คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
เราค่ะ ประสบการณ์ตรง เราให้นมลูกถึงเกือบ 4 ขวบค่ะ เคยคิดจะเลิกเพื่อเตรียมความพร้อมลูกจะเข้าเรียน แต่แม่ใจไม่แข็งพอค่ะ อันนี้ยอมรับ
จนมาประมาณเค้าได้ 3 ขวบกว่า เข้ารร.ชั้น อ.1 ก็ยังเข้าเต้าอยู่ ติดหนักมากชนิดที่เรียกว่า ขึ้นรถปุ๊บ ขอกินปั๊บ จนเราแทบจะทนไม่ไหว คือน้ำนมยังมีค่ะ แต่ก็มีน้อยแล้ว ดูดเหมือนไม่ได้หิวอะไร ดูดเพราะความเคยชิน ดูดจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง แม่งี้เบื่อและเจ็บหัวนมมากๆ จนแม่มั่นใจแล้วว่าถ้าลูกจะเลิกก็เลิกได้ ฉะนั้นแม่เลยไม่ห่วงเวลาไปรร.ว่าจะร้องกินนมเพราะหิว ก็คือเวลาไปรร.นี่ไม่กิน อยู่ได้ ไม่ร้อง ไม่ถาม แต่เวลากลับมาก็ดูดก่อนนอนทุกคืน
จุดเปลี่ยนอยู่ที่ช่วงเค้าใกล้ 4 ขวบ แม่เกิดมีน้อง แต่ก็ยังไม่ได้ให้ลูกเลิกอะไร จนไปฝากท้องคุณหมอบอกว่าต้องเลิกเพราะถ้าไม่เลิกเวลาเค้าดูดนม มดลูกจะบีบตัว ทำให้น้องในท้องหลุดได้ เราก็เลยพูดบอกทั้งพ่อและลูกสาวให้ได้ยินพร้อมกันเลยว่า หมอบอกมาว่างี้ๆๆนะ ไม่งั้นน้องจะไม่อยู่กับเรา
ไม่น่าเชื่อว่าลูกสาวเค้าเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด คืนนั้นพอกลับไปถึงบ้าร ไม่เคยขอกินนมอีกเลยค่ะ เค้ากลัวจะไม่มีน้อง แต่สุดท้ายก็หลุดจริงๆ เพราะเราท้องลม ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ที่ลูกสาวเลิกเต้าได้แบบไม่มีการเสียน้ำตากันเลยค่ะ
หวังว่าจะมีประโยชน์กับจขกท.บ้างนะคะ
ปล. เราคุณแม่ full time เช่นกันค่ะ
จนมาประมาณเค้าได้ 3 ขวบกว่า เข้ารร.ชั้น อ.1 ก็ยังเข้าเต้าอยู่ ติดหนักมากชนิดที่เรียกว่า ขึ้นรถปุ๊บ ขอกินปั๊บ จนเราแทบจะทนไม่ไหว คือน้ำนมยังมีค่ะ แต่ก็มีน้อยแล้ว ดูดเหมือนไม่ได้หิวอะไร ดูดเพราะความเคยชิน ดูดจนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง แม่งี้เบื่อและเจ็บหัวนมมากๆ จนแม่มั่นใจแล้วว่าถ้าลูกจะเลิกก็เลิกได้ ฉะนั้นแม่เลยไม่ห่วงเวลาไปรร.ว่าจะร้องกินนมเพราะหิว ก็คือเวลาไปรร.นี่ไม่กิน อยู่ได้ ไม่ร้อง ไม่ถาม แต่เวลากลับมาก็ดูดก่อนนอนทุกคืน
จุดเปลี่ยนอยู่ที่ช่วงเค้าใกล้ 4 ขวบ แม่เกิดมีน้อง แต่ก็ยังไม่ได้ให้ลูกเลิกอะไร จนไปฝากท้องคุณหมอบอกว่าต้องเลิกเพราะถ้าไม่เลิกเวลาเค้าดูดนม มดลูกจะบีบตัว ทำให้น้องในท้องหลุดได้ เราก็เลยพูดบอกทั้งพ่อและลูกสาวให้ได้ยินพร้อมกันเลยว่า หมอบอกมาว่างี้ๆๆนะ ไม่งั้นน้องจะไม่อยู่กับเรา
