ช่วงนี้มีโอกาสมาเล่าประสบการณ์ค่อนข้างถี่ เนื่องจาก My Boss ไปต่างประเทศ จับคอมพ์พิมพ์งานไป
พิมพ์งานมา เลยแวะเข้ามาในนี้ได้ ^^
ขวางที่ขวางทาง เป็นชื่อเรื่องมาจากอะไร อันที่จริงเป็นชื่อเรื่องมาจากการนอนหลับของเรานั่นเอง...
เริ่มจากบ้านที่ปทุม ชั้น 2 ห้องนอนของแม่จะกั้นห้องไว้ส่วนหนึ่งเพื่อทำเป็นห้องพระ มีทั้งพระพุทธรูป
รูปปั้นเทพที่นับถือ และเครื่องรางเกี่ยวกับการค้าขาย อาทิ เจ้าแม่นางกวัก นกสาริกา พญาเต่างอยฯลฯ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้งมงาย แต่แม่นอกจากจะเป็นแม่บ้านแล้ว ก็ยังเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ใครที่ค้าขายก็จะ
ต้องมีท่านเหล่านี้ไว้บูชา
ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เรากับพ่อจะกลับมาบ้านที่ปทุม และเราก็ไม่เคยแยกออกไปนอนห้องเราคนเดียว
เรามักจะนอนห้องเดียวกับพ่อแม่จนถึงปัจจุบัน พ่อกับแม่นอนบนเตียง ส่วนเราจะปูที่นอนปิคนิคนอนหน้า
ห้องพระ เพราะมันเหลือพื้นที่แค่บริเวณนั้นที่สามารถปูที่นอนได้ ส่วนน้องชายนางได้อภิสิทธิ์นางได้นอน
บนเตียงกับพ่อแม่ตลอด (บ้านเราจนถึงทุกวันนี้ เรากับน้องชายก็โตมากแล้ว แต่ก็ยังไม่แยกห้องนอนเลย)
ทุกครั้งที่มานอน เราก็จะปูที่นอนนอนหน้าห้องพระ ทำกิจวัตรแบบนี้มาเป็นระยะเวลาหลายปีแต่...ก็ไม่เข็ด...
ครั้งแรกของที่มา "ขวางที่ขวางทาง"
"แม่จัดห้องพระเสร็จแล้ว วางท่าน ๆ ไว้ตรงนี้ก็ดีนะ เวลาเข้ามาไหว้ก็สะดวกดี" แม่พูดพลางยกมือไหว้และ
ถวายน้ำและดอกไม้สำหรับการจัดหิ้งใหม่
"โหแม่ หิ้งใหญ่เลยนะ ตรงนี้ดูขลังไปเลย" เราบอก
"อ้าว ไม่ได้หรอก นอกจากจะทำให้สมเกียรติแล้ว เจ้าบ้านก็ต้องสวดมนต์ด้วยนะ มือถือสากปากถือศีลไม่ได้
ท่านไม่ชอบ"
ก็อย่างที่บอกไปว่าแม่เราค้าขาย ต้องพูดคุยกับลูกค้าบางทีก็ต้องไปประมูลชุดฟอร์มพยาบาลหรือชุดสูทบ้าง
ดังนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับการค้าขายก็ต้องบูชาเป็นเรื่องธรรมดา
"อ้าวแม่ แล้วแบบนี้หนูจะมานอนห้องแม่ยังไงล่ะ แบ่งห้องตรงนี้เป็นห้องพระ แล้วหนูจะนอนตรงไหน?"
"ก็ปูที่นอนหน้าห้องพระก็ได้ แม่ทำฉากกั้นไว้ แต่อย่านอนดิ้นไปถีบฉากล่ะ" แม่พูด
ดังนั้น หน้าห้องพระจึงเป็นที่ประจำของเราไปโดยปริยาย
เมื่อถึงเวลาเข้านอน แม่พาเราและน้องชายสวดมนต์ คืนนั้นพ่อไม่อยู่ไปราชการต่างจังหวัดเช่นเดิม เมื่อสวดจบ
แม่ก็เตือนเราอีกทีก่อนนอนว่าอย่านอนดิ้นไปถีบฉากกั้นนะ เดี๋ยวจะล้มมาทับตัวเอง เราตกลงหลับตาห่มผ้า
แล้วคล้อยหลับไป ตื่นเช้ามาเก็บที่นอนพับผ้าห่ม กำลังจะเปิดประตูห้องออกไปเข้าห้องน้ำ แม่ไม่อยู่ที่เตียง
น้องชายยังคงนอนอยู่ แต่นางนอนลืมตาจ้องมองมาที่เรา เราเลยถามว่า
"ไม่รีบตื่นไปดูโดราเอมอนหรอ นอนแช่เตียงทำไม"
"ดูพี่สนุกกว่า อิ อิ"
"ทำไมดูพี่ต้องสนุกด้วย นี่ใครเนี่ย น้องหรอ?"
