เราเพิ่งได้วีซ่าสวิสมาค่ะ จำนวนวันที่ได้ก็พอดีกะวันเดินทาง 14 วันเป๊ะ !! แบบเข้าออกเชงเก้นครั้งเดียวอีก (แหม...ให้อีกซักวันสองวันเผื่อไฟลท์ดีลงดีเลย์มั่งก็ดีเนอะ) ทีนี้ว่าตอนไปขอวีซ่ามีปัญหานิดๆ หน่อยๆ เราเลยอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆ ที่กำลังเตรียมยื่นวีซ่าจะได้เตรียมตัวกันให้พร้อม
สำหรับเราเป็นการขอวีซ่าเชงเก้นครั้งที่ 2 และเรายื่นเรื่องผ่าน TLS พร้อมกับพี่ชาย (เดินทาง 2 คน) เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ก.พ. แล้วก็ได้รับเมล์แจ้งให้ไปรับหนังสือเดินทางคืนได้ตั้งแต่เช้าวันพุธที่ 15 ก.พ. (ติดวันหยุดยาวไป 3 วัน ส่วนตัวเราว่าได้รับเล่มคืนเร็วมาก) โดยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเรากับการขอวีซ่าสวิสเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ทักท้วง และมีให้แก้ไข ตามนี้เลยค่ะ
เข้าเชงเก้นประเทศนึง แต่ขอวีซ่าอีกประเทศเพราะอยู่นานกว่า ในแบบฟอร์มใส่ชื่อโรงแรมไหนดี
เนื่องจากเรามีแผนเดินทางไป เยอรมัน สวิส และ อิตาลี ประเทศแรกที่ไปถึงคือเยอรมัน เราเลยกรอกที่อยู่ของโรงแรมในเอกสารสมัครวีซ่าเป็นชื่อโรงแรมที่เยอรมัน เพราะเข้าใจว่าควรเป็นโรงแรมแรกที่ไปถึง ซึ่งตรงนี้เจ้าหน้าที่ให้แก้ไขแบบลบลิขวิดแก้กันตรงนั้นเลย พร้อมบอกเหตุผลว่า ถึงแม้ว่าเราจะไปเยอรมันก่อน 4-5 วันก็ตาม แต่ว่าเรายื่นขอวีซ่าจากสวิส เพราะฉะนั้นให้ใส่ชื่อโรงแรมสวิสแห่งแรกที่จะเข้าพัก
เอกสารหนังสือรับรองการทำงานต้องเป็นลายเซ็นจริง
เรากับพี่เป็น พนง. ออฟฟิศทั้งคู่ หนังสือรับรองของเรามีลายเซ็นจริง จากฝ่าย HR อันนี้ไม่มีปัญหา ส่วนของพี่สามารถ Print หนังสือรับรองจากระบบบริษัทได้เลย (ทันสมัยเนอะ) แต่มีผลให้ลายเซ็นในหนังสือรับรองไม่ได้เป็นลายเซ็นจริง โชคดีว่าพี่เราอยากให้ชัวร์ เลยไปขอให้ฝ่าย HR เซ็นชื่อจริงในเอกสารเผื่อไว้ด้วย จุดนี้เลยผ่านไปได้ เพราะเจ้าหน้าที่บอกมาว่าหนังสือรับรองต้องเป็นลายเซ็นจริง (เซ็นสด) เท่านั้น
เอกสารนอกเหนือจากที่ระบุในรายการ ยื่นเพิ่มและเจ้าหน้าที่ TLS ก็เก็บไปด้วย
