
เชื่อว่าไม่มีใครรู้และนึกถึง ตอนฉันอยู่เมืองไทยก็ไม่เคยคิดไม่เคยสังเกต จนมาเจอกับตัวจัง ๆ ตอนอยู่เมืองนอกเมืองนานี่แหละถึงได้รู้ได้เห็นกระจ้างแจ้งเสียที ว่าทำไมน้อง ๆ เด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ถึงไม่มีใครอุปการะไปดูแล
ชั่วชีวิตตุ๊ดฉันโดนย้ำหนักย้ำหนาว่า "
หล่อนจะไม่มีคู่ครอง หล่อนจะต้องตายลำพัง" แต่ฉันอยากมีผัว และฉันต้องมีผัว ฉันต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเองให้ได้ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นี่คือปณิธาน ฉันเลยทิ้งทุกอย่างบินมาอเมริกา มาหาโอกาส มาหาความรักที่อาจเป็นไปได้ โชคดีเพราะในที่สุดสหรัฐฯ เขาประกาศอนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้โดยได้รับสิทธิทุกอย่างเช่นคู่สมรสต่างเพศอย่างเท่าเทียม อยู่ไปอยู่มาร่วมห้าปี ฉันกับสามีก็อยากมีลูก
ถามว่าทำไมอยากมีลูก แหม.....คนเรามันอยู่ด้วยกัน สร้างบ้านสร้างครัวเสร็จมันก็จบไป แต่การสร้างคนคือความรับผิดชอบตลอดชีวิตร่วมกันของคู่ครอง ฉันเห็นว่าสามีและฉันมีความมั่นคงทางอารมณ์ มีทัศนคติ มีเวลาทุ่มเทและความรู้เพียงพอที่จะอบรมสั่งสอน สามารถทำให้เด็กอยู่ดี เป็นคนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าให้กับสังคมได้ในอนาคต
การที่กายภาพของคู่สมรสเพศเดียวกันไม่สามารถให้กำเนิดทายาทตามธรรมชาติได้ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถเป็นผู้ปกครอง ให้ความคุ้มครองปลอดภัยต่อเด็กเสียเมื่อไหร่ เราก็เลยจะรับบุตรบุญธรรม ครั้งแรกที่คิด เราตั้งใจเลยว่าคนแรกที่จะยื่นโอกาสให้คือเด็ก ๆ ในสถานกำพร้าที่ประเทศเกิดเรา ประเทศไทย
“
เมิงจะเอาเด็กไปเลี้ยงเป็นผัวเหรอ?”
“
เดี๋ยวเด็กก็เป็นตุ๊ดตามเมิงหรอก ทำบาปทำกรรม”
“
ขนาดพ่อแม้แท้ ๆ มันยังทำร้ายลูกกันได้ลงคอ นี่เมิงไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แถมเป็นตุ๊ด มันจะเหลือเหรอ?”
ระหว่างพ่อข่มขืนลูกในสายเลือด พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยงตัวเอง และเด็กชายที่โดนพ่อตุ๊ดบุญธรรมข่มขืน สถิติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสัดส่วนเท่าไหร่ คดีไหนเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่ากัน กี่ข่าวกี่ครั้งกันที่พ่อแม่ทำร้ายร่างกายเด็กไม่ว่าในสายเลือดหรือลูกเลี้ยง ที่สำคัญพ่อแม่ตุ๊ดทุกนางล้วนเป็นชายจริงหญิงแท้ ทำไมลูกตุ๊ดยังคงเป็นตุ๊ด เพศพ่อเพศแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพศของลูก
นี่คือที่มาว่าทำไมการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความรู้คือแสงสว่างส่องทางชีวิต
ไม่นานเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนติดต่อกลับมา “
ทาง ( ชื่อสถานเด็กกำพร้า ) ไม่มีนโยบายให้คู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมไปอุปการะค่ะ เราต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กค่ะ”
ประเทศที่มีอคติต่อการรับบุตรบุญธรรมจนเกิดสุภาษิต “
เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” โอกาสของเด็ก ๆ พวกนี้มีเท่าไหร่ในสังคมที่จะถูกรับอุปการะ ? เด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ต้องการของเล่นและกินข้าวหมูแดงจากผู้บริจาครายวัน มากกว่าต้องการครอบครัว ความรัก ความเอาใจใส่ ความปลอดภัยและโอกาสทางการศึกษาเป็นของตัวเอง Individually อย่างงี้ใช่ไหม ความหมายของสิ่งที่ดีที่สุดของบ้านเด็กกำพร้าในเมืองไทย ??
