***คำเตือน กระทู้นี้ไม่เน้นสาระหรือรูปสวยงาม เน้นบรรยายยาวๆแบบไดอารี่รวมๆเกี่ยวกับการไปเที่ยวกันกับครอบครัวนะคะ
............ความทรงจำเกี่ยวกับสิงคโปร์ตอนเด็กๆ คือ
" อย่าไปเลย ไม่มีอะไรให้เที่ยว แม่น้ำเล็กเท่าคลองบ้านเรา กับมีสวนนก เสียดายตังค์…."
…เป็นคำบอกเล่าของคุณป้าที่รู้จักท่านนึงที่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อราว 10 ปีก่อน ทำให้ไม่ว่าเพื่อนๆ จขกท. จะไปเช็คอินกี่ครั้งกับเมอร์ไลอ้อน ดิชั้นก็ไม่สนใจใดๆ เคยคุยกับพ่อแม่ว่าอนาคตมีเงินอยากพอไปแบ็คแพคยุโรป แต่คงจะพาไปใกล้ๆอย่างสิงคโปร์ก่อน พ่อแม่ยังส่ายหัว 555 บอกว่าไปทำไมไม่มีอะไร
….แต่จุดเริ่มต้นเกิดจากบ่ายวันอาทิตย์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พี่สาวของจขกท.คุยกันเล่นๆว่าอยากพาไปเที่ยวตปท.กันซักครั้ง แต่ให้ไปญี่ปุ่นก็คงหมดตัว เอาไงดี งั้นไปสิงคโปร์ดีกว่าไปกันทั้งบ้านยังไปญี่ปุ่นคนเดียวยังไม่ได้เลย ตอนแรกพี่เค้าก็กังวลว่า เอิ่ม พ่อแม่จะยอมไปมั้ยนะ แต่ดิชั้นคิดว่าถ้าไปฟรีมีคนออกงบให้ยังไงก็ไป 555 ปุปปับกดตั๋ว Lionair ไป 23/02-16/02 ได้ไม่แพง ซื้อล่วงหน้า 3 อาทิตย์ ได้ขานึงเฉลี่ย 1,607 บาท (กดกันหลายรอบมาก เพราะถ้ากด 4 คนจะไม่ได้โปร ต้องกดแยกคน) ทริปนี้จึงเกิดขึ้น
เราสรุปยอดเงินผิด จริงๆต้องคนละ 9,000 นิดๆค่ะ ถ้าไม่นับรวมราคาตั๋วจาก ตจว.มากทม ถูกว่าหมื่นอีก!!!
Part ก่อนไป เตรียมตัวอะไรกันบ้าง (ข้ามได้สำหรับคนที่อยากข้ามไปวันเที่ยวเลย)
= อื้อหือ ตื่นเต้น 5555 นั่งอ่านแท็กสิงคโปร์หัวโต วันๆไม่ทำอะไร พออ่านๆซัก 10 กระทู้เราจะเริ่มจับทางได้ว่าตรงไหนเป็นตรงไหน ขอเล่าแบ็คกราวน์นิดนึงเพื่ออรรถรสเรื่องครอบครัว (ต่อในสปอย)
รูปธนบัตรก๊อปมาจากกูเกิ้ลใบ ตม. ,ก้อปมาจาก Emagtravel เว็บนี้ข้อมูลดี, แปลงค่าเงินพิมพ์เอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประสบการณ์เที่ยว ตปท. : เราพ่อแม่ลูก 4 คน คุณพ่อกับ จขกท.ไม่เคยไปต่างประเทศเลย ยกเว้นกัมพูชากับลาวตรงชายแดน คุณแม่เคยไปอินเดียกับคณะดูงานสั้นๆประมาณ 10 ปีก่อน พี่สาวเคยไปญี่ปุ่นกับทัวร์และสิงคโปร์กับเพื่อน นั่นหมายถึง เรามีคนเคยไปและคุ้นชินกับการเที่ยวจริงๆ 1 คน สำหรับ passport เราเคยทำไว้แล้วทุกคน เผื่อปุปปับได้เที่ยว เลยได้เที่ยวจริงๆ 555
ประสบการณ์เที่ยวในประเทศ : ไปบ่อยขับรถเที่ยวเอง เปิด GPS กินง่ายอยู่ง่าย ไม่เน้นหรู เคยพอพ่อแม่นอนโฮสเทลในกรุงเทพมาก่อน เคยขึ้นเครื่องบินกันปีละ 3-4 ครั้ง