เราเตรียมเอกสารครบตามที่ดูจากในเว็บไซต์ของ TLS (ต้องลงทะเบียนก่อนถึงจะเห็นรายการหน้านี้) มีเพิ่มไป 2 อย่างคือ 1.หนังสือรับรองการเงิน อันนี้เพื่อความมั่นใจส่วนตัวค่ะ เพราะเรายื่นบัญชีอื่นที่ไม่ใช่บัญชีเงินเดือนไป แต่คำนวณแล้วว่าจำนวนเงินในนั้นพอ Support ทริปนี้ และเอกสารที่ยื่นเพิ่มอีกอย่าง คือ 2.แผนเดินทาง เพราะเท่าที่หาข้อมูลมาเจอใน pantip ว่า ถ้าเดินทางไปประเทศเชงเก้นอื่นก่อนสวิสให้ทำแผนเดินทางแนบไปด้วย
เราเลยยื่นไปเผื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เก็บไปด้วย ตรงนี้เราว่าถ้าให้แน่ใจทำไปเผื่อก็ดี ไม่ใช้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรียกหาแล้วไม่มีจะยุ่งยากกว่า
ตั๋วรถไฟเดินทางในประเทศหรือข้ามประเทศ ต้องยื่นหรือเปล่า
อันนี้เราไม่ได้ยื่นไปนะคะ เพราะคิดว่าเอกสารสำคัญทั้งหมดครบ แล้วก็ไม่อยากจ่ายเงินไปก่อนจะได้รับวีซ่า ยกเว้นตั๋วเครื่องบินที่ยอมเสี่ยงจ่ายเงินจองไปก่อน ด้วยเป็นตั๋วโปร ไม่จ่ายเงินก็อดอ่ะ ส่วนตัวว่านะ เราให้ความสำคัญกับเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ก่อน ทำให้ครบเรียบร้อยก็น่าจะโอเคแล้วค่ะ
เอกสารโรงแรมต้องระบุชื่อทุกคน
ข้อนี้แอบได้ยินจากเคาน์เตอร์ข้างๆ (ยังจะไปอยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้าอีกเนอะ) เอกสารการจองโรงแรมต้องระบุชื่อผู้เข้าพักทุกคนค่ะ อย่างเช่น เอกสารของ booking.com จะมีให้ใส่ชื่อผู้เข้าพักเราก็ใส่ทั้งชื่อเราและชื่อพี่เลยค่ะ ในขณะที่เคยยื่นเอกสารจองโรงแรมเพื่อขอวีซ่าฝรั่งเศสเมื่อปีก่อน เจ้าหน้าที่ดึงออกส่งคืนกลับมาบอกไม่ต้องใช้ ประเทศเชงเก้นเหมือนกันก็จริง แต่มีรายละเอียดการขอวีซ่าต่างกัน ดูเจาะจงประเทศที่เราจะไปขอวีซ่าเลยดีกว่า
รูปถ่ายไม่ชัด
เจ้าหน้าที่บอกว่ารูปถ่ายเราไม่ชัด นั่งเพ่งแล้ว มันไม่เชิงไม่ชัดนะ แต่ว่าไม่คมเป๊ะ เหมือนว่าที่ร้านปรับภาพสว่างขึ้นให้ แล้วยังบอกอีกว่าภาพมันดูเล็กไป เราเลยเอารูปเก่าที่เคยถ่ายไว้อีกอันเทียบให้ดูเผื่อใช้ได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าอันใหม่ที่ดูเหมือนไม่ชัดนี่ดีกว่า ถามต่อว่า “เราจะยื่นอันนี้ หรือไปถ่ายใหม่??”