น้องชายไม่ตอบแล้วก็รีบลุกจากเตียงเปิดประตูห้องวิ่งลงไปข้างล่างทันที ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าในคำตอบ
แต่เราไม่คิดอะไรมาก เพราะน้องชายตอนนั้นก็วัยประถมต้น คงพูดอะไรล้อเล่นเรื่อยเปื่อย เราจึงเดินตามลงไป
เมื่อลงไปข้างล่างเห็นน้องชายยืนอ้อนแม่กอดแม่อยู่ เราจึงวิ่งไปกอดแม่เพื่อแหย่เล่นบ้าง แม่ก็กอดเรากลับ
"โอ๊ย!!!" เราร้องออกมาหลังจากแม่กอด
"เป็นอะไร?" แม่เราถาม
"เจ็บแขนอะแม่ ไม่รู้เป็นไร"
เมื่อพูดจบเราก็เอามือคลำ ๆ บริเวณแขนที่เจ็บแล้วถกแขนเสื้อขึ้น ปรากฏว่าที่แขน
เป็นรอยนิ้วมือและผิวช้ำสีม่วงเขียว เป็นจ้ำ ๆ เรากับแม่ตกใจมากและหันไปมองหน้าน้องชาย เหมือนน้องชาย
จะรู้ว่าที่มองหน้าเพื่อต้องการคำตอบ แต่น้องชายกลับทำเป็นไม่สนใจวิ่งไปเปิดทีวีช่อง9 โมเดิร์นไนการ์ตูน TT
ขวางที่ขวางทาง
พิมพ์งานมา เลยแวะเข้ามาในนี้ได้ ^^
ขวางที่ขวางทาง เป็นชื่อเรื่องมาจากอะไร อันที่จริงเป็นชื่อเรื่องมาจากการนอนหลับของเรานั่นเอง...
เริ่มจากบ้านที่ปทุม ชั้น 2 ห้องนอนของแม่จะกั้นห้องไว้ส่วนหนึ่งเพื่อทำเป็นห้องพระ มีทั้งพระพุทธรูป
รูปปั้นเทพที่นับถือ และเครื่องรางเกี่ยวกับการค้าขาย อาทิ เจ้าแม่นางกวัก นกสาริกา พญาเต่างอยฯลฯ
ทั้งหมดนี้ไม่ได้งมงาย แต่แม่นอกจากจะเป็นแม่บ้านแล้ว ก็ยังเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ใครที่ค้าขายก็จะ
ต้องมีท่านเหล่านี้ไว้บูชา
ทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ เรากับพ่อจะกลับมาบ้านที่ปทุม และเราก็ไม่เคยแยกออกไปนอนห้องเราคนเดียว
เรามักจะนอนห้องเดียวกับพ่อแม่จนถึงปัจจุบัน พ่อกับแม่นอนบนเตียง ส่วนเราจะปูที่นอนปิคนิคนอนหน้า
ห้องพระ เพราะมันเหลือพื้นที่แค่บริเวณนั้นที่สามารถปูที่นอนได้ ส่วนน้องชายนางได้อภิสิทธิ์นางได้นอน
บนเตียงกับพ่อแม่ตลอด (บ้านเราจนถึงทุกวันนี้ เรากับน้องชายก็โตมากแล้ว แต่ก็ยังไม่แยกห้องนอนเลย)
ทุกครั้งที่มานอน เราก็จะปูที่นอนนอนหน้าห้องพระ ทำกิจวัตรแบบนี้มาเป็นระยะเวลาหลายปีแต่...ก็ไม่เข็ด...