สุขภาพ : พ่อแม่วัยใกล้เกษียณ ออกกำลังกายเกือบทุกวัน เดินความชัน 15 ความเร็ว 5 วันละชั่วโมง แข็งแรงกว่าลูกมาก จขกท.เองปกติไม่ค่อยออกกำลังกาย ก็ไปเดินสลับวิ่งฟิตล่วงหน้า 2 อาทิตย์
สกิลภาษาอังกฤษ : พี่สาวใช้ภาษาได้ค่อนข้างดี ดิชั้นพอเอาตัวรอด คุณพ่อคุณแม่พอได้กล้อมแกล้ม อ่านป้ายรถไฟออก ไปซื้อกาแฟทานเองได้ค่ะ
เตรียมตัวกันยังไงบ้าง : เรื่องว่าจะไปเที่ยวที่ไหนพ่อแม่แล้วแต่เรากับพี่ค่ะ พาไปไหนก็ไป พอถามว่าอยากให้พาไปไหนพิเศษไหน ท่านก็เงียบๆ พี่สาวเองยังบอกว่า เออนี่ จริงๆเค้าอยากไปเที่ยวกับเรามั้ย555 (แต่เบื้องหลังคือ คุณแม่บอกว่า คุณพ่ออ่านพันทิป แล้วเล่าให้แม่ฟังทุกวันไม่หยุดหย่อน 555) นอกจากแพลนเที่ยวแล้ว ก็หาข้อมูลอื่นๆ เช่น บทสนทนาการผ่านตม. ตัวอย่างเหรียญและธนบัตร ทำตารางเปรียบเทียบค่าเงินไทยกับสิงคโปร์ ส่วนข้าวของ เนื่องจากพ่อแม่กังวลว่าอาหารจะแพง รวมถึงอยากมีส่วนร่วมในการออกเงิน ท่านจึงขนกล่องมหาสมบัติอาหารไปด้วยแบบเต็มกระเป๋า 24 นิ้ว กินทุกมื้อก็ไม่หมด อาทิ มาม่า 20 ซอง ข้าวจานพร้อมทาน 12 จาน โจ้ก 10 ซอง กับข้าวพร้อมทาน (เน้นเผ็ดๆ เช่น คั่วกลิ้ง ห่อหมก แตงกวาดอง ปลาสลิดโรยข้าว) แครกเกอร์ทูน่า เวเฟอร์ น้ำผึ้ง นมข้นหวาน โกโก้ โอวัลติน กาแฟชง พี่สาวก็บอกว่านี่ไม่ได้จะพาไปเข้าป่านะ555 ส่วนดิชั้นก็รู้สึกว่าเยอะไป แต่คิดว่าตามใจพ่อแม่ แบบที่เค้าสบายใจแล้วกัน เราแลกเงินกันไป 1300 เหรียญ (1 เหรียญ เกือบ 25 บาท แลกที่Superrich สีส้ม bts สยาม) (เผื่อจ่ายค่าโฮสเทลแล้ว) ส่วนอีกเรื่องที่เรากังวลมากคือ ที่สูบบุหรี่ เพราะคุณพ่อสูบบุหรี่ ได้ข่าวว่าห้ามสูบเต็มไปหมด ถึงขั้นไปตั้งกระทู้ถามในห้องบลูมา ซึ่งคนตอบก็บอกว่าหลักๆ ให้สังเกตว่าเค้าสูบกันตรงไหน ให้สูบตรงนั้นได้ ราคาบุหรี่ 300-350 บาท
Part วันเดินทาง : ก่อนถึง-ถึงสิงคโปร์
จขกท นัดเจอกันพ่อแม่ ช่วง11 โมงที่สนามบินดอนเมือง (เรื่องฮาคือ ก่อนหน้าพี่สาวเข้าใจว่าต้องไปสุวรรณภูมิ ดีที่เรามาประชุมกันก่อน ไม่งั้นบันเทิงแน่ๆ) พ่อแม่นั่งเครื่องบินมาจากต่างจังหวัดมารอแล้ว สีหน้าดูมีความสุขและตื่นเต้นมาก รู้สึกความสุขปกคลุมราวกับวันรับปริญญาพี่น้องนี่ก็ไม่ปาน 555 แม้ว่าจขกท.