[CR] MeAndAround: Japan (Part 1 "Zao Fox Village, Ginzan Onsen")

สวัสดีครับ หัวเราะ


"ก่อนอื่นก็ขอออกตัวก่อนว่านี่เป็นกระทู้แรกของผมบนเว็บพันทิปเลยครับ ถ้าผมเขียนเนื้อหาอะไรผิดพลาดไป สามารถบอกได้นะครับ
รูปในกระทู้มีทั้งจากโทรศัพท์มือถือบ้าง จากกล้องบ้าง รูปส่วนใหญ่ผ่านการแต่งมาแล้ว ถ้าอันไหนดูล้นไป แนะนำได้นะครับ ผมกำลังเรียนรู้ครับ แหะๆ"

กระทู้ของผมอาจไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก สามารถสอบถามได้นะครับ ส่วนใหญ่จะเล่าผ่านรูปภาพเป็นหลัก (รูปเยอะหน่อยนะครับ)
แล้วก็ขอฝากเพจไว้หน่อยนะครับ พึ่งเปิดได้ไม่นานนี้เอง ยังโล่งๆอยู่เลย ;D จะทยอยอัพเดตเรื่อยๆนะ
FB: Me and Around ( https://www.facebook.com/MeAndAround/ )
ป.ล. tag location เป็นของ Zao Fox Village นะครับ ส่วนlocation ของGinzan Onsen จะมาแท็คให้ในกระทู้ต่อไปนะ

Link ของ Part 2 นะครับ: https://pantip.com/topic/36151863


+++งั้นก็มาเริ่มกันเลย​+++

Day 1: 8/2/2017


ผมออกเดินทาง flight รอบ 22.15 นาฬิกาครับ เป็นของสายการบิน Japan Airline  ครับ โดยจะเดินทางไปถึงประเทศญี่ปุ่นในตอนเช้าของวันที่ 9/2 ครับ

เพื่อนๆของผมถามว่าไปเที่ยวเนื่องในโอกาสอะไร ก็....โอกาสหยุดวันมาฆบูชาวันจันทร์ที่ 13/2 ครับ ผมเลยหยุดเที่ยวยาวไปเลย ;P (ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะ)

วันนี้ที่ผมไปตรงกับวันที่ Park Bogom จะมาไทย และ Lee Minhoจะกลับเกาหลีด้วยครับ คนเต็มสนามบินสุวรรณภูมิเลย555+ ผมก็ไปยืนดูนะ แต่รอไม่ไหวเดี๋ยวจะตกเครื่องซะก่อน

ผมขึ้นเครื่องไปได้ไม่นาน อาหารค่ำก็มาเสิร์ฟครับ

อาหารก็เป็นข้าวผัดตามในรูปเลยครับ และปลาแซลมอน ก็รสชาติจืดๆนะ แต่ก็กินได้นะ หลังจากทานมื้อค่ำเสร็จก็ดูหนังแล้วหลับไปจนถึงญี่ปุ่นเลยครับ


============================================================



Day 2: 9/2/2017


มาถึงสนามบิน Narita แล้วครับ รีบร้อนออกจากจุดตรวจคนเข้าเมืองเพื่อไปรับกระเป๋า แล้วต้องไปรับบัตร JR Pass ต่อเพื่อรีบไปขึ้นรถไฟให้ทันครับ (ทั้งทริปนี้จะใช้ JR Pass สำหรับเดินทางเกือบทั้งหมดเลยครับ) ซึ่งขนาดตอนไปต่อแถวรอบัตร JR Pass คนก็เยอะมากแล้วครับ เกือบตกรถไฟแหนะ ดังนั้นทุกคนที่ไป วางแพลนอย่าให้กระชั้นชิดมากนะครับ เดี๋ยวจะใจเต้นแรงแบบผมตั้งแต่เช้า

ซึ่งหลังจากนั้นก็เป็นการนั่งรถไฟยาวๆไปเลยครับ ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไปยังสถานี  Shiroishizao ครับ

ซึ่งอาหารเช้าก็แวะซื้อ Bento มาจากร้านที่ในสถานีนั่นแหละครับ กล่องละประมาณ 1,000 เยน