“
ทำไมเมิงไม่อด๊อปเด็กฝรั่งล่ะ ง่ายกว่าเยอะ”
เรื่องง่าย ๆ ใคร ๆ ก็อยากทำ แต่พอนึกถึงกองศพทารกที่วางเกลื่อนวัดไผ่เงิน ข่าวแม่ทิ้งลูกแทงลูกลงถังขยะยังปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวี่วันฉันก็ตัดใจไม่สาระแนไม่ลง
สามปีผ่านไป ฉันกลับมาตั้งสติใหม่ ครั้งนี้คิดว่าหากผ่านสถานเด็กกำพร้าโดยตรงคงไม่มีทางแน่ งั้นลองรับบุตรบุญธรรมแบบยกให้กันเองดีกว่า น่าจะพอมีความเป็นไปได้
การจะเจอแม่เด็กผู้เปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีจนพร้อมสละลูกตัวเองหลังคลอดให้ครอบครัวตุ๊ดอย่างเราไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะหาเจอ เราก็สัมภาษณ์พูดคุยกันหัวฟูวุ่นวายมาก
พอได้อะไรครบ เราก็ต้องมาดำเนินตามขั้นตอนตามกฎหมาย
Hague Convention ป้องกันการค้ามนุษย์และขโมยเด็กข้ามชาติ ซึ่งมี 76 ประเทศเข้าร่วม บ้านเราที่อเมริกาก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ตรวจประวัติอาชญกรรมผ่านแฟ้ม FBI นู้นนี้นี้นั่น เมื่อถึงคำถามว่าเราจะรับเด็กมาจากประเทศไหน พอบอกไปว่าประเทศไทย เจ้าหน้าที่ถึงกับส่ายหน้าขอให้เราเปลี่ยนประเทศเพราะด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรม ประเทศไทยจั่วหัวห้ามคู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมออกนอกประเทศเด็ดขาด ไม่เหมือนคู่สมรสชายหญิง นึกอยากรับหลาน รับบุตรบุญธรรมขึ้นมาเลี้ยงที่เมืองนอกก็ทำได้เลย
เหตุผลเพราะนิยามของคู่สมรสไทยคือระหว่างชายและหญิงเท่านั้น ต่อให้ผู้ประสงค์อุปการะจะเป็นญาติ หรือเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดผู้มีอำนาจแท้จริงในการปกครองบุตร แต่เมื่อจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศกับเพศเดียวกันแล้ว ถือว่าผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการรับบุตรบุญธรรม (
น้องคาร์เมนเป็นบุตรทางสายเลือด ใช้ร่างอุ้มบุญเป็นยานแม่มาเกิดที่ไทย ไม่นับ ไม่เข้าข่ายบุตรบุญธรรม)
ตาสว่างทันที ปัญหาการรับบุตรบุญธรรมทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะกฎหมายแต่งงานเสียงั้น!!
“
เมิงอยากมีลูกอยากมีครอบครัว เมิงก็หย่ากับผัวแล้วไปแต่งงานทำลูกกับผู้หญิงสิ”
จิตใจคนพูดประโยคนี้ทำด้วยอะไร เติบโตมาจากสภาพแวดล้อมครอบครัวแบบไหนกันศีลธรรมจริยธรรมถึงได้ล้มเหลวแบบนี้ โกหกตัวเองและโกหกผู้อื่นเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวต้องการ ทำไมผู้คนจึงถึงเห็นคำโกหกเป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ในสังคม แต่การซื่อสัตย์กับตนเองและผู้อื่นคือสิ่งด่างพร้อยและไม่สมควรได้รับการยินยอมอนุญาต การโกหกคือบาปพวกหล่อนเคยได้ยินมั้ย?