จะมาช้าเพราะต้องรอปริ้นเอกสาร พ่อแม่กินข้าวกันแล้วที่ฟู้ดคอร์ตชั้น 2 ราคาถูกมาก ส่วนดิชั้นซื้อข้าวกล่องร้าน Dao กาแฟทาน 60 บาท (แนะนำเลย มีให้เลือกหลายอย่าง มีที่นั่งกิน ขายน้ำเปล่าขวดละ 10 บาท ชั้น 1 ใต้บันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปเซเว่น อาคาร 2) เครื่องออก 16.05 เราไปเช็คอินกันตั้งแต่บ่ายสองกว่า เช็คอินเหมือนบินในประเทศเลย ที่ต่างคือ ใช้ passport กับ เราจะได้ใบ ขาออก ตม. สีฟ้ามา เรายืนเขียนกันแถวๆเคาน์เตอร์เช็คอินเลย ความวุ่นวายเบาๆเริ่มจากจุดนี้ คุณพ่อคุณแม่ปกติทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย จึงใช้เวลาในการกรอกค่อนข้างมาก เขียนผิดไปใบนึงต้องไปขอใหม่ ท้ายสุดพี่สาวเลยเขียนให้แทน แล้วให้เค้าเซ็นตอนท้ายลงลายมือเท่านั้น
(ทริคที่ 1 : เวลาจองตั๋วเครื่องบิน ไม่ว่าจะจองรวมหรือจองแยก ให้คนๆเดียวเป็นคนจอง ใส่อีเมลล์ไปที่คนเดียว เพื่อการจัดการที่ง่าย + จดรหัสสำคัญ )
(ทริคที่ 2 : เรื่องเขียน/กรอกเอกสารภาษาอังกฤษ ที่พ่อแม่ไม่ถนัด ถ้าอันไหนเราช่วยทำแทนได้หรือท่านไม่ได้อยากทำเอง ก็ทำแทนเถอะ จดเลขพาสปอร์ต ตัวสะกดภาษาอังกฤษชื่อจริง ที่อยู่ วันเดือนปีเกิดแยกไว้ จะได้กรอกง่ายๆ ไม่ต้องพลิกทีละคน ถ้าเอาตัวอย่างการกรอกเอกสารอะไรมาก็ปริ้นเตรียมไว้เลย สะดวกกว่าลอกจากมือถือ)
ตอนเค้าไปในตม.ขาออก ไม่น่ากลัวอะไร เข้าช่อง ASEAN คุณตำรวจประทับตราดังโป๊กกก สแกนของเหลว จบ เจอดิวตี้ฟรีด้านใน ตื่นตาตื่นใจมากไม่เคยเห็น 555 ไปขึ้นเครื่องตามเวลา ใช้เวลาบิน 2.30 ชั่วโมง จขกท.กับพี่สาว ซื้อชาเขียวอู่หลงบุญรอดกับขนมกล้วยตากไส้มะขามกิน (60+60 บาท) ฟินมาก ส่วนคุณแม่สั่งกาแฟดริปแบล็คแคนย่อน (100 บาท) หอมสะท้านเครื่องบิน
(ทริคที่ 3 : เผื่อสตังค์ไว้ซื้อขนมบนเครื่องบินให้ตัวเองและพ่อแม่บ้าง มันอาจจะดูแพงเรทราวกับโรงหนัง แต่นานๆทีเพื่อความบันเทิงแก้เบื่อ เราว่าจ่ายเถอะ นานๆเราได้มาเที่ยวกันที)
Part วันแรกเมื่อมาเหยียบสิงคโปร์
สนาบินชางฮี สวยงามตามคำร่ำลือและได้รางวัล มาถึงปั๊บวิ่งหาห้องน้ำทันที สะอาดมากๆ จากนั้นเราแวะนั่งแบ่งเงินกันเล็กน้อยและแจกใบป้องกันภัยจากตม. 555 (ประกอบด้วย แพลนการเที่ยว ใบจองที่พัก ปริ้นจากเว็บ booking และ ใบบุ๊คกิ้งแสดงการซื้อตั๋วไป-กลับ)เผื่อตม.ขอดู บรรยากาศพื้นปูด้วยพรมเดินสบาย เจอคุณตาวัยเกษียณขี่รถเก็บรถเข็น มีรถเข็นเด็กให้บริการ มีถังขยะแยกประเภท มีเก้าอี้นวดฟรี รอบตัวมีคนหลากหลายเชื้อชาติ จีน ฝรั่ง แขก คนผิวสี ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกคือ เหมือนอยู่ในสนามบินในหนังเลยอ่ะ เราหาป้ายเข้าเมืองตามทางเลื่อนไปเรื่อยๆ ด่านแรกที่เราจะเจอคือ ตม.