ภายในกล่องหน้าตาประมาณนี้ครับ

และเราก็มาถึงที่สถานี Shiroishizao กันแล้วครับ เย้ๆๆๆ ตื่นเต้นจัง555+ (ตอนนี้ข้างนอกหิมะตกด้วยนะ เพราะว่าเป็นฤดูหนาวครับ)

จากนั้นเราก็ไปติดต่อที่ศูนย์ท่องเที่ยวครับ เพื่อขอฝากกระเป๋า พนักงานก็จะพาเราไปที่ห้องเก็บของครับ (ไม่คิดค่าใช้จ่ายด้วยหละ) แล้วเขาก็เรียนรถ taxi ให้ครับ เพราะว่าจุดหมายแรกของผมที่จะไปก็คือ Zao Fox Village นั่นเองงงงงง.... จะได้ไปดูเจ้าจิ้งจอกน้อยแล้ว

ระยะเวลาจากสถานี Shiroishizao มาที่ Zao Fox Village ก็ประมาณ ครึ่งชั่วโมงครับ ค่าเดินทางอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาท ดังนั้นแนะนำให้มากัน 4 คนจะกำลังดีครับ จะได้ช่วยกันแบ่งเบาค่าเดินทางไปกลับ

และตอนนี้เราก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับกับหมู่บ้านจิ้งจอก!!! ค่าเข้าอยู่ที่ 1,000 เยนครับ และสามารถให้อาหารได้ด้วยนะ ถุงละ100เยน
(ตั๋วหน้าตาแบบนี้ครับ น่ารักมากเลย)

ซึ่งการเดินชมเจ้าจิ้งจอกเหล่านี้เราต้องระวังหน่อยนะครับ พี่พนักงานบอกว่า อย่านั่งยองๆ แล้วก็คอยระวังข้างหลังด้วยนะ เพราะว่าอาจจะโดนเจ้าพวกนี้กัดได้ครับ บางตัวผมกำลังถ่ายๆรูปอยู่ก็พุ่งจะเข้ามาฟัดเลนส์เลยหละ

โดยหลังจากผ่านทางเข้ามาแล้วจะเป็นโซนแบบมีจิ้งจอกบางตัวอาศัยอยู่ในกรงเล็กๆก่อนครับ และมีกรงหนึ่งมีเจ้าแพะตัวนี้ด้วยหละ 555+

แต่โซนที่ผมให้ความสนใจและตั้งมั่นว่าจะมาดูให้ได้ก็คือ โซนที่เจ้าจิ้งจอกน้อยวิ่งเล่นกันอย่างเป็นอิสระครับ (แต่ก็อยู่ในรั้วนะ แต่กว้างมากกกกกกๆ เดินถ่ายรูปได้เป็นชั่วโมงเลยนะ ถ้าไม่หนาวจนยอมแพ้ให้อากาศ 2 องศาเซลเซียสไปซะก่อน) คุณแม่ผมเข้ามาดูแปบเดียวแล้วก็วิ่งไปนั่งที่ฮีทเตอร์รอเลยครับ55+

แท๋น แท้นนนนนน



น่ารักมากๆเลยครับ วิ่งกันอลหม่าน เป็นร้อยๆตัวเลยนะ บางตัวก็รู้งานมากเลยหละ จิกกล้อง โพสท่าใหญ่เลย

และตัวที่หลับอยู่ก็มีให้เห็นเต็มไปหมดเลย น่าร้ากกก

บางตัวก็คือ!! "เฮ้ย เก๋าหรอ! -*-++++" // อะไม่ใช่

แต่บางตัวก็สู้กันรุนแรงเลยนะ ถึงขั้นเลือดตกยางออกเลยอ่ะ เห็นอยู่ไกลๆยังกลัวเลย แบบมีแผลเหวอะบนหัวก็มีอ่ะ T^T

ส่วนรูปนี้พวกตัวข้างหลังกำลังไปรุมแย่งอาหารที่มีคนซื้อมาเลี้ยงกันครั้บ แต่มีเจ้าตัวนี้มายืนโพสให้กล้องตอนผมเข้าไปพอดี555+ (ตอนหันหลังกลับมาเกือบถูกกัดแล้วหละ มี3-4ตัวแอบมายืนอยู่ข้างหลังตอนนั่งถ่ายรูปพอดีเลย)

