สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิก จริงๆดองกระทู้ไว้หลายวันจนนึกได้ว่าจะต้องมารีวิว ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี เพราะเราไปมาตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ เผื่อมีใครสนใจจะไปเรามีรีวิวภาพมาฝากค่ะ
...ทริปนี้เริ่มต้นจากการคิดกันของเพื่อนๆในกลุ่มที่อยากจะลองไปเที่ยวใกล้ๆกรุงเทพ ช่วยกันนึกว่ามีที่ไหนสวยและหนาวๆ มีเพื่อนคนนึงเสนอ
"ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี" หรือ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง เพราะมีรีวิวหลายเว็บไซต์ที่บอกว่าสวย เราเลยสนใจและตกลงใจว่าจะไปกัน เต็มที่ค่ะทริปนี้เป็นทริปที่ตกลงใจตั้งแต่เดือน มกราคม เราก็กะว่ามีวันหยุดเดือน กพ. 11-14กพ. ก็กะว่าจะโทรไปจองเลย แต่ เพื่อนสาวหน่วยกล้าตายหนึ่งคนโทรไปเช็คกับทางที่พักเจ้าหน้าที่บอกว่า เราจะนัดวันจองล่วงหน้าก่อนแค่1 อาทิตย์ ห้ามจองล่วงหน้าเป็นเดือนค่ะ เพราะคนโทรไปเยอะมากและที่พักมีน้อย ดังนั้นทางที่พักจึงใช้วิธี นัดวันเวลาที่จะจองแทน เช่น จะไปพักวันที่11 กพ. ก็นัดวันจองให้โทรมาแค่วันเดียวคือวันที่ 1 กพ.ตั้งแต่ 9.00น.เป็นต้นไป หากเลยวันนั้นแล้วก็จองไม่ได้และใช้ระบบ First come First serve ใครจองก่อนได้ก่อน!!!
สรุปค่ะ วันที่1 กพ.ตามเวลานัด เรากับเพื่อนก็โทรกันกระหน่ำเลยค่ะ กว่าจะติด เพราะที่พักที่นี่โทรติดยากอยู่แล้ว เพื่อนเราโทร 100 สาย ถึงจะจองได้ค่ะ(555) คนโทรเยอะจริงๆ สรุปคือ เราจองแพหลังเล็กไว้ เพื่อไว้ใช้นอนค่ะ แพมีทั้งแพใหญ่และแพเล็ก แพใหญ่อยู่กลางน้ำราคา 2,000 บาท และแพเล็กอยู่รอบๆสระน้ำ ราคาหลังละ 400 บาท พวกเราไปกันหกคนจองไป 2 หลัง รวมเป็นเงิน 800 บาท
วันเดินทาง เราเดินทางกันตาม GPS เลยค่ะ จากกทม.ไปสุพรรณบุรี จากบางบัวทอง-สุพรรณ-ด่านช้าง พวกเราตั้ง GPS ผิดค่ะ ตั้งไว้ว่าจะไป อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สรุปว่า GPS พาหลงทิศค่ะเลยไปไกลเลย ต้องถามทางชาวบ้านแถวนั้น ชาวบ้านก็บอกให้ย้อนกลับมา ทางเข้าจะอยู่ติดกับวัดน้ำพุร้อนค่ะ พวกเราไปถึงก็ต้องรับบัตรและจ่ายค่าเข้า 20 บาทนะคะสำหรับรถยนต์ เราเข้าไปแล้วก็รับบัตรอีกครั้งข้างในตรงป้อมยาม พอตอนออกจากที่พักอีกวันก็คืนบัตรให้กับป้อมยาม ระยะเวลารวมทั้งหมดจาก กทม.-สุพรรณ ก็ประมาณ 2ชั่วโมง30 นาที