เรายืนเขียนใบตม.กันที่นั่น จะมีเคาน์เต้อร์เล็กๆให้ (ที่จริงเขียนบนเครื่องแล้ว แต่เขียนกันผิด ไม่รู้จะเอาชื่อจริงหรือนามสกุลขึ้นก่อน ต้องทำกากบาทหรือเครื่องหมายถูก (สรุปคือ ใช้เครื่องหมายถูก และเขียนชื่อบรรทัดบน เขียนนามสกุลบรรทัดล่าง)) เขียนเสร็จไปเข้าแถว
จากที่อ่านรีวิวมา ผู้หญิงไทยวัยสาวเป็นบุคคลที่จะถูกเพ่งเล็งมาก ว่าจะมาประกอบอาชีพที่นี่ จากเป็นคนทำหน้าบึ้งและวิตกกังวลตลอดอยู่แล้ว ดิชั้นก็ยิ่งหน้าเครียดขึ้นไปอีกระดับ555 (แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเราไม่ดีนะ555) ยิ่งตอนแรกนัดกันว่าให้เข้าช่องเดียวกัน เค้าจะได้รู้ว่ามาด้วยกัน แต่คุณพ่อแกมั่นใจ ไปยืนช่องข้างๆ ดิชั้นก็ยิ่งเครียด สุดท้าย ทุกคนผ่านหมดโดยไม่โดนถามอะไรมีแต่จขกท.ที่โดน ถามว่า ฮาว เมนี่ เดย์ส์ (มาอยู่กี่วัน) ตอบไปห้วนๆว่า โฟร์ เดย์ (4 วัน)
ขั้นตอนคือ ไปยืนเข้าคิวหลังเส้นสีแดง พอเขาเรียก ราก็เข้าไปยืนตรงเคาน์เตอร์ ยื่นpassportกับใบเข้าเมืองสีแดง เค้าจะมองหน้าเราแว้บนึง ให้เราเอานิ้วโป้งสองข้างสแกนกับเครื่อง เสร็จแล้วเขาจะคืนให้เรา ซึ่งพอตม.กดประตูให้ผ่าน แทบจะชูมือและกระโดดดีใจตรงนั้น โอ้ยย รอดแล้วเฟ้ยยยย นึกว่าจะยากกว่านี้ ใช้เวลาตั้งงแต่ยื่นpassport จนผ่านประมาณ 3 นาที จากนั้นไปเอากระเป๋าที่โหลด ลากกระเป๋าออกมาทางช่องสีเขียวไม่มีของต้องสำแดง นั่งพักกันด้านนนอก มาถึงสนามบินทุ่มครึ่ง แต่กว่าจะออกมากได้ เวลาปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้วเริ่มหิว จึงควักขนมปังฮอดด๊อกเซเว่นจากประเทศไทยที่ตอนนี้อยู่ในสภาพบู้บี้ขึ้นมาแจกทานรองท้องกันก่อน (ขนมไม่มีของเหลวพกใส่กระเป๋ามาได้ ส่วนน้ำเราซื้อจากร้าน boots ตอนเข้าเกทมาแล้ว ยังเหลือ เลยใส่กระเป๋าถือมาด้วย) อิ่มแล้วเดินตามป้าย train to city เพื่อขึ้นรถไฟฟ้า mrt เข้าเมืองกัน
สิงคโปร์..พาพ่อแม่Backpackเที่ยวตปท.ครั้งแรก 4 วัน 3 คืน นอนโฮสเทล ไม่เข้าUSS ไม่ช้อปปิ้ง ไม่ไปวัด คนละหมื่นนิดๆ
............ความทรงจำเกี่ยวกับสิงคโปร์ตอนเด็กๆ คือ " อย่าไปเลย ไม่มีอะไรให้เที่ยว แม่น้ำเล็กเท่าคลองบ้านเรา กับมีสวนนก เสียดายตังค์…."