“อืมมมม..ยื่นอันนี้เลยค่ะ” เรายืนยันใช้รูปที่ยื่นไปตั้งแต่แรก เพราะเราว่ามันไม่ได้ไม่ชัดขนาดมัวๆ เห็นหน้าตาหูครบ อันนี้ถ้าใครไม่แน่ใจ เราว่าไปถ่ายใหม่เพื่อความสบายใจก็ดีนะคะ ไม่ต้องงก 250 บาทเหมือนเราก็ได้นะ
การใส่คอนเทคเลนส์กับสีตา
สุดท้ายเป็นเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาแต่ก็เป็นได้แบบขำๆ คือเราใส่คอนแทคเลนส์สายตาแบบใสๆ ค่ะ ซึ่งมันไม่มีผลกับการเปลี่ยนสีตาใดๆ เลยจริงๆ อันนี้ขอย้ำว่าจริงๆ และตาเราก็เป็นสีน้ำตาล แต่เจ้าหน้าที่เไม่แน่ใจถามย้ำๆ หลายครั้งว่า “สีตาแบบนี้จริงๆเหรอคะ?” เราบอกว่า “ใช่ค่ะ..ใส่คอนแทคเลนส์แต่เป็นสีตาจริงๆ” เจ้าหน้าที่ถือรูปถ่ายเทียบกะหน้าเราอีก (เจ้าหน้าที่สุภาพบริการดี ออกตัวนิดนึงว่าไม่ได้ตำหนิเจ้าหน้าที่นะคะ เราเข้าใจเค้าทำงานก็อยากให้เอกสารถูกต้องเนอะ)
แล้วยังหันไปถามเพื่อนข้างๆ เรื่องสีตาเราอีก ได้ยินเพื่อนเจ้าหน้าที่ตอบว่า “ก็ถ้าเค้าสีตาแบบนั้น มันก็ต้องเป็นแบบนั้นซิ” สุดท้ายเจ้าหน้าที่เลยให้เราเซ็นรับรองในแบบฟอร์มขอวีซ่าค่ะ โดยเจ้าหน้าที่เขียนระบุเพิ่มเป็นภาษาอังกฤษให้ว่า “เราใส่คอนแทคเลนส์แต่ว่าไม่มีผลกับสีตาจริง” สำหรับใครที่ใส่คอนแทคเลนส์นะคะ ให้ชัวร์วันถ่ายรูปก็ไม่ใส่คอนแทคเลนส์เลยดีกว่า
รวมๆ แล้ว เราว่าการเตรียมเอกสารให้ครบและมีความน่าเชื่อถือเพียงพอ การขอวีซ่าเชงเก้นก็ไม่ยากเกินไปแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้คนขอวีซ่าเยอะ ตามกำหนดระยะเวลารอผลก็ภายใน 10 วันทำการ (แต่ของเรานี่ 2 วันทำการเอง...เร็วเว่อร์ๆ)
ยังไงขอให้คนที่กำลังรอผลวีซ่าได้รับข่าวดี ส่วนคนที่ได้วีซ่ามากอดไว้ให้อุ่นใจแล้วก็เตรียมเที่ยวกันให้สนุกนะคะ
เล็กๆ น้อยๆ กับการขอวีซ่าสวิส 2017
สำหรับเราเป็นการขอวีซ่าเชงเก้นครั้งที่ 2 และเรายื่นเรื่องผ่าน TLS พร้อมกับพี่ชาย (เดินทาง 2 คน) เมื่อวันศุกร์ที่ 10 ก.พ. แล้วก็ได้รับเมล์แจ้งให้ไปรับหนังสือเดินทางคืนได้ตั้งแต่เช้าวันพุธที่ 15 ก.พ. (ติดวันหยุดยาวไป 3 วัน ส่วนตัวเราว่าได้รับเล่มคืนเร็วมาก) โดยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของเรากับการขอวีซ่าสวิสเป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ทักท้วง และมีให้แก้ไข ตามนี้เลยค่ะ
เนื่องจากเรามีแผนเดินทางไป เยอรมัน สวิส และ อิตาลี ประเทศแรกที่ไปถึงคือเยอรมัน เราเลยกรอกที่อยู่ของโรงแรมในเอกสารสมัครวีซ่าเป็นชื่อโรงแรมที่เยอรมัน เพราะเข้าใจว่าควรเป็นโรงแรมแรกที่ไปถึง ซึ่งตรงนี้เจ้าหน้าที่ให้แก้ไขแบบลบลิขวิดแก้กันตรงนั้นเลย พร้อมบอกเหตุผลว่า ถึงแม้ว่าเราจะไปเยอรมันก่อน 4-5 วันก็ตาม แต่ว่าเรายื่นขอวีซ่าจากสวิส เพราะฉะนั้นให้ใส่ชื่อโรงแรมสวิสแห่งแรกที่จะเข้าพัก