ทางเข้าไปอ่างเก็บน้ำหุบเขาวง เป็นถนนลูกรังนะคะ ขาไปนึกๆดูแล้วไม่น่าจะมีความสวยงามอยู่ในนั้น จากการคาดเดา เพราะต้องผ่านทุ่งนา ป่าเขา มีชาวบ้านขายของเป็นระยะ หากใครจะซื้ออะไรควรซื้อตั้งแต่ในตัวเมืองสุพรรณก็ได้ค่ะ เพราะขับออกมานอกเส้นทางถนนก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆและมีแค่ร้านของชำเท่านั้น ควรนำน้ำและขนมไปเองด้วยก็ดีนะคะแต่หากไม่ติดขัดอุดหนุนสหกรณ์ของอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงก็ได้ค่ะ มาค่ะเรามาชมภาพกัน
ถนนทางเข้าก่อนจะถึงที่พักค่ะ สภาพจะเป็นประมาณนี้เลยค่ะ นั่งรถมามีหัวโยกหัวคลอนได้เหมือนกันจะผ่านทุ่งนาป่าเขา ไร่อ้อยต่างๆ สภาพทางเข้าเมื่อมาถึงก็จะเป็นตามนี้ค่ะ
ตามมาด้วยลานจอดรถนะคะจะเป็นเวิ้งกว้างๆสามารถจอดรถได้ประมาณ100 คัน มีลุงใจดีคอยยืนโบกรถให้เข้าจอดเป็นระเบียบเรียบร้อยค่ะเพราะนักท่องเที่ยวบางคนก็เข้ามาเดินชมความสวยงาม บางคนก็มานอนแพ บางคนก็มากางเต๊นท์ ที่นี่มีเต๊นท์บริการด้วยนะคะหากใครไม่นอนแพเป็นเต๊นท์ที่พักหลังเล็กๆก็ได้ค่ะ
เรามาดูความสวยงามของที่พักนะคะ เจ้าของกระทู้ไปถึงช่วยบ่ายๆค่ะแดดกำลังร้อนเลย แต่ก็พยายามถ่ายรูปมาให้ได้ทุกมุมนะคะ รูปถ่ายจะถ่ายได้แค่ตอนเย็นๆและตอนเช้าค่ะ เพราะว่าที่พักไม่มีไฟ มีไฟฟ้าใช้แค่ส่วนกลางกับห้องน้ำเท่านั้น นอกนั้นเจ้าหน้าที่จะนำไฟตะเกียงมาจุดไว้ให้ตามแพที่พักแทนค่ะ
อันนี้เป็นภาพไฮไลท์เด็ดเลยค่ะที่ตรงกลาง ที่แห่งนี้ที่ทุกคนจะต้องไปถ่ายรูปความสวยงาม
เวิ้งว้างยามเย็น
มาดูแพที่ัพักกันบ้างคะ เราจองไปสองหลังนะคะ นี่คือสภาพแพที่พักหลังละ 400 บาทค่ะ ข้างในมีที่นอนหมอนมุ้งและผ้าห่มให้ค่ะ ก็หอมดีค่ะพอนอนได้
แต่เพื่อนของ จขกท.ก็นำหมอน ผ้าห่มและถุงนอนไปเองด้วยนะคะ ขอบอกค่ะว่ากลางวันร้อนตับแตก กลางคืนหนาวจับใจ
จากหน้าห้องพักก็จะมีที่ให้นั่งเล่นค่ะเราก็จะเห็นมุมเวิ้งน้ำได้อย่างเต็มที่
มีดอกไม้สวยๆหน้าห้องพักด้วยนะคะ แขวนไว้อย่างสวยเชียวค่ะเห็นแล้วสบายตา ในแพเล็กๆก็มีมุมน่ารักเหมือนๆกัน
เห็นมุมจากมือไหมคะ กิจกรรมยามว่างของที่พักนี้ค่ะ ปั่นจักรยานน้ำ
แพใหญ่ค่ะหลังละ 2000 บาท เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องถ่อเรือเล็กลากมานะคะ ตรงนั้นวันที่ไปพักก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ลงไปพักค่ะ
น่าเอ็นดูเวลาจะเข้าห้องน้ำทีต้องถ่อแพมา
มองจากระยะไกลๆจากแพที่พักของเราจะเห็นแพใหญ่อยู่กลางน้ำ
อาหารการกิน: หากใครไม่สะดวกจะพกพาอาหารไป ที่นี่ก็มีบริการขันโตกนะคะ ชุดละ300 บาท ก็จะได้อาหารสามถึงสี่อย่างเป็นอาหารที่พี่ๆเจ้าหน้าที่และชาวบ้านทำกันเองค่ะ เป็นอาหารง่ายๆแต่อร่อยมากมาย เราทานกันใต้แสงไฟสลัวๆ ที่นี่จะมีสหกรณ์ไว้คอยบริการค่ะ จะเป็นลานไม้ยกพื้นสูง ให้ทุกคนขึ้นไปนั่งทานอาหารแบบขันโตก มีน้ำแข็ง น้ำหวานบริการ จะเป็นจุดเดียวกับที่เราต้องไปรับกุญแจที่พักค่ะ เจ้าหน้าที่ใจดีและเป็นมิตรมากไปแล้วก็ประทับใจกับการบริการ หากคนเยอะอาหารอาจออกช้าบ้างแต่ก็ไม่ทำให้เราต้องรอเก้อนะคะได้ทานของอร่อยๆแน่นอน