ทั้ง ๆ ที่ปัญหามันเห็นทนโท้คาตา ว่าตุ๊ดจะไม่ลำบากต้องหาทางคิดคดฉ้อโกงอะไรเลยหากกฎหมายปฏิบัติต่อตุ๊ดอย่างเท่าเทียมเช่นชายจริงหญิงแท้
---------------------- กฎหมายสมรสใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ----------------------
คำถามคือ
1. มีคู่รักหรือครอบครัวไหนบ้างที่จะหย่าร้างเลิกกันเพราะตุ๊ดแต่งงานรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ ?
2. มีใครตายไหม หากตุ๊ดแต่งงานรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ ?
3. ตุ๊ดแต่งงานรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ ส่งผลให้ยางพาราราคาตก น้ำท่วมฉับพลันและนำประเทศเข้าสู่สงคราม มีไหม ?
การที่กฎหมายเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มหนึงอย่างไม่เท่าเทียม มันคือการให้สัญญานต่อชุมชนและสังคมว่าคนกลุ่มนี้พึงรังแกเบียดเบียนได้ สามารถริดรอน กีดกันและขัดขวางคนกลุ่มนี้ได้โดยปราศจากโทษและความผิดทั้งทางกฎหมายและศีลธรรม
"
หากกฎหมายให้ตุ๊ดรับบุตรบุญธรรมได้ เด็กที่โดนอุปการะจะต้องโดนอะไรจากสังคมที่ไม่ยอมรับบ้าง?"
ก่อนปี 2534 ผู้คนเรียกคนแขนขาดขาขาดว่าไอ้ด้วน ไอ้กุดแต่พอกฎหมายส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเริ่มบังคับใช้ ไป ๆ มา ๆ หลังปี 2550 เราก็ไม่เรียกคนพิการเหล่านั้นว่าไอ้ด้วนไอ้เป๋อีก แม้กระทั้งที่จอดรถคนพิการเรายังไปแย่งจอดไม่ได้ ทุกคนทำงานได้เช่นคนปรกติ หลายคนไม่เคยรู้เลยว่าครั้งหนึ่งสังคมเคยมีรีแอคท์และทัศนคติแบบนี้ต่อคนพิการ นี่ไงค่ะกฎหมายมันถึงสำคัญ
การเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมโดยกฎหมายต่อเพศที่สามหนนี้ มันไม่ได้มีผลต่อตุ๊ดอย่างเดียว มันมีผลต่อเด็กตาดำ ๆ ที่แม่ผู้ให้กำเนิดไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ไม่ว่าทั้งนอกหรือในสถานสงเคราะห์ คู่สมรสต่างชาติเพศเดียวกันที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ ตุ๊ดไทยที่แต่งงานอยู่กินในเมืองนอกไม่อาจมีโอกาสเข้ามาช่วยเหลือและรับไปดูแล เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับภาครัฐฯ ได้เลย