…เป็นคำบอกเล่าของคุณป้าที่รู้จักท่านนึงที่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับการไปเที่ยวสิงคโปร์เมื่อราว 10 ปีก่อน ทำให้ไม่ว่าเพื่อนๆ จขกท. จะไปเช็คอินกี่ครั้งกับเมอร์ไลอ้อน ดิชั้นก็ไม่สนใจใดๆ เคยคุยกับพ่อแม่ว่าอนาคตมีเงินอยากพอไปแบ็คแพคยุโรป แต่คงจะพาไปใกล้ๆอย่างสิงคโปร์ก่อน พ่อแม่ยังส่ายหัว 555 บอกว่าไปทำไมไม่มีอะไร
….แต่จุดเริ่มต้นเกิดจากบ่ายวันอาทิตย์ต้นเดือนกุมภาพันธ์ พี่สาวของจขกท.คุยกันเล่นๆว่าอยากพาไปเที่ยวตปท.กันซักครั้ง แต่ให้ไปญี่ปุ่นก็คงหมดตัว เอาไงดี งั้นไปสิงคโปร์ดีกว่าไปกันทั้งบ้านยังไปญี่ปุ่นคนเดียวยังไม่ได้เลย ตอนแรกพี่เค้าก็กังวลว่า เอิ่ม พ่อแม่จะยอมไปมั้ยนะ แต่ดิชั้นคิดว่าถ้าไปฟรีมีคนออกงบให้ยังไงก็ไป 555 ปุปปับกดตั๋ว Lionair ไป 23/02-16/02 ได้ไม่แพง ซื้อล่วงหน้า 3 อาทิตย์ ได้ขานึงเฉลี่ย 1,607 บาท (กดกันหลายรอบมาก เพราะถ้ากด 4 คนจะไม่ได้โปร ต้องกดแยกคน) ทริปนี้จึงเกิดขึ้น
เราสรุปยอดเงินผิด จริงๆต้องคนละ 9,000 นิดๆค่ะ ถ้าไม่นับรวมราคาตั๋วจาก ตจว.มากทม ถูกว่าหมื่นอีก!!!