อาหารขันโตกเย็นวันนั้น ขอจัด 2 ชุดใหญ่ๆ ปล.ไวน์ไม่เกี่ยวนะคะ อันนั้นเพื่อนเอาไปเองค่ะ
ยามกลางคืนที่แสงไฟบริเวณสหกรณ์ไม่เพียงพอ ได้แสงไฟจากเจ้านี่ละค่ะช่วยได้เยอะทีเดียว ปล.เพื่อนไปยืมมาจากคนอื่นอีกทีค่ะแสงสว่างจ้าไฟฉายไม่พอเจ้านี่เลยละกัน
นอกจากที่พักสวยๆเราก็มาดูที่อาบน้ำค่ะ อันนี้ถ่ายมาให้ดูแบบรีบๆนะคะไม่กล้าถ่ายมากมีคนอยู่เยอะค่ะ ห้องอาบน้ำและห้องน้ำจะมีแบ่งเป็นโซนหญิง ชายเรียบร้อยไม่ปะปนกัน
สำหรับโซนผู้หญิงมีแบ่งเป็นห้อง แต่โซนผู้ชายจะอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์และดวงดาว แนะนำให้ผู้ชายนำผ้าขาวม้าไปนะคะ สถานที่ตรงนี้จะมีแสงไฟตลอดเวลานะคะ ถือว่าปลอดภัยและสะดวกสบายค่ะแต่อาจจะต้องเดินไกลจากบริเวณที่พักสักหน่อย
ที่ถ่ายรูปสวยๆก็มีไม่มากหรอกค่ะ ก็มีมุมซ้ำไปซ้ำมา ในความคิดของจขกท.แต่ก็ทำให้เรามีความสุขในวันสงบๆได้นะคะ
ภาพเนินที่เราจะเดินพักผ่อนได้ ตรงนั้นจะมีนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงร.9 ด้วยค่ะ่ ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายไว้นะคะ ตอนค่ำๆแบตเตอรี่กล้องกำลังจะหมดเลยต้องพยายามยื้อชีวิตกล้องไว้เพื่อไว้ถ่ายภาพตอนเช้าแทนค่ะ
ก่อนกลับป้าๆก็อยากมีภาพกระโดดแบบวัยรุ่นบ้างเลยได้ภาพแบบนี้มาค่ะ
ขอปิดท้ายด้วยภาพผู้ร่วมทริปทุกคน คือทุกคนต้องมาถ่ายที่จุดนี้บริเวณนี้เพื่อบอกว่าฉันมาแล้วนะ
ค่าใช้จ่ายโดยรวมถือว่าไม่แพงนะคะ เมื่อเทียบกับความสุขที่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศดีๆ หนาวๆตอนกลางคืน ถามว่าประทับใจไหมก็ต้องตอบว่ารู้สึกดีค่ะ แต่สิ่งที่ควรรู้เมื่อต้องไปที่นี่คือ
1.ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า หากไปแล้วก็ควรพกไฟฉายไปด้วย เราไม่สามารถขอชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์หรืออื่นๆจากที่พักได้นะคะ เราต้องเตรียมตัวไปให้พร้อม
2.แพที่พัก ค่อนข้างเก่า เนื่องจากเป็นไม้ไผ่ หากไม่สะดวกนอนแพ ก็แนะนำให้นอนเต๊นท์ดีกว่าค่ะ จขกท.เลือกนอนแพ ก็พบว่าเครื่องนอนสะอาดดี แต่อาจมีมดหรือแมลงบ้างเพราะแพไม้ไผ่เป็นซี่ๆตั้งอยู่ริมน้ำ ก็ต้องมีสัตว์พวกมดแมลงเป็นธรรมดา
3.ผู้ที่แพ้ยุงควรเตรียม กย.15 หรือยากันยุงไปนะคะจะได้ไม่โดนกัด
4.อากาศตอนเที่ยงและบ่ายร้อนมาก แต่ตอนกลางคืนเย็นสบาย ถือว่าอากาศหนาวเลยล่ะค่ะ รู้สึกเหมือนอยู่ปางอุ๋ง จริงๆ