ครั้งแรกของที่มา "ขวางที่ขวางทาง"
"แม่จัดห้องพระเสร็จแล้ว วางท่าน ๆ ไว้ตรงนี้ก็ดีนะ เวลาเข้ามาไหว้ก็สะดวกดี" แม่พูดพลางยกมือไหว้และ
ถวายน้ำและดอกไม้สำหรับการจัดหิ้งใหม่
"โหแม่ หิ้งใหญ่เลยนะ ตรงนี้ดูขลังไปเลย" เราบอก
"อ้าว ไม่ได้หรอก นอกจากจะทำให้สมเกียรติแล้ว เจ้าบ้านก็ต้องสวดมนต์ด้วยนะ มือถือสากปากถือศีลไม่ได้
ท่านไม่ชอบ"
ก็อย่างที่บอกไปว่าแม่เราค้าขาย ต้องพูดคุยกับลูกค้าบางทีก็ต้องไปประมูลชุดฟอร์มพยาบาลหรือชุดสูทบ้าง
ดังนั้น สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำหรับการค้าขายก็ต้องบูชาเป็นเรื่องธรรมดา
"อ้าวแม่ แล้วแบบนี้หนูจะมานอนห้องแม่ยังไงล่ะ แบ่งห้องตรงนี้เป็นห้องพระ แล้วหนูจะนอนตรงไหน?"
"ก็ปูที่นอนหน้าห้องพระก็ได้ แม่ทำฉากกั้นไว้ แต่อย่านอนดิ้นไปถีบฉากล่ะ" แม่พูด
ดังนั้น หน้าห้องพระจึงเป็นที่ประจำของเราไปโดยปริยาย
เมื่อถึงเวลาเข้านอน แม่พาเราและน้องชายสวดมนต์ คืนนั้นพ่อไม่อยู่ไปราชการต่างจังหวัดเช่นเดิม เมื่อสวดจบ
แม่ก็เตือนเราอีกทีก่อนนอนว่าอย่านอนดิ้นไปถีบฉากกั้นนะ เดี๋ยวจะล้มมาทับตัวเอง เราตกลงหลับตาห่มผ้า
แล้วคล้อยหลับไป ตื่นเช้ามาเก็บที่นอนพับผ้าห่ม กำลังจะเปิดประตูห้องออกไปเข้าห้องน้ำ แม่ไม่อยู่ที่เตียง
น้องชายยังคงนอนอยู่ แต่นางนอนลืมตาจ้องมองมาที่เรา เราเลยถามว่า
"ไม่รีบตื่นไปดูโดราเอมอนหรอ นอนแช่เตียงทำไม"
"ดูพี่สนุกกว่า อิ อิ"
"ทำไมดูพี่ต้องสนุกด้วย นี่ใครเนี่ย น้องหรอ?"
น้องชายไม่ตอบแล้วก็รีบลุกจากเตียงเปิดประตูห้องวิ่งลงไปข้างล่างทันที ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าในคำตอบ
แต่เราไม่คิดอะไรมาก เพราะน้องชายตอนนั้นก็วัยประถมต้น คงพูดอะไรล้อเล่นเรื่อยเปื่อย เราจึงเดินตามลงไป
เมื่อลงไปข้างล่างเห็นน้องชายยืนอ้อนแม่กอดแม่อยู่ เราจึงวิ่งไปกอดแม่เพื่อแหย่เล่นบ้าง แม่ก็กอดเรากลับ
"โอ๊ย!!!" เราร้องออกมาหลังจากแม่กอด
"เป็นอะไร?" แม่เราถาม
"เจ็บแขนอะแม่ ไม่รู้เป็นไร"
เมื่อพูดจบเราก็เอามือคลำ ๆ บริเวณแขนที่เจ็บแล้วถกแขนเสื้อขึ้น ปรากฏว่าที่แขน
เป็นรอยนิ้วมือและผิวช้ำสีม่วงเขียว เป็นจ้ำ ๆ เรากับแม่ตกใจมากและหันไปมองหน้าน้องชาย เหมือนน้องชาย
จะรู้ว่าที่มองหน้าเพื่อต้องการคำตอบ แต่น้องชายกลับทำเป็นไม่สนใจวิ่งไปเปิดทีวีช่อง9 โมเดิร์นไนการ์ตูน TT