เรากับพี่เป็น พนง. ออฟฟิศทั้งคู่ หนังสือรับรองของเรามีลายเซ็นจริง จากฝ่าย HR อันนี้ไม่มีปัญหา ส่วนของพี่สามารถ Print หนังสือรับรองจากระบบบริษัทได้เลย (ทันสมัยเนอะ) แต่มีผลให้ลายเซ็นในหนังสือรับรองไม่ได้เป็นลายเซ็นจริง โชคดีว่าพี่เราอยากให้ชัวร์ เลยไปขอให้ฝ่าย HR เซ็นชื่อจริงในเอกสารเผื่อไว้ด้วย จุดนี้เลยผ่านไปได้ เพราะเจ้าหน้าที่บอกมาว่าหนังสือรับรองต้องเป็นลายเซ็นจริง (เซ็นสด) เท่านั้น
เราเตรียมเอกสารครบตามที่ดูจากในเว็บไซต์ของ TLS (ต้องลงทะเบียนก่อนถึงจะเห็นรายการหน้านี้) มีเพิ่มไป 2 อย่างคือ 1.หนังสือรับรองการเงิน อันนี้เพื่อความมั่นใจส่วนตัวค่ะ เพราะเรายื่นบัญชีอื่นที่ไม่ใช่บัญชีเงินเดือนไป แต่คำนวณแล้วว่าจำนวนเงินในนั้นพอ Support ทริปนี้ และเอกสารที่ยื่นเพิ่มอีกอย่าง คือ 2.แผนเดินทาง เพราะเท่าที่หาข้อมูลมาเจอใน pantip ว่า ถ้าเดินทางไปประเทศเชงเก้นอื่นก่อนสวิสให้ทำแผนเดินทางแนบไปด้วย
เราเลยยื่นไปเผื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เก็บไปด้วย ตรงนี้เราว่าถ้าให้แน่ใจทำไปเผื่อก็ดี ไม่ใช้ไม่เป็นไร แต่ถ้าเรียกหาแล้วไม่มีจะยุ่งยากกว่า
อันนี้เราไม่ได้ยื่นไปนะคะ เพราะคิดว่าเอกสารสำคัญทั้งหมดครบ แล้วก็ไม่อยากจ่ายเงินไปก่อนจะได้รับวีซ่า ยกเว้นตั๋วเครื่องบินที่ยอมเสี่ยงจ่ายเงินจองไปก่อน ด้วยเป็นตั๋วโปร ไม่จ่ายเงินก็อดอ่ะ ส่วนตัวว่านะ เราให้ความสำคัญกับเอกสารที่จำเป็นต้องใช้ก่อน ทำให้ครบเรียบร้อยก็น่าจะโอเคแล้วค่ะ
ข้อนี้แอบได้ยินจากเคาน์เตอร์ข้างๆ (ยังจะไปอยากรู้เรื่องชาวบ้านเค้าอีกเนอะ) เอกสารการจองโรงแรมต้องระบุชื่อผู้เข้าพักทุกคนค่ะ อย่างเช่น เอกสารของ booking.com จะมีให้ใส่ชื่อผู้เข้าพักเราก็ใส่ทั้งชื่อเราและชื่อพี่เลยค่ะ ในขณะที่เคยยื่นเอกสารจองโรงแรมเพื่อขอวีซ่าฝรั่งเศสเมื่อปีก่อน เจ้าหน้าที่ดึงออกส่งคืนกลับมาบอกไม่ต้องใช้ ประเทศเชงเก้นเหมือนกันก็จริง แต่มีรายละเอียดการขอวีซ่าต่างกัน ดูเจาะจงประเทศที่เราจะไปขอวีซ่าเลยดีกว่า
เจ้าหน้าที่บอกว่ารูปถ่ายเราไม่ชัด นั่งเพ่งแล้ว มันไม่เชิงไม่ชัดนะ แต่ว่าไม่คมเป๊ะ เหมือนว่าที่ร้านปรับภาพสว่างขึ้นให้ แล้วยังบอกอีกว่าภาพมันดูเล็กไป เราเลยเอารูปเก่าที่เคยถ่ายไว้อีกอันเทียบให้ดูเผื่อใช้ได้ แต่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่าอันใหม่ที่ดูเหมือนไม่ชัดนี่ดีกว่า ถามต่อว่า “เราจะยื่นอันนี้ หรือไปถ่ายใหม่??”