5.การบริการของที่นี่ยังเป็นแบบพี่ๆชาวบ้านทำกันเองนะคะ อาจไม่สะดวกสบายเหมือนโรงแรมหรือรีสอร์ทดีๆ แต่ถือว่าบริการได้ดีเยี่ยมค่ะต้องให้ดาวสำหรับการช่วยเหลือและความใจดีของเจ้าหน้าที่ที่นี่ ถือว่าได้รับความประทับใจกลับไปค่ะ
6.ที่นี่ไม่มีกิจกรรมอื่นๆนะคะ หากจะทำกิจกรรม ก็ต้องพกเครื่องไม้เครื่องมือไปเอง กิจกรรมที่จขกท.ทำ คือนอนคุยกับเพื่อนค่ะ เพราะกลางวันมันร้อน แต่ตอนเย็นๆแดดร่มลมตก นอกจากจะมีกิจกรรมเดินเล่นถ่ายรูปแล้ว จขกท.เห็นบางครอบครัวก็นำเรือคายัคไปพายในอ่างเก็บน้ำหรือปั่นจักรยานน้ำก็ได้ค่ะ หรือบางคนก็นำจักรยานมาด้วยค่ะ มาปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ก็สนุกไปอีกแบบ หรือบางครอบครัว ก็เอาถ้วยชามรามไห เครื่องครัว เตาแก๊สปิคนิคมาทำกับข้าวกันเองนะคะ ข้างๆแพที่พัก จขกท.นี่ละค่ะมีครอบครัวนึงเป็นคุณลุงคุณป้ามาทำอาหารกัน ก็สนุกไปอีกแบบ
หากใครอยากจะมา สถานที่แบบนี้ไม่ไกลจากกทม.เราขอแนะนำเลยค่ะ จริงๆทริปนี้ ก่อนจะมาถึงที่อ่างเก็บน้ำเราแวะเที่ยวตลาด 100ปี และขากลับเราก็แวะเที่ยวเขื่อนกระเสียว และศาลหลักเมืองสุพรรณด้วยค่ะ แต่ขอไม่ลงรูปนะคะ เพราะว่าคิดว่าเพื่อนๆคงไปเที่ยวกันมาเยอะแล้วลงแต่รูปหลักๆ ของอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงแทนค่ะ
ปล.ขอปิดท้ายด้วยภาพขนมสวยๆที่อยากลงนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ รีวิวครั้งแรกอาจจะเขียนไม่ดีบ้าง ขออภัยด้วยค่ะ ไว้ครั้งหน้าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ค่ะ
[CR] แบกเป้ไปเที่ยวปางอุ๋ง สุพรรณบุรี (อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง)
...ทริปนี้เริ่มต้นจากการคิดกันของเพื่อนๆในกลุ่มที่อยากจะลองไปเที่ยวใกล้ๆกรุงเทพ ช่วยกันนึกว่ามีที่ไหนสวยและหนาวๆ มีเพื่อนคนนึงเสนอ
"ปางอุ๋ง สุพรรณบุรี" หรือ อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง เพราะมีรีวิวหลายเว็บไซต์ที่บอกว่าสวย เราเลยสนใจและตกลงใจว่าจะไปกัน เต็มที่ค่ะทริปนี้เป็นทริปที่ตกลงใจตั้งแต่เดือน มกราคม เราก็กะว่ามีวันหยุดเดือน กพ. 11-14กพ. ก็กะว่าจะโทรไปจองเลย แต่ เพื่อนสาวหน่วยกล้าตายหนึ่งคนโทรไปเช็คกับทางที่พักเจ้าหน้าที่บอกว่า เราจะนัดวันจองล่วงหน้าก่อนแค่1 อาทิตย์ ห้ามจองล่วงหน้าเป็นเดือนค่ะ เพราะคนโทรไปเยอะมากและที่พักมีน้อย ดังนั้นทางที่พักจึงใช้วิธี นัดวันเวลาที่จะจองแทน เช่น จะไปพักวันที่11 กพ. ก็นัดวันจองให้โทรมาแค่วันเดียวคือวันที่ 1 กพ.ตั้งแต่ 9.00น.เป็นต้นไป หากเลยวันนั้นแล้วก็จองไม่ได้และใช้ระบบ First come First serve ใครจองก่อนได้ก่อน!!!