สมัยเด็ก ๆ เราเล่นเป็นคุณหมอ เล่นแต่งงาน เล่นพ่อแม่ลูกกัน เพราะมันเป็นบันไดชีวิต เป็นหนทางการเติบโตของมนุษย์ที่ผูกติดกับบทบาททางเพศจนนึกสนุกอยากเลียนแบบ แต่การเป็นตุ๊ด มันไม่มีบทบาทที่แฝงมากับเพศให้เล่น ให้คาดเดาได้เลย เล่นเป็นคุณหมอเพื่อน ๆ ก็กีดกันบอกว่าไม่มีหมอที่ไหนเป็นตุ๊ด เธอต้องเป็นคนไข้สิ เธอต้องมารักษาเพราะเป็นเอดส์ เล่นพ่อแม่ลูก เพื่อนก็บอกไม่มีพ่อเป็นตุ๊ดแม่เป็นตุ๊ด เธอต้องเล่นเป็นลูก ไม่ก็ไม่ต้องเล่น พอจะเล่นแต่งงานก็ไม่ได้อีก เป็นตุ๊ดเธอจะคู่กับใคร ไม่มีใครแต่งงานกับตุ๊ด เธอเล่นเป็นบาทหลวงแล้วกัน
สุดท้ายตุ๊ดไม่มีบันไดชีวิตให้ไต่เต้ารับผิดชอบให้ Accomplish แถมโดนกำหนดบทบาทให้เพศที่สามทำหน้าที่เพียงทำงาน ปาร์ตี้ บี้ผู้ชาย จ่ายภาษี เอาตัวเองให้รอดเพียงคนเดียวก็พอ
วิทยาการยังมีการคิดค้น งานวิเคราะห์งานศึกษายังมีปรับปรุงอัพเดท ดังนั้น มันไม่เหมาะสมเลยที่เราจะยังใช้ความเชื่อหรือความเป็นอยู่ในอดีตร่วมร้อยปี มาออกอำนาจตัดสินผู้คนในยุคสมัยปัจจุบัน ตุ๊ดไม่ได้เป็นผู้ป่วยทางจิต ไม่ได้ผิดธรรมชาติ รักร่วมเพศเกิดขึ้นกับสัตว์ทุกสายพันธ์บนโลกใบนี้ เด็กที่ถูกเลี้ยงดูโดยคู่รักหรือคู่สมรสเพศเดียวกันไม่ได้มีศักยภาพและความฉลาดทางอารมณ์ต้อยต่ำหรือแตกต่างจากเด็ก ๆ ที่ถูกเลี้ยงดูโดยคู่รักต่างเพศชาย-หญิงแต่อย่างใด การผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า เราต้องแยกให้ออกระหว่างการผสมพันธ์ุกับการเลี้ยงดู
ผสมพันธ์ุอาจเป็นหน้าที่ของชายจริงหญิงแท้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคู่จะมีความสามารถ มีความพร้อมหรือต้องการเป็นผู้ปกครองที่ดีได้
การเลี้ยงดูปกครองที่ดี ไม่ว่าจะวัยไหน เพศอะไรสามารถทำได้หากผู้นั้นมีความรับผิดชอบ มีความมั่นคงทางอารมณ์และแรงกาย แรงทรัพย์เพียงพอ
บอกมาให้ชัดถ้อยชัดคำไปเลยว่าตุ๊ดไม่เหมาะสม ไม่ถือเป็นบุคคลพึงได้รับความเท่าเทียมในสายตากฎหมาย อยู่กันแบบน้ำท่วมปากแบบนี้ ตุ๊ดในประเทศไทยจึงเป็นได้เหมือนตัวการันต์ เพราะมีไม้ทัณฑฆาตคาดเหนือหัว จึงมีได้แค่ตัวแต่ออกเสียงไม่ได้เลย
เจ้าของกระทู้ยินดีแบ่งปันประสบการณ์นี้ ให้นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้เพื่อร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต หรือแก้ไขกฎหมายอาญาและแพ่งในหมวดการแต่งงานค่ะ เพราะเราไม่ได้ถูกลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีเหตุด้วยเราเป็นตุ๊ดฉันใด กฎหมายสมควรปฏิบัติต่อพวกเราให้เท่าเทียมเช่นชายจริงหญิงแท้ฉันนั้น
Photo Credit : Curve Magazine, The Best-Selling Magazine
พวกเธอรู้หรือเปล่า ประเทศไทยไม่อนุญาตให้คู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมไปเลี้ยงดูที่ต่างประเทศ !!
