
http://www.ratchakitcha.soc.go.th/RKJ/announce/search.jsp
2. ได้มาแล้วทำยังไง? ก็อ่านก่อนรอบแรกโดยไม่ต้องพะวงหรือเสียเวลากับจุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษ พูดง่ายๆ
ว่าให้อ่านผ่านๆ ก่อน เพื่อดูว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ให้เรารู้ Concept คร่าวๆ
3. อ่านซ้ำอีกรอบพร้อมทั้งจดครับ ใช่ครับ "จด" หากเคยได้ยินคำว่า "จดจำ" ก็จะได้รู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริง
ของมันคราวนี้แหละ ว่าการจดมันช่วยให้จำได้ดีขึ้นจริงๆ โดยการจดนี้เราก็จดไปพยายามให้ได้ทุกตัวอักษรครับ
อาจจะปวดมือบ้าง เปลืองกระดาษเปลืองดินสอไปบ้าง ก็ให้พยายามผ่านไปให้ได้ครับ
4. อ่านสิ่งที่เราจดไว้ แล้วจดย่ออีกครั้งให้เป็น Keyword ในเรื่องนั้นๆ ครับ แบบว่าพอเห็นคำๆ นี้ปุ๊บ มันจะแตก
เนื้อหาส่วนที่เหลือออกมาอย่างกับเราใช้โปรแกรม Winrar แตก File บีบอัดในคอมกันเลยทีเดียว เพื่อง่ายแก่
การจัดเก็บข้อมูลในสมองของเราให้เป็นสัดส่วนและเป็นระเบียบครับ
5. สร้าง Mind Map ในแบบของเราตาม Keyword ที่เราจดย่อไว้ เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน และผล
ที่จะตามมาของเรื่องนั้นๆ
ถ้าทำอย่างนี้ได้ และอ่านได้ครอบคลุมเนื้อหาทุกอย่างจริงๆ เวลาไปเจอข้อสอบ เราจะนั่งยิ้มอย่างมีความสุขครับ
ถึงจะไม่ได้เต็มร้อยๆ แต่อย่างน้อยๆ ก็ไม่ต่ำว่า 60% แน่ๆ (ซึ่งผ่านข้อเขียน)
อ้อ แล้วช่วงเวลาที่อ่านก็สำคัญครับ ส่วนตัวเริ่มอ่านตอนตี 3 เนื่องจากคนอื่นๆ ยังหลับ มีความเงียบพอสมควร
และเนื่องจากเราเพิ่งตื่น สมองจึงยังไม่เมื่อยล้า ถ้าอ่านในช่วงที่ใช้กำลังกายกำลังใจมาทั้งวันแล้ว เนื้อหาอาจจะ
ไม่ค่อยเข้าสมองครับ