สรุปค่ะ วันที่1 กพ.ตามเวลานัด เรากับเพื่อนก็โทรกันกระหน่ำเลยค่ะ กว่าจะติด เพราะที่พักที่นี่โทรติดยากอยู่แล้ว เพื่อนเราโทร 100 สาย ถึงจะจองได้ค่ะ(555) คนโทรเยอะจริงๆ สรุปคือ เราจองแพหลังเล็กไว้ เพื่อไว้ใช้นอนค่ะ แพมีทั้งแพใหญ่และแพเล็ก แพใหญ่อยู่กลางน้ำราคา 2,000 บาท และแพเล็กอยู่รอบๆสระน้ำ ราคาหลังละ 400 บาท พวกเราไปกันหกคนจองไป 2 หลัง รวมเป็นเงิน 800 บาท
วันเดินทาง เราเดินทางกันตาม GPS เลยค่ะ จากกทม.ไปสุพรรณบุรี จากบางบัวทอง-สุพรรณ-ด่านช้าง พวกเราตั้ง GPS ผิดค่ะ ตั้งไว้ว่าจะไป อ่างเก็บน้ำหุบเขาวง สรุปว่า GPS พาหลงทิศค่ะเลยไปไกลเลย ต้องถามทางชาวบ้านแถวนั้น ชาวบ้านก็บอกให้ย้อนกลับมา ทางเข้าจะอยู่ติดกับวัดน้ำพุร้อนค่ะ พวกเราไปถึงก็ต้องรับบัตรและจ่ายค่าเข้า 20 บาทนะคะสำหรับรถยนต์ เราเข้าไปแล้วก็รับบัตรอีกครั้งข้างในตรงป้อมยาม พอตอนออกจากที่พักอีกวันก็คืนบัตรให้กับป้อมยาม ระยะเวลารวมทั้งหมดจาก กทม.-สุพรรณ ก็ประมาณ 2ชั่วโมง30 นาที
ทางเข้าไปอ่างเก็บน้ำหุบเขาวง เป็นถนนลูกรังนะคะ ขาไปนึกๆดูแล้วไม่น่าจะมีความสวยงามอยู่ในนั้น จากการคาดเดา เพราะต้องผ่านทุ่งนา ป่าเขา มีชาวบ้านขายของเป็นระยะ หากใครจะซื้ออะไรควรซื้อตั้งแต่ในตัวเมืองสุพรรณก็ได้ค่ะ เพราะขับออกมานอกเส้นทางถนนก็เริ่มเล็กลงเรื่อยๆและมีแค่ร้านของชำเท่านั้น ควรนำน้ำและขนมไปเองด้วยก็ดีนะคะแต่หากไม่ติดขัดอุดหนุนสหกรณ์ของอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงก็ได้ค่ะ มาค่ะเรามาชมภาพกัน
ถนนทางเข้าก่อนจะถึงที่พักค่ะ สภาพจะเป็นประมาณนี้เลยค่ะ นั่งรถมามีหัวโยกหัวคลอนได้เหมือนกันจะผ่านทุ่งนาป่าเขา ไร่อ้อยต่างๆ สภาพทางเข้าเมื่อมาถึงก็จะเป็นตามนี้ค่ะ
เรามาดูความสวยงามของที่พักนะคะ เจ้าของกระทู้ไปถึงช่วยบ่ายๆค่ะแดดกำลังร้อนเลย แต่ก็พยายามถ่ายรูปมาให้ได้ทุกมุมนะคะ รูปถ่ายจะถ่ายได้แค่ตอนเย็นๆและตอนเช้าค่ะ เพราะว่าที่พักไม่มีไฟ มีไฟฟ้าใช้แค่ส่วนกลางกับห้องน้ำเท่านั้น นอกนั้นเจ้าหน้าที่จะนำไฟตะเกียงมาจุดไว้ให้ตามแพที่พักแทนค่ะ
อันนี้เป็นภาพไฮไลท์เด็ดเลยค่ะที่ตรงกลาง ที่แห่งนี้ที่ทุกคนจะต้องไปถ่ายรูปความสวยงาม
มาดูแพที่ัพักกันบ้างคะ เราจองไปสองหลังนะคะ นี่คือสภาพแพที่พักหลังละ 400 บาทค่ะ ข้างในมีที่นอนหมอนมุ้งและผ้าห่มให้ค่ะ ก็หอมดีค่ะพอนอนได้
แต่เพื่อนของ จขกท.ก็นำหมอน ผ้าห่มและถุงนอนไปเองด้วยนะคะ ขอบอกค่ะว่ากลางวันร้อนตับแตก กลางคืนหนาวจับใจ