เชื่อว่าไม่มีใครรู้และนึกถึง ตอนฉันอยู่เมืองไทยก็ไม่เคยคิดไม่เคยสังเกต จนมาเจอกับตัวจัง ๆ ตอนอยู่เมืองนอกเมืองนานี่แหละถึงได้รู้ได้เห็นกระจ้างแจ้งเสียที ว่าทำไมน้อง ๆ เด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ถึงไม่มีใครอุปการะไปดูแล
ชั่วชีวิตตุ๊ดฉันโดนย้ำหนักย้ำหนาว่า "หล่อนจะไม่มีคู่ครอง หล่อนจะต้องตายลำพัง" แต่ฉันอยากมีผัว และฉันต้องมีผัว ฉันต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเองให้ได้ ฉันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ นี่คือปณิธาน ฉันเลยทิ้งทุกอย่างบินมาอเมริกา มาหาโอกาส มาหาความรักที่อาจเป็นไปได้ โชคดีเพราะในที่สุดสหรัฐฯ เขาประกาศอนุญาตให้เพศเดียวกันแต่งงานกันได้โดยได้รับสิทธิทุกอย่างเช่นคู่สมรสต่างเพศอย่างเท่าเทียม อยู่ไปอยู่มาร่วมห้าปี ฉันกับสามีก็อยากมีลูก
ถามว่าทำไมอยากมีลูก แหม.....คนเรามันอยู่ด้วยกัน สร้างบ้านสร้างครัวเสร็จมันก็จบไป แต่การสร้างคนคือความรับผิดชอบตลอดชีวิตร่วมกันของคู่ครอง ฉันเห็นว่าสามีและฉันมีความมั่นคงทางอารมณ์ มีทัศนคติ มีเวลาทุ่มเทและความรู้เพียงพอที่จะอบรมสั่งสอน สามารถทำให้เด็กอยู่ดี เป็นคนดี เป็นทรัพยากรบุคคลที่มีค่าให้กับสังคมได้ในอนาคต การที่กายภาพของคู่สมรสเพศเดียวกันไม่สามารถให้กำเนิดทายาทตามธรรมชาติได้ ไม่ได้หมายความว่าเราไม่สามารถเป็นผู้ปกครอง ให้ความคุ้มครองปลอดภัยต่อเด็กเสียเมื่อไหร่ เราก็เลยจะรับบุตรบุญธรรม ครั้งแรกที่คิด เราตั้งใจเลยว่าคนแรกที่จะยื่นโอกาสให้คือเด็ก ๆ ในสถานกำพร้าที่ประเทศเกิดเรา ประเทศไทย
“เมิงจะเอาเด็กไปเลี้ยงเป็นผัวเหรอ?”
“เดี๋ยวเด็กก็เป็นตุ๊ดตามเมิงหรอก ทำบาปทำกรรม”
“ขนาดพ่อแม้แท้ ๆ มันยังทำร้ายลูกกันได้ลงคอ นี่เมิงไม่ใช่พ่อแท้ ๆ แถมเป็นตุ๊ด มันจะเหลือเหรอ?”
ระหว่างพ่อข่มขืนลูกในสายเลือด พ่อเลี้ยงข่มขืนลูกเลี้ยงตัวเอง และเด็กชายที่โดนพ่อตุ๊ดบุญธรรมข่มขืน สถิติเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีสัดส่วนเท่าไหร่ คดีไหนเกิดขึ้นบ่อยครั้งกว่ากัน กี่ข่าวกี่ครั้งกันที่พ่อแม่ทำร้ายร่างกายเด็กไม่ว่าในสายเลือดหรือลูกเลี้ยง ที่สำคัญพ่อแม่ตุ๊ดทุกนางล้วนเป็นชายจริงหญิงแท้ ทำไมลูกตุ๊ดยังคงเป็นตุ๊ด เพศพ่อเพศแม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเพศของลูก
นี่คือที่มาว่าทำไมการศึกษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ความรู้คือแสงสว่างส่องทางชีวิต
ไม่นานเจ้าหน้าที่สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนติดต่อกลับมา “ทาง ( ชื่อสถานเด็กกำพร้า ) ไม่มีนโยบายให้คู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมไปอุปการะค่ะ เราต้องการให้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเด็กค่ะ”
ประเทศที่มีอคติต่อการรับบุตรบุญธรรมจนเกิดสุภาษิต “เอาลูกเขามาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” โอกาสของเด็ก ๆ พวกนี้มีเท่าไหร่ในสังคมที่จะถูกรับอุปการะ ? เด็ก ๆ ในสถานสงเคราะห์ต้องการของเล่นและกินข้าวหมูแดงจากผู้บริจาครายวัน มากกว่าต้องการครอบครัว ความรัก ความเอาใจใส่ ความปลอดภัยและโอกาสทางการศึกษาเป็นของตัวเอง Individually อย่างงี้ใช่ไหม ความหมายของสิ่งที่ดีที่สุดของบ้านเด็กกำพร้าในเมืองไทย ??
