"ทำไม ? จึงเอาตำรวจมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อย่างเร่งด่วน ทั้งยังเป็นตำรวจที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร เท่ากับ “อธิบาย” ต่อ “เป้าหมาย” ของปฏิบัติการ ใช่หรือไม่ ?
เสียงวิพากษ์จากชาวพุทธ ทำไม? ต้องเปลี่ยนจากฆราวาส ตำรวจ ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ
"ทำไม ? จึงเอาตำรวจมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อย่างเร่งด่วน ทั้งยังเป็นตำรวจที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร
เท่ากับ “อธิบาย” ต่อ “เป้าหมาย” ของปฏิบัติการ ใช่หรือไม่ ?
อาจเป็นเพราะว่าคดีที่ พระเทพญาณมหามุนี ถูกออกหมายจับ คือคดีอันเกี่ยวกับการฟอกเงิน คือคดีอันเกี่ยวกับการรับของโจร จึงจำเป็นต้องเอา “ตำรวจ” มาแทนที่ “ฆราวาส”
ขณะเดียวกัน อาจเป็นเพราะคดีความที่มีมากกว่า 300 คดี ในที่สุดแล้วก็จะรวมศูนย์ไปยังเรื่องของภาษีอากรอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น จึงจำเป็นต้องเอา “ตำรวจ” ที่เชี่ยวชาญในเรื่อง “ภาษีอากร” ใช่หรือไม่ ?
ในที่สุดแล้วคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 12/2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนองรับต่อคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 5/2560 ทำให้ “ปฏิบัติการ” มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ใช่หรือไม่ ?
เรื่องทั้งหมดนี้ “เจ้ากระทรวง” ยุติธรรมน่าจะรู้ดีที่สุด ใช่หรือไม่ ?
อย่าลืมว่าก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ถามว่าก่อนเป็น “รัฐมนตรี” เคยเป็นอะไร
คำตอบที่รับรู้กันโดยทั่วไปก็คือ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
ถามว่าเมื่อเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลอะไร
นอกเหนือจากกำกับดูแลงานของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ อันเป็นความสันทัดเดิมแล้ว งานสำคัญ 1 ก็คือ กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาวัดพระธรรมกาย เป็นต้น
ตรงนี้แหละที่ “มูลเชื้อ” ให้ต้องมีคำสั่งตาม “มาตรา 44” ใช่หรือไม่ ?
อดีตผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ นายพนม ศรศิลป์
ต้องยอมรับว่า ท่วงทำนองของ นายพนม ศรศิลป์ ไม่สอดรับกับสถานการณ์ดุเด็ดเผ็ดมันในการเข้าไปจัดการกับ พระเทพญาณมหามุนี ใช่หรือไม่ ?
เพราะไม่เฉียบขาด เข้มแข็งอย่างพอเพียง ใช่หรือไม่ ?
ท่าทีอันมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยุค นายพนม ศรศิลป์ ถูก “เหล่” จากกรมสอบสวนคดีพิเศษนานมาแล้ว ใช่หรือไม่?
ตั้งแต่กรณี “รถหรู” ยันกรณี “ธรรมกาย” ใช่หรือไม่ ?
เพราะว่าเป็นท่าทีที่นุ่มนวลเมื่อประสบเข้ากับคดี “รถหรู” เพราะว่าเป็นท่าทีที่นุ่มนวล เกรงบัวจะช้ำ เกรงน้ำจะขุ่นเมื่อปะเข้ากับคดี พระเทพญาณมหามุนี
ทำให้แผน “เผด็จศึก” วัดพระธรรมกายไม่เป็นไปตาม ”เป้า” ใช่หรือไม่ ?
การเปลี่ยนตัว “ผู้อำนวยการ” สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติครั้งนี้จึงมีผลโดยตรงต่อเรื่อง “ธรรมกาย” ใช่หรือไม่ ?
นับจากนี้เป็นต้นไป บทบาทของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะทวีความเข้มมากยิ่งขึ้น ทำให้การจัดการต่อ พระเทพญาณมหามุนี และ โดยเฉพาะต่อวัดพระธรรมกายเฉียบขาดมากยิ่งขึ้น
เพราะว่า “ดีเอสไอ” เข้าไปกำกับ “พศ.” โดยตรง ใช่หรือไม่ ????
กระดิ่งช่อฟ้า
1 มี.ค.60 เวลา 01.50 น.