จากหน้าห้องพักก็จะมีที่ให้นั่งเล่นค่ะเราก็จะเห็นมุมเวิ้งน้ำได้อย่างเต็มที่
มีดอกไม้สวยๆหน้าห้องพักด้วยนะคะ แขวนไว้อย่างสวยเชียวค่ะเห็นแล้วสบายตา ในแพเล็กๆก็มีมุมน่ารักเหมือนๆกัน
เห็นมุมจากมือไหมคะ กิจกรรมยามว่างของที่พักนี้ค่ะ ปั่นจักรยานน้ำ
แพใหญ่ค่ะหลังละ 2000 บาท เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องถ่อเรือเล็กลากมานะคะ ตรงนั้นวันที่ไปพักก็มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ลงไปพักค่ะ
น่าเอ็นดูเวลาจะเข้าห้องน้ำทีต้องถ่อแพมา
อาหารการกิน: หากใครไม่สะดวกจะพกพาอาหารไป ที่นี่ก็มีบริการขันโตกนะคะ ชุดละ300 บาท ก็จะได้อาหารสามถึงสี่อย่างเป็นอาหารที่พี่ๆเจ้าหน้าที่และชาวบ้านทำกันเองค่ะ เป็นอาหารง่ายๆแต่อร่อยมากมาย เราทานกันใต้แสงไฟสลัวๆ ที่นี่จะมีสหกรณ์ไว้คอยบริการค่ะ จะเป็นลานไม้ยกพื้นสูง ให้ทุกคนขึ้นไปนั่งทานอาหารแบบขันโตก มีน้ำแข็ง น้ำหวานบริการ จะเป็นจุดเดียวกับที่เราต้องไปรับกุญแจที่พักค่ะ เจ้าหน้าที่ใจดีและเป็นมิตรมากไปแล้วก็ประทับใจกับการบริการ หากคนเยอะอาหารอาจออกช้าบ้างแต่ก็ไม่ทำให้เราต้องรอเก้อนะคะได้ทานของอร่อยๆแน่นอน
อาหารขันโตกเย็นวันนั้น ขอจัด 2 ชุดใหญ่ๆ ปล.ไวน์ไม่เกี่ยวนะคะ อันนั้นเพื่อนเอาไปเองค่ะ
นอกจากที่พักสวยๆเราก็มาดูที่อาบน้ำค่ะ อันนี้ถ่ายมาให้ดูแบบรีบๆนะคะไม่กล้าถ่ายมากมีคนอยู่เยอะค่ะ ห้องอาบน้ำและห้องน้ำจะมีแบ่งเป็นโซนหญิง ชายเรียบร้อยไม่ปะปนกัน
สำหรับโซนผู้หญิงมีแบ่งเป็นห้อง แต่โซนผู้ชายจะอาบน้ำท่ามกลางแสงจันทร์และดวงดาว แนะนำให้ผู้ชายนำผ้าขาวม้าไปนะคะ สถานที่ตรงนี้จะมีแสงไฟตลอดเวลานะคะ ถือว่าปลอดภัยและสะดวกสบายค่ะแต่อาจจะต้องเดินไกลจากบริเวณที่พักสักหน่อย
ที่ถ่ายรูปสวยๆก็มีไม่มากหรอกค่ะ ก็มีมุมซ้ำไปซ้ำมา ในความคิดของจขกท.แต่ก็ทำให้เรามีความสุขในวันสงบๆได้นะคะ
ภาพเนินที่เราจะเดินพักผ่อนได้ ตรงนั้นจะมีนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวงร.9 ด้วยค่ะ่ ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายไว้นะคะ ตอนค่ำๆแบตเตอรี่กล้องกำลังจะหมดเลยต้องพยายามยื้อชีวิตกล้องไว้เพื่อไว้ถ่ายภาพตอนเช้าแทนค่ะ
ก่อนกลับป้าๆก็อยากมีภาพกระโดดแบบวัยรุ่นบ้างเลยได้ภาพแบบนี้มาค่ะ
ขอปิดท้ายด้วยภาพผู้ร่วมทริปทุกคน คือทุกคนต้องมาถ่ายที่จุดนี้บริเวณนี้เพื่อบอกว่าฉันมาแล้วนะ