“ทำไมเมิงไม่อด๊อปเด็กฝรั่งล่ะ ง่ายกว่าเยอะ”
เรื่องง่าย ๆ ใคร ๆ ก็อยากทำ แต่พอนึกถึงกองศพทารกที่วางเกลื่อนวัดไผ่เงิน ข่าวแม่ทิ้งลูกแทงลูกลงถังขยะยังปรากฏตามหน้าหนังสือพิมพ์ทุกวี่วันฉันก็ตัดใจไม่สาระแนไม่ลง
สามปีผ่านไป ฉันกลับมาตั้งสติใหม่ ครั้งนี้คิดว่าหากผ่านสถานเด็กกำพร้าโดยตรงคงไม่มีทางแน่ งั้นลองรับบุตรบุญธรรมแบบยกให้กันเองดีกว่า น่าจะพอมีความเป็นไปได้
การจะเจอแม่เด็กผู้เปี่ยมด้วยความรับผิดชอบ อยากให้ลูกมีอนาคตที่ดีจนพร้อมสละลูกตัวเองหลังคลอดให้ครอบครัวตุ๊ดอย่างเราไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าจะหาเจอ เราก็สัมภาษณ์พูดคุยกันหัวฟูวุ่นวายมาก
พอได้อะไรครบ เราก็ต้องมาดำเนินตามขั้นตอนตามกฎหมาย Hague Convention ป้องกันการค้ามนุษย์และขโมยเด็กข้ามชาติ ซึ่งมี 76 ประเทศเข้าร่วม บ้านเราที่อเมริกาก็ต้องได้รับการตรวจสอบ ตรวจประวัติอาชญกรรมผ่านแฟ้ม FBI นู้นนี้นี้นั่น เมื่อถึงคำถามว่าเราจะรับเด็กมาจากประเทศไหน พอบอกไปว่าประเทศไทย เจ้าหน้าที่ถึงกับส่ายหน้าขอให้เราเปลี่ยนประเทศเพราะด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศว่าด้วยการรับบุตรบุญธรรม ประเทศไทยจั่วหัวห้ามคู่สมรสเพศเดียวกันรับบุตรบุญธรรมออกนอกประเทศเด็ดขาด ไม่เหมือนคู่สมรสชายหญิง นึกอยากรับหลาน รับบุตรบุญธรรมขึ้นมาเลี้ยงที่เมืองนอกก็ทำได้เลย เหตุผลเพราะนิยามของคู่สมรสไทยคือระหว่างชายและหญิงเท่านั้น ต่อให้ผู้ประสงค์อุปการะจะเป็นญาติ หรือเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดผู้มีอำนาจแท้จริงในการปกครองบุตร แต่เมื่อจดทะเบียนสมรสในต่างประเทศกับเพศเดียวกันแล้ว ถือว่าผู้นั้นไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการรับบุตรบุญธรรม (น้องคาร์เมนเป็นบุตรทางสายเลือด ใช้ร่างอุ้มบุญเป็นยานแม่มาเกิดที่ไทย ไม่นับ ไม่เข้าข่ายบุตรบุญธรรม)
ตาสว่างทันที ปัญหาการรับบุตรบุญธรรมทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะกฎหมายแต่งงานเสียงั้น!!