“อืมมมม..ยื่นอันนี้เลยค่ะ” เรายืนยันใช้รูปที่ยื่นไปตั้งแต่แรก เพราะเราว่ามันไม่ได้ไม่ชัดขนาดมัวๆ เห็นหน้าตาหูครบ อันนี้ถ้าใครไม่แน่ใจ เราว่าไปถ่ายใหม่เพื่อความสบายใจก็ดีนะคะ ไม่ต้องงก 250 บาทเหมือนเราก็ได้นะ
สุดท้ายเป็นเรื่องที่เราไม่คิดว่าจะเป็นปัญหาแต่ก็เป็นได้แบบขำๆ คือเราใส่คอนแทคเลนส์สายตาแบบใสๆ ค่ะ ซึ่งมันไม่มีผลกับการเปลี่ยนสีตาใดๆ เลยจริงๆ อันนี้ขอย้ำว่าจริงๆ และตาเราก็เป็นสีน้ำตาล แต่เจ้าหน้าที่เไม่แน่ใจถามย้ำๆ หลายครั้งว่า “สีตาแบบนี้จริงๆเหรอคะ?” เราบอกว่า “ใช่ค่ะ..ใส่คอนแทคเลนส์แต่เป็นสีตาจริงๆ” เจ้าหน้าที่ถือรูปถ่ายเทียบกะหน้าเราอีก (เจ้าหน้าที่สุภาพบริการดี ออกตัวนิดนึงว่าไม่ได้ตำหนิเจ้าหน้าที่นะคะ เราเข้าใจเค้าทำงานก็อยากให้เอกสารถูกต้องเนอะ)
แล้วยังหันไปถามเพื่อนข้างๆ เรื่องสีตาเราอีก ได้ยินเพื่อนเจ้าหน้าที่ตอบว่า “ก็ถ้าเค้าสีตาแบบนั้น มันก็ต้องเป็นแบบนั้นซิ” สุดท้ายเจ้าหน้าที่เลยให้เราเซ็นรับรองในแบบฟอร์มขอวีซ่าค่ะ โดยเจ้าหน้าที่เขียนระบุเพิ่มเป็นภาษาอังกฤษให้ว่า “เราใส่คอนแทคเลนส์แต่ว่าไม่มีผลกับสีตาจริง” สำหรับใครที่ใส่คอนแทคเลนส์นะคะ ให้ชัวร์วันถ่ายรูปก็ไม่ใส่คอนแทคเลนส์เลยดีกว่า
รวมๆ แล้ว เราว่าการเตรียมเอกสารให้ครบและมีความน่าเชื่อถือเพียงพอ การขอวีซ่าเชงเก้นก็ไม่ยากเกินไปแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่บอกว่าช่วงนี้คนขอวีซ่าเยอะ ตามกำหนดระยะเวลารอผลก็ภายใน 10 วันทำการ (แต่ของเรานี่ 2 วันทำการเอง...เร็วเว่อร์ๆ)
ยังไงขอให้คนที่กำลังรอผลวีซ่าได้รับข่าวดี ส่วนคนที่ได้วีซ่ามากอดไว้ให้อุ่นใจแล้วก็เตรียมเที่ยวกันให้สนุกนะคะ