ค่าใช้จ่ายโดยรวมถือว่าไม่แพงนะคะ เมื่อเทียบกับความสุขที่ได้ไปเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศดีๆ หนาวๆตอนกลางคืน ถามว่าประทับใจไหมก็ต้องตอบว่ารู้สึกดีค่ะ แต่สิ่งที่ควรรู้เมื่อต้องไปที่นี่คือ
1.ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า หากไปแล้วก็ควรพกไฟฉายไปด้วย เราไม่สามารถขอชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์หรืออื่นๆจากที่พักได้นะคะ เราต้องเตรียมตัวไปให้พร้อม
2.แพที่พัก ค่อนข้างเก่า เนื่องจากเป็นไม้ไผ่ หากไม่สะดวกนอนแพ ก็แนะนำให้นอนเต๊นท์ดีกว่าค่ะ จขกท.เลือกนอนแพ ก็พบว่าเครื่องนอนสะอาดดี แต่อาจมีมดหรือแมลงบ้างเพราะแพไม้ไผ่เป็นซี่ๆตั้งอยู่ริมน้ำ ก็ต้องมีสัตว์พวกมดแมลงเป็นธรรมดา
3.ผู้ที่แพ้ยุงควรเตรียม กย.15 หรือยากันยุงไปนะคะจะได้ไม่โดนกัด
4.อากาศตอนเที่ยงและบ่ายร้อนมาก แต่ตอนกลางคืนเย็นสบาย ถือว่าอากาศหนาวเลยล่ะค่ะ รู้สึกเหมือนอยู่ปางอุ๋ง จริงๆ
5.การบริการของที่นี่ยังเป็นแบบพี่ๆชาวบ้านทำกันเองนะคะ อาจไม่สะดวกสบายเหมือนโรงแรมหรือรีสอร์ทดีๆ แต่ถือว่าบริการได้ดีเยี่ยมค่ะต้องให้ดาวสำหรับการช่วยเหลือและความใจดีของเจ้าหน้าที่ที่นี่ ถือว่าได้รับความประทับใจกลับไปค่ะ
6.ที่นี่ไม่มีกิจกรรมอื่นๆนะคะ หากจะทำกิจกรรม ก็ต้องพกเครื่องไม้เครื่องมือไปเอง กิจกรรมที่จขกท.ทำ คือนอนคุยกับเพื่อนค่ะ เพราะกลางวันมันร้อน แต่ตอนเย็นๆแดดร่มลมตก นอกจากจะมีกิจกรรมเดินเล่นถ่ายรูปแล้ว จขกท.เห็นบางครอบครัวก็นำเรือคายัคไปพายในอ่างเก็บน้ำหรือปั่นจักรยานน้ำก็ได้ค่ะ หรือบางคนก็นำจักรยานมาด้วยค่ะ มาปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ ก็สนุกไปอีกแบบ หรือบางครอบครัว ก็เอาถ้วยชามรามไห เครื่องครัว เตาแก๊สปิคนิคมาทำกับข้าวกันเองนะคะ ข้างๆแพที่พัก จขกท.นี่ละค่ะมีครอบครัวนึงเป็นคุณลุงคุณป้ามาทำอาหารกัน ก็สนุกไปอีกแบบ
หากใครอยากจะมา สถานที่แบบนี้ไม่ไกลจากกทม.เราขอแนะนำเลยค่ะ จริงๆทริปนี้ ก่อนจะมาถึงที่อ่างเก็บน้ำเราแวะเที่ยวตลาด 100ปี และขากลับเราก็แวะเที่ยวเขื่อนกระเสียว และศาลหลักเมืองสุพรรณด้วยค่ะ แต่ขอไม่ลงรูปนะคะ เพราะว่าคิดว่าเพื่อนๆคงไปเที่ยวกันมาเยอะแล้วลงแต่รูปหลักๆ ของอ่างเก็บน้ำหุบเขาวงแทนค่ะ
ปล.ขอปิดท้ายด้วยภาพขนมสวยๆที่อยากลงนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ รีวิวครั้งแรกอาจจะเขียนไม่ดีบ้าง ขออภัยด้วยค่ะ ไว้ครั้งหน้าจะปรับปรุงให้ดีกว่านี้ค่ะ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น