“เมิงอยากมีลูกอยากมีครอบครัว เมิงก็หย่ากับผัวแล้วไปแต่งงานทำลูกกับผู้หญิงสิ”
จิตใจคนพูดประโยคนี้ทำด้วยอะไร เติบโตมาจากสภาพแวดล้อมครอบครัวแบบไหนกันศีลธรรมจริยธรรมถึงได้ล้มเหลวแบบนี้ โกหกตัวเองและโกหกผู้อื่นเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตัวต้องการ ทำไมผู้คนจึงถึงเห็นคำโกหกเป็นสิ่งที่ยอมรับกันได้ในสังคม แต่การซื่อสัตย์กับตนเองและผู้อื่นคือสิ่งด่างพร้อยและไม่สมควรได้รับการยินยอมอนุญาต การโกหกคือบาปพวกหล่อนเคยได้ยินมั้ย?
ทั้ง ๆ ที่ปัญหามันเห็นทนโท้คาตา ว่าตุ๊ดจะไม่ลำบากต้องหาทางคิดคดฉ้อโกงอะไรเลยหากกฎหมายปฏิบัติต่อตุ๊ดอย่างเท่าเทียมเช่นชายจริงหญิงแท้
---------------------- กฎหมายสมรสใช้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2478 ----------------------
คำถามคือ
1. มีคู่รักหรือครอบครัวไหนบ้างที่จะหย่าร้างเลิกกันเพราะตุ๊ดแต่งงานรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ ?
2. มีใครตายไหม หากตุ๊ดแต่งงานรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ ?
3. ตุ๊ดแต่งงานรับบุตรบุญธรรมมาเลี้ยงดูมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้ ส่งผลให้ยางพาราราคาตก น้ำท่วมฉับพลันและนำประเทศเข้าสู่สงคราม มีไหม ?
การที่กฎหมายเลือกปฏิบัติต่อคนกลุ่มหนึงอย่างไม่เท่าเทียม มันคือการให้สัญญานต่อชุมชนและสังคมว่าคนกลุ่มนี้พึงรังแกเบียดเบียนได้ สามารถริดรอน กีดกันและขัดขวางคนกลุ่มนี้ได้โดยปราศจากโทษและความผิดทั้งทางกฎหมายและศีลธรรม
"หากกฎหมายให้ตุ๊ดรับบุตรบุญธรรมได้ เด็กที่โดนอุปการะจะต้องโดนอะไรจากสังคมที่ไม่ยอมรับบ้าง?"
ก่อนปี 2534 ผู้คนเรียกคนแขนขาดขาขาดว่าไอ้ด้วน ไอ้กุดแต่พอกฎหมายส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเริ่มบังคับใช้ ไป ๆ มา ๆ หลังปี 2550 เราก็ไม่เรียกคนพิการเหล่านั้นว่าไอ้ด้วนไอ้เป๋อีก แม้กระทั้งที่จอดรถคนพิการเรายังไปแย่งจอดไม่ได้ ทุกคนทำงานได้เช่นคนปรกติ หลายคนไม่เคยรู้เลยว่าครั้งหนึ่งสังคมเคยมีรีแอคท์และทัศนคติแบบนี้ต่อคนพิการ นี่ไงค่ะกฎหมายมันถึงสำคัญ
การเลือกปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมโดยกฎหมายต่อเพศที่สามหนนี้ มันไม่ได้มีผลต่อตุ๊ดอย่างเดียว มันมีผลต่อเด็กตาดำ ๆ ที่แม่ผู้ให้กำเนิดไม่สามารถเลี้ยงดูได้ ไม่ว่าทั้งนอกหรือในสถานสงเคราะห์ คู่สมรสต่างชาติเพศเดียวกันที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างประเทศ ตุ๊ดไทยที่แต่งงานอยู่กินในเมืองนอกไม่อาจมีโอกาสเข้ามาช่วยเหลือและรับไปดูแล เป็นการแบ่งเบาภาระให้กับภาครัฐฯ ได้เลย