นี่คือเจ้าตัวสีดำที่บอกไปครับ ไม่แน่ใจว่าจิ้งจอกสีดำกับขาวมีกี่ตัวนะทั้งหมด แต่เห็นอยู่สีละตัวถึง2ตัวนี่แหละครับ

และภาพสุดท้ายที่ถ่ายไว้ก็คือเจ้าตัวนี้ที่เหมือนจะกึ่งหลับกึ่งตื่นเลยเนอะ (ส่วนใหญ่ทุกตัวจะทำหน้าประมาณนี้แหละ เพราะอากาศหนาวรึเปล่านะ เลยง่วงๆละมั้ง)

-------------------- จบภาค Zao Fox Villageเพียงเท่านี้ครับ --------------------



หลังจากถ่ายรูปกับเจ้าจิ้งจอกเหล่านี้เสร็จ ก็เรียก taxi ให้มารับกลับไปที่สถานีรถไฟครับ เพื่อไปรับกระเป๋าคืน และเดินทางไปยังเป้าหมายต่อไป ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่าย3 แล้วหล่ะ มื้อเที่ยงก็ยังไม่ได้ทานอะไรเลย จึงต้องรองท้องด้วยมาม่าแกงกะหรี่อันนี้ที่เคยกิน ตอนมาญี่ปุ่นเมื่อครั้งที่แล้วครับ (ก็อร่อยดีนะ กินเล่นๆได้)

นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Oishida ครับ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตอนผมมาถึงฟ้าก็มืดสนิทแล้วครับ เกือบๆจะ 6 โมงเย็นละ มองไปก็ไม่ค่อยมีคนเท่าไหร่ ผมก็ลากกระเป๋าไปขึ้นรถ bus ครับ ใช้เวลานั่งเข้าไปในหมู่บ้าน Ginzan Onsen อีกประมาณ 1 ชั่วโมง (ไกลเนอะ T^T)

ผมก็แอบบ่นมุบมิบในใจว่า "โอยไกลขนาดนี้ ต้องสวยมากนะ ไม่งั้นไม่คุ้ม!!"

พอมาถึงป้ายหน้าหมู่บ้าน ก็เริ่มมีคนบ้างครับ เริ่มรู้สึกว่า เออ เขาก็มาเที่ยวกันนะ ไม่ได้มีเราคนเดียว 555+
(ความจริงตอนนี้เป็นช่วง High-season ของหมู่บ้านนี้เลยนะ ส่วนใหญ่เขาจะมานอนพักกันนะ เพราะเดินทางไกลมากกกก ถ้าแค่จะมาถ่ายหมู่บ้านมันไม่ใหญ่มากอ่ะ ไม่ถึงชั่วโมงก็ทั่วแล้วหละ ดังนั้นมาพักเถอะ จะได้ได้เห็นหมู่บ้านทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืนที่เปิดไฟด้วย บรรยากาศมันสวยกันคนละแบบเลยนะ  หัวเราะ )

และนี่คือปากทางเข้าหมู่บ้าน Ginzan Onsen ครับ

ถ้ามองย้อนกลับไปข้างหลัง จะเห็นวิวประมาณนี้ครับ

แค่เดินมาถึงตรงนี้ ผมก็อ้าปากหวอแล้วครับ เพราะว่ามันสวยมากกกกกกก(ก.ไก่ล้านตัววว) สวยแบบสวยมากจริงๆครับ หมู่บ้านเหมือนหลุดออกมาจากในเทพนิยายเลยนะ งดงามสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ เหมือนในอนิเมชั่นเรื่อง Spirit Away เป๊ะๆเลยครับ แถมมีหิมะตกเบาด้วย โรแมนติคสุดๆไปเลย และแน่นอนว่าคนเยอะมากเช่นกัน (ขนาดหนาว 0 องศาขนาดนี้ ยังออกมาเดินถ่ายรูปกันตรึม)