ไม่น่าเชื่อว่าลูกสาวเค้าเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด คืนนั้นพอกลับไปถึงบ้าร ไม่เคยขอกินนมอีกเลยค่ะ เค้ากลัวจะไม่มีน้อง แต่สุดท้ายก็หลุดจริงๆ เพราะเราท้องลม ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ที่ลูกสาวเลิกเต้าได้แบบไม่มีการเสียน้ำตากันเลยค่ะ
หวังว่าจะมีประโยชน์กับจขกท.บ้างนะคะ
ปล. เราคุณแม่ full time เช่นกันค่ะ
แสดงความคิดเห็น
ลูก3ขวบแล้ว ยังติดเต้า และกำลังจะไปรร.ทำยังไงดีคะ
แต่ปัญหาตอนนี้คือลูกยังติดเต้าอยู่เลยค่ะ กินนมแม่จากเต้าล้วนๆ100% นมปั้มก็ไม่กินนะคะ ปั๊มให้กินสดๆก็บ้วนทิ้ง นมวัวรสจืดกินได้บ้างแบบจิบๆค่ะ แล้วก็ไม่ยอมกิน ส่วนนมอื่น นมถั่ว นมแพะ นมข้าว นมข้าวโพด บรัยค่ะ.....ไม่กินซักอย่าง แต่แม่ไม่ซีเรียสว่าจะต้องเอานมอื่นมาแทนนะคะ ตั้งใจว่าถ้าเลิกนมแม่ละก็ จะไม่กินนมอื่นเลยก็ไม่เป็นไร กินอาหารครบ5หมู่ก็พอ
อ่าว....ออกทะเลอีกละ กลับเข้าประเด็นก่อนค่ะ คือลูกสาวเค้าติดเต้ามาก ต้องดูดเต้าถึงจะหลับได้ เคยพยายามจะลองเลิกนะคะ แต่เค้าร้องไห้หนักมาก เป็นอยู่หลายอาทิตย์ ร้องไห้จนหลับไป ฝันก็ยังละเมอว่า 'แม่ขอกินนมหน่อยค่ะๆๆๆ' โถ่ลูก......แม่นี่ใจจะขาดค่ะ แล้วเค้าเริ่มมีพฤติกรรมถดถอย จากที่ฉี่เป็นที่ เข้าห้องน้ำเองได้ไม่ฉี่ราดมาจะเกือบปี ก็เริ่มฉี่ราดบ่อยขึ้น ระหว่างการเลิกเต้า เลยเขียนอีเมลไปปรึกษาคุณหมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ คุณหมอก็แนะนำสั้นๆความว่า 'ยังเลิกไม่ได้ก็อย่าเพิ่งเลิก เลิกแล้วเสียสุขภาพจิต อะไรที่จะดีกับสุขภาพจิตเด็กในระยะยาวมากกว่า' เลยต้องมานั่งคุยกับคุณพ่อเค้าว่า เราทำร้ายลูกเกินไปมั้ย เราจะทำยังไงกันดีให้นุ่มนวลที่สุด เลยนั่งหาข้อมูลเรื่องเลิกเต้าเพื่อไปรร. ก็ได้ไปอ่านบทความจองคุณหมอสุธีราเรื่องนี้พอดี คุณหมอเล่าประสบการณ์ที่ลูกไปรร.2คน คุณหมอไม่ได้แนะนำให้เลิกเต้าก่อน แต่ให้เด็กไปรร.แล้วให้ค่อยๆปรับตัว อ่านแล้วฟังดูดีมากค่ะ คุณพ่อกับแม่ก็เห็นด้วย
ว่าการที่ลูกจะต้องไปรร.มันคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับลูกครั้งนึง ก็ไม่อยากหักหาญริดรอนทุกอย่างที่ลูกเคยมีเคยเป็นไปซะหมด เชื่อว่าการที่เค้ายังได้ดูดเต้าต่อไปจะช่วยให้ลูกปรับตัวกับทุกอย่างได้ง่ายขึ้น อยากให้กินนมไปเรื่อยๆ จนกว่าเค้าจะเลิกไปเองค่ะ
ทั้งหมดทั้งมวลที่เล่ามา แม่ก็ยังมีความกังวลใจว่า สิ่งที่ป้าหมอเขียนเล่ามามันเป็นไปได้จิงมั้ย และมีใครเคยทำรึป่าว
แม่คนไหนดคนทำแล้วสำเร็จ รบกวนมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังหน่อยนะคะ