= อื้อหือ ตื่นเต้น 5555 นั่งอ่านแท็กสิงคโปร์หัวโต วันๆไม่ทำอะไร พออ่านๆซัก 10 กระทู้เราจะเริ่มจับทางได้ว่าตรงไหนเป็นตรงไหน ขอเล่าแบ็คกราวน์นิดนึงเพื่ออรรถรสเรื่องครอบครัว (ต่อในสปอย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จขกท นัดเจอกันพ่อแม่ ช่วง11 โมงที่สนามบินดอนเมือง (เรื่องฮาคือ ก่อนหน้าพี่สาวเข้าใจว่าต้องไปสุวรรณภูมิ ดีที่เรามาประชุมกันก่อน ไม่งั้นบันเทิงแน่ๆ) พ่อแม่นั่งเครื่องบินมาจากต่างจังหวัดมารอแล้ว สีหน้าดูมีความสุขและตื่นเต้นมาก รู้สึกความสุขปกคลุมราวกับวันรับปริญญาพี่น้องนี่ก็ไม่ปาน 555 แม้ว่าจขกท.จะมาช้าเพราะต้องรอปริ้นเอกสาร พ่อแม่กินข้าวกันแล้วที่ฟู้ดคอร์ตชั้น 2 ราคาถูกมาก ส่วนดิชั้นซื้อข้าวกล่องร้าน Dao กาแฟทาน 60 บาท (แนะนำเลย มีให้เลือกหลายอย่าง มีที่นั่งกิน ขายน้ำเปล่าขวดละ 10 บาท ชั้น 1 ใต้บันไดเลื่อนที่จะขึ้นไปเซเว่น อาคาร 2) เครื่องออก 16.05 เราไปเช็คอินกันตั้งแต่บ่ายสองกว่า เช็คอินเหมือนบินในประเทศเลย ที่ต่างคือ ใช้ passport กับ เราจะได้ใบ ขาออก ตม. สีฟ้ามา เรายืนเขียนกันแถวๆเคาน์เตอร์เช็คอินเลย ความวุ่นวายเบาๆเริ่มจากจุดนี้ คุณพ่อคุณแม่ปกติทำงานก็ใช้แต่ภาษาไทย จึงใช้เวลาในการกรอกค่อนข้างมาก เขียนผิดไปใบนึงต้องไปขอใหม่ ท้ายสุดพี่สาวเลยเขียนให้แทน แล้วให้เค้าเซ็นตอนท้ายลงลายมือเท่านั้น
(ทริคที่ 1 : เวลาจองตั๋วเครื่องบิน ไม่ว่าจะจองรวมหรือจองแยก ให้คนๆเดียวเป็นคนจอง ใส่อีเมลล์ไปที่คนเดียว เพื่อการจัดการที่ง่าย + จดรหัสสำคัญ )
(ทริคที่ 2 : เรื่องเขียน/กรอกเอกสารภาษาอังกฤษ ที่พ่อแม่ไม่ถนัด ถ้าอันไหนเราช่วยทำแทนได้หรือท่านไม่ได้อยากทำเอง ก็ทำแทนเถอะ จดเลขพาสปอร์ต ตัวสะกดภาษาอังกฤษชื่อจริง ที่อยู่ วันเดือนปีเกิดแยกไว้ จะได้กรอกง่ายๆ ไม่ต้องพลิกทีละคน ถ้าเอาตัวอย่างการกรอกเอกสารอะไรมาก็ปริ้นเตรียมไว้เลย สะดวกกว่าลอกจากมือถือ)
ตอนเค้าไปในตม.ขาออก ไม่น่ากลัวอะไร เข้าช่อง ASEAN คุณตำรวจประทับตราดังโป๊กกก สแกนของเหลว จบ เจอดิวตี้ฟรีด้านใน ตื่นตาตื่นใจมากไม่เคยเห็น 555 ไปขึ้นเครื่องตามเวลา ใช้เวลาบิน 2.30 ชั่วโมง จขกท.กับพี่สาว ซื้อชาเขียวอู่หลงบุญรอดกับขนมกล้วยตากไส้มะขามกิน (60+60 บาท) ฟินมาก ส่วนคุณแม่สั่งกาแฟดริปแบล็คแคนย่อน (100 บาท) หอมสะท้านเครื่องบิน
(ทริคที่ 3 : เผื่อสตังค์ไว้ซื้อขนมบนเครื่องบินให้ตัวเองและพ่อแม่บ้าง มันอาจจะดูแพงเรทราวกับโรงหนัง แต่นานๆทีเพื่อความบันเทิงแก้เบื่อ เราว่าจ่ายเถอะ นานๆเราได้มาเที่ยวกันที)
สนาบินชางฮี สวยงามตามคำร่ำลือและได้รางวัล มาถึงปั๊บวิ่งหาห้องน้ำทันที สะอาดมากๆ จากนั้นเราแวะนั่งแบ่งเงินกันเล็กน้อยและแจกใบป้องกันภัยจากตม. 555 (ประกอบด้วย แพลนการเที่ยว ใบจองที่พัก ปริ้นจากเว็บ booking และ ใบบุ๊คกิ้งแสดงการซื้อตั๋วไป-กลับ)เผื่อตม.ขอดู บรรยากาศพื้นปูด้วยพรมเดินสบาย เจอคุณตาวัยเกษียณขี่รถเก็บรถเข็น มีรถเข็นเด็กให้บริการ มีถังขยะแยกประเภท มีเก้าอี้นวดฟรี รอบตัวมีคนหลากหลายเชื้อชาติ จีน ฝรั่ง แขก คนผิวสี ถ้าจะให้อธิบายความรู้สึกคือ เหมือนอยู่ในสนามบินในหนังเลยอ่ะ เราหาป้ายเข้าเมืองตามทางเลื่อนไปเรื่อยๆ ด่านแรกที่เราจะเจอคือ ตม.