สำหรับโรงแรมคืนแรก ผมพักที่ Ryokan Matsumoto ครับ (คืนละประมาณ 5,000 บาท ต่อคนครับ เป็นราคา High-seasonนะ) เป็นเรียวกังแบบครอบครัว ขนาดตึกไม่ใหญ่มาก มีออนเซนเล็กๆให้ลงแช่ได้(แยกชายหญิง) ห้องพักก็เป็นสไตร์ญี่ปุ่นเลยครับ เสื่อทาตามิ นอนฝูก (ชอบมากเลย) และบริการแบบเหมือนพ่อแม่ดูแลลูกๆเลยนะ คุณเจ้าของเรียวกังน่ารักมากเลย ตอนจะออกไปเดินถ่ายรูป เขาก็มีรองเท้าบูทกับเสื้อกันหนาวให้ยืมไปใส่ได้ด้วยครับ (มีหลายไซส์นะ)

แต่ที่ติดใจมากเลยก็คือ เจ้านี่ครับ เหมือนจะเป็นโมจินะ ไส้ถั่วดำ แต่อร่อยมากๆอ่ะ แบบกัดเข้าไปคำแรกแล้วคือ "โอ้โห!!" สุดยอด นุ่มมาก แล้วมันไม่หวานเลี่ยนด้วย จนต้องถ่ายรูปมาลง แล้วคิดไว้ในใจว่าเดี๋ยวต้องไปถามว่ามีขายไหม 555 +

ถ้าใครได้ไปเที่ยวที่ Ginzan Onsen ต้องไปหาซื้อมากินให้ได้ อร่อยมากจริงๆ สาบาน ยังอยากกินอยู่เลย

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุด Yukata ที่เรียวกังจัดไว้ให้แล้ว ก็ลงไปทานมื้อเย็นที่ชั้น 3 ครับ หิวโหยมาทั้งวันกินแต่อาหารรองเท้า ไม่ได้กินข้าวเป็นชิ้นเป็นอันเลย มาเจอมื้อนี้เข้าไป ยิ้มเลยครับ ชุดใหญ่ไฟกระพริบมาก มีทั้งเนื้อหมู วัว ปลา สตอร์เบอร์รี่ ฯลฯ ดูรูปเอานะ ;) มีก้อนวุ้นราดวาซาบิด้วย แปลกดี แต่ก็อร่อยนะ สั้นๆเลยก็คือวันนี้ อิ่มแล้วครับ แหะ แหะ

หลังจากนั้นก็เป็นการใส่ชุด Yukata ออกมาลุยหนาวครับ ถ่ายอยู่เกือบ 2 ชั่วโมงเลยครับ อากาศ 0 องศาเซลเซียส ก็หยุดผมไม่ได้.....

วิวนี้คือด้านข้างเรียวกังที่พักไปนิดหน่อยครับ

และถ้าเดินไปอีกหน่อย จะมีตึกอยู่ตึกนึงซึ่งอยู่เกือบจะด้านในสุดของหมู่บ้านแล้วครับ มีสะพานสีไม่เหมือนคนอื่นด้วยนะ สะพานอื่นจะเป็นสีน้ำตาลครับ แต่ของตึกนี้เป็นสีแดง และแน่นอนมันเป็นมุมมหาชน คนต่อแถวกันถ่ายรูปไม่หวั่นไม่ไหว กว่าคนจะเริ่มน้อยๆก็เกือบ5ทุ่มกว่าๆแล้วครับ

ทุกๆครึ่งชั่วโมงมือจะเริ่มแข็งจนหมุนและปรับกล้องไม่ไหวครับ เพราะว่าไม่ได้ใส่ถุงมือ ผมเลยต้องวิ่งกลับไปเรียวกังแล้วไปอังฮีทเตอร์ให้เลือดหมุนเวียนก่อนมือจะทำงานไม่ได้ ไปๆกลับๆมันอย่างนี้อยู่ 5-6 รอบแหนะ 555+ แล้วก็ไม่ได้คิดจะหยุดถ่ายรูปหรอกนะจนกระทั่ง แบตเตอรี่กล้องหมด T^T ก็เลยต้องหยุดถ่ายแล้วกลับมาเรียวกัง

แช่ onsen แล้วก็สบายตัวขึ้นมากเลยครับ ขึ้นมาที่ห้องพักก็หลับสบายไปเลยหละ

============== เจอกัน Part 2 นะคร้าบ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ครับ ==============
ชื่อสินค้า:   Japan
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่