สมัยเด็ก ๆ เราเล่นเป็นคุณหมอ เล่นแต่งงาน เล่นพ่อแม่ลูกกัน เพราะมันเป็นบันไดชีวิต เป็นหนทางการเติบโตของมนุษย์ที่ผูกติดกับบทบาททางเพศจนนึกสนุกอยากเลียนแบบ แต่การเป็นตุ๊ด มันไม่มีบทบาทที่แฝงมากับเพศให้เล่น ให้คาดเดาได้เลย เล่นเป็นคุณหมอเพื่อน ๆ ก็กีดกันบอกว่าไม่มีหมอที่ไหนเป็นตุ๊ด เธอต้องเป็นคนไข้สิ เธอต้องมารักษาเพราะเป็นเอดส์ เล่นพ่อแม่ลูก เพื่อนก็บอกไม่มีพ่อเป็นตุ๊ดแม่เป็นตุ๊ด เธอต้องเล่นเป็นลูก ไม่ก็ไม่ต้องเล่น พอจะเล่นแต่งงานก็ไม่ได้อีก เป็นตุ๊ดเธอจะคู่กับใคร ไม่มีใครแต่งงานกับตุ๊ด เธอเล่นเป็นบาทหลวงแล้วกัน
สุดท้ายตุ๊ดไม่มีบันไดชีวิตให้ไต่เต้ารับผิดชอบให้ Accomplish แถมโดนกำหนดบทบาทให้เพศที่สามทำหน้าที่เพียงทำงาน ปาร์ตี้ บี้ผู้ชาย จ่ายภาษี เอาตัวเองให้รอดเพียงคนเดียวก็พอ
วิทยาการยังมีการคิดค้น งานวิเคราะห์งานศึกษายังมีปรับปรุงอัพเดท ดังนั้น มันไม่เหมาะสมเลยที่เราจะยังใช้ความเชื่อหรือความเป็นอยู่ในอดีตร่วมร้อยปี มาออกอำนาจตัดสินผู้คนในยุคสมัยปัจจุบัน ตุ๊ดไม่ได้เป็นผู้ป่วยทางจิต ไม่ได้ผิดธรรมชาติ รักร่วมเพศเกิดขึ้นกับสัตว์ทุกสายพันธ์บนโลกใบนี้ เด็กที่ถูกเลี้ยงดูโดยคู่รักหรือคู่สมรสเพศเดียวกันไม่ได้มีศักยภาพและความฉลาดทางอารมณ์ต้อยต่ำหรือแตกต่างจากเด็ก ๆ ที่ถูกเลี้ยงดูโดยคู่รักต่างเพศชาย-หญิงแต่อย่างใด การผลิตทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า เราต้องแยกให้ออกระหว่างการผสมพันธ์ุกับการเลี้ยงดู
ผสมพันธ์ุอาจเป็นหน้าที่ของชายจริงหญิงแท้ แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าทุกคู่จะมีความสามารถ มีความพร้อมหรือต้องการเป็นผู้ปกครองที่ดีได้
การเลี้ยงดูปกครองที่ดี ไม่ว่าจะวัยไหน เพศอะไรสามารถทำได้หากผู้นั้นมีความรับผิดชอบ มีความมั่นคงทางอารมณ์และแรงกาย แรงทรัพย์เพียงพอ
บอกมาให้ชัดถ้อยชัดคำไปเลยว่าตุ๊ดไม่เหมาะสม ไม่ถือเป็นบุคคลพึงได้รับความเท่าเทียมในสายตากฎหมาย อยู่กันแบบน้ำท่วมปากแบบนี้ ตุ๊ดในประเทศไทยจึงเป็นได้เหมือนตัวการันต์ เพราะมีไม้ทัณฑฆาตคาดเหนือหัว จึงมีได้แค่ตัวแต่ออกเสียงไม่ได้เลย
เจ้าของกระทู้ยินดีแบ่งปันประสบการณ์นี้ ให้นำไปใช้เป็นประโยชน์ในการต่อสู้เพื่อร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต หรือแก้ไขกฎหมายอาญาและแพ่งในหมวดการแต่งงานค่ะ เพราะเราไม่ได้ถูกลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีเหตุด้วยเราเป็นตุ๊ดฉันใด กฎหมายสมควรปฏิบัติต่อพวกเราให้เท่าเทียมเช่นชายจริงหญิงแท้ฉันนั้น
Photo Credit : Curve Magazine, The Best-Selling Magazine