เรายืนเขียนใบตม.กันที่นั่น จะมีเคาน์เต้อร์เล็กๆให้ (ที่จริงเขียนบนเครื่องแล้ว แต่เขียนกันผิด ไม่รู้จะเอาชื่อจริงหรือนามสกุลขึ้นก่อน ต้องทำกากบาทหรือเครื่องหมายถูก (สรุปคือ ใช้เครื่องหมายถูก และเขียนชื่อบรรทัดบน เขียนนามสกุลบรรทัดล่าง)) เขียนเสร็จไปเข้าแถว
จากที่อ่านรีวิวมา ผู้หญิงไทยวัยสาวเป็นบุคคลที่จะถูกเพ่งเล็งมาก ว่าจะมาประกอบอาชีพที่นี่ จากเป็นคนทำหน้าบึ้งและวิตกกังวลตลอดอยู่แล้ว ดิชั้นก็ยิ่งหน้าเครียดขึ้นไปอีกระดับ555 (แม้ว่ารูปร่างหน้าตาเราไม่ดีนะ555) ยิ่งตอนแรกนัดกันว่าให้เข้าช่องเดียวกัน เค้าจะได้รู้ว่ามาด้วยกัน แต่คุณพ่อแกมั่นใจ ไปยืนช่องข้างๆ ดิชั้นก็ยิ่งเครียด สุดท้าย ทุกคนผ่านหมดโดยไม่โดนถามอะไรมีแต่จขกท.ที่โดน ถามว่า ฮาว เมนี่ เดย์ส์ (มาอยู่กี่วัน) ตอบไปห้วนๆว่า โฟร์ เดย์ (4 วัน)
ขั้นตอนคือ ไปยืนเข้าคิวหลังเส้นสีแดง พอเขาเรียก ราก็เข้าไปยืนตรงเคาน์เตอร์ ยื่นpassportกับใบเข้าเมืองสีแดง เค้าจะมองหน้าเราแว้บนึง ให้เราเอานิ้วโป้งสองข้างสแกนกับเครื่อง เสร็จแล้วเขาจะคืนให้เรา ซึ่งพอตม.กดประตูให้ผ่าน แทบจะชูมือและกระโดดดีใจตรงนั้น โอ้ยย รอดแล้วเฟ้ยยยย นึกว่าจะยากกว่านี้ ใช้เวลาตั้งงแต่ยื่นpassport จนผ่านประมาณ 3 นาที จากนั้นไปเอากระเป๋าที่โหลด ลากกระเป๋าออกมาทางช่องสีเขียวไม่มีของต้องสำแดง นั่งพักกันด้านนนอก มาถึงสนามบินทุ่มครึ่ง แต่กว่าจะออกมากได้ เวลาปาเข้าไปสองทุ่มกว่าแล้วเริ่มหิว จึงควักขนมปังฮอดด๊อกเซเว่นจากประเทศไทยที่ตอนนี้อยู่ในสภาพบู้บี้ขึ้นมาแจกทานรองท้องกันก่อน (ขนมไม่มีของเหลวพกใส่กระเป๋ามาได้ ส่วนน้ำเราซื้อจากร้าน boots ตอนเข้าเกทมาแล้ว ยังเหลือ เลยใส่กระเป๋าถือมาด้วย) อิ่มแล้วเดินตามป้าย train to city เพื่อขึ้นรถไฟฟ้า mrt เข้าเมืองกัน