เสียงวิพากษ์จากชาวพุทธ ทำไม? ต้องเปลี่ยนจากฆราวาสให้ตำรวจเป็น ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
เสียงวิพากษ์จากชาวพุทธ ทำไม? ต้องเปลี่ยนจากฆราวาส ตำรวจ ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ
"ทำไม ? จึงเอาตำรวจมาเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) อย่างเร่งด่วน ทั้งยังเป็นตำรวจที่เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการสำนักคดีภาษีอากร
เท่ากับ “อธิบาย” ต่อ “เป้าหมาย” ของปฏิบัติการ ใช่หรือไม่ ?
อาจเป็นเพราะว่าคดีที่ พระเทพญาณมหามุนี ถูกออกหมายจับ คือคดีอันเกี่ยวกับการฟอกเงิน คือคดีอันเกี่ยวกับการรับของโจร จึงจำเป็นต้องเอา “ตำรวจ” มาแทนที่ “ฆราวาส”
ขณะเดียวกัน อาจเป็นเพราะคดีความที่มีมากกว่า 300 คดี ในที่สุดแล้วก็จะรวมศูนย์ไปยังเรื่องของภาษีอากรอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้พ้น จึงจำเป็นต้องเอา “ตำรวจ” ที่เชี่ยวชาญในเรื่อง “ภาษีอากร” ใช่หรือไม่ ?
ในที่สุดแล้วคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 12/2560 มีวัตถุประสงค์เพื่อสนองรับต่อคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 5/2560 ทำให้ “ปฏิบัติการ” มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ใช่หรือไม่ ?
เรื่องทั้งหมดนี้ “เจ้ากระทรวง” ยุติธรรมน่าจะรู้ดีที่สุด ใช่หรือไม่ ?
อย่าลืมว่าก่อนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ถามว่าก่อนเป็น “รัฐมนตรี” เคยเป็นอะไร
คำตอบที่รับรู้กันโดยทั่วไปก็คือ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ
ถามว่าเมื่อเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลอะไร
นอกเหนือจากกำกับดูแลงานของสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ อันเป็นความสันทัดเดิมแล้ว งานสำคัญ 1 ก็คือ กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ซึ่งทำงานเกี่ยวข้องโดยตรงกับปัญหาวัดพระธรรมกาย เป็นต้น
ตรงนี้แหละที่ “มูลเชื้อ” ให้ต้องมีคำสั่งตาม “มาตรา 44” ใช่หรือไม่ ?
อดีตผอ.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ นายพนม ศรศิลป์
ต้องยอมรับว่า ท่วงทำนองของ นายพนม ศรศิลป์ ไม่สอดรับกับสถานการณ์ดุเด็ดเผ็ดมันในการเข้าไปจัดการกับ พระเทพญาณมหามุนี ใช่หรือไม่ ?
เพราะไม่เฉียบขาด เข้มแข็งอย่างพอเพียง ใช่หรือไม่ ?
ท่าทีอันมาจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยุค นายพนม ศรศิลป์ ถูก “เหล่” จากกรมสอบสวนคดีพิเศษนานมาแล้ว ใช่หรือไม่?
ตั้งแต่กรณี “รถหรู” ยันกรณี “ธรรมกาย” ใช่หรือไม่ ?
เพราะว่าเป็นท่าทีที่นุ่มนวลเมื่อประสบเข้ากับคดี “รถหรู” เพราะว่าเป็นท่าทีที่นุ่มนวล เกรงบัวจะช้ำ เกรงน้ำจะขุ่นเมื่อปะเข้ากับคดี พระเทพญาณมหามุนี
ทำให้แผน “เผด็จศึก” วัดพระธรรมกายไม่เป็นไปตาม ”เป้า” ใช่หรือไม่ ?
การเปลี่ยนตัว “ผู้อำนวยการ” สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติครั้งนี้จึงมีผลโดยตรงต่อเรื่อง “ธรรมกาย” ใช่หรือไม่ ?
นับจากนี้เป็นต้นไป บทบาทของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะทวีความเข้มมากยิ่งขึ้น ทำให้การจัดการต่อ พระเทพญาณมหามุนี และ โดยเฉพาะต่อวัดพระธรรมกายเฉียบขาดมากยิ่งขึ้น
เพราะว่า “ดีเอสไอ” เข้าไปกำกับ “พศ.” โดยตรง ใช่หรือไม่ ????
กระดิ่งช่อฟ้า
1 มี.ค.60 เวลา 01.50 น.