จากปัญหาในที่ทำงาน ที่เราได้มาระบายลงในกระทู้นี้ ->
https://pantip.com/topic/36124479
เราก็ได้ไปเล่าให้พ่อฟัง เล่าให้พ่อฟังน้อยกว่าที่ระบายลงในกระทู้อีก พอเราเล่าให้พ่อฟังว่าเราเครียด เราเบื่อ เรากำล้ังมองหางานใหม่ที่ดีกว่า พ่อก็บอกเราว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากเดิมที่เรามีนิสัยเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่หือไม่อือ พ่อบอกให้เราฝึกและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนพูดมากๆ จะได้เจริญๆ เพราะคนเงียบๆไม่มีทางเจริญได้เองหรอก ดูไม่สง่างาม แถมยังถูกคนอื่นใช้งานหนักอีก เพราะไม่พูด เราก็เถียงพ่อไปว่า ถ้ามันฝึกกันง่ายๆ ป่านนี้เราคงพูดเก่งไปแล้ว อะไรที่มันฝืนความรู้สึกเกินไป เราจะไม่ทำ มีแต่คนนิสัยไม่ดีเท่านั้นที่จะเอาเปรียบคนอื่นเพราะเห็นว่าเขาไม่พูด ถึงจะไม่ค่อยพูด แต่ถ้าวันไหนทนไม่ไหวก็คงจะพูดสวนกลับไปแรงๆ พ่อเราก็เลยเลิกพูด เราไม่ชอบเลย พ่อพูดเหมือนผู้จัดการเรา ทั้งคู่เอาแต่บอกให้เราเลิกเป็นคนเงียบๆ เราสงสัยว่าคนนิสัยเงียบๆ แบบเรามันจะไม่เป็นที่ยอมรับของใครเลยหรือไง มันจะไม่มีที่ยืนในสังคมเลยใช่ไหม ก็แค่ไม่ชอบพูดเยอะ ไม่ชอบเมาท์มอย และชอบพูดกับคนที่อยากจะพูดด้วยก็เท่านั้น ชอบใครก็พูดด้วยเยอะหน่อย ไม่ชอบใครก็ไม่พูดด้วย แค่นั้นเอง
นอกจากนี้พ่อยังไปว่าแม่เรา โทษแม่อีกว่าแม่เลี้ยงเราไม่ดี เลี้ยงเราเป็นคุณหนู ไม่รู้จักอดทนต่อความลำบาก (เรารู้ว่าแม่โดนพ่อว่า เพราะแม่โทรมาเล่าให้เราฟัง) เราก็แบบ เฮ้ย อะไรวะ ถ้าคนอื่นได้มาสัมผัสกับสภาพแวดล้อมและสังคมการทำงานแบบเรา ก็ต้องบ่นเหมือนกัน ก็ต้องเครียดและกดดันเหมือนกัน ก่อนหน้านี้พ่อก็บอกเราว่า คนเราเมื่อเจอทางที่ดีกว่า เจริญกว่า เราก็ย้ายไปที่นั่น ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดิมต่อไปเรื่อยๆ แล้วนี่พอเราบอกพ่อว่าจะหางานใหม่ที่ดีกว่า แล้วลาออกจากงานเดิมซะ พ่อกลับว่าเรา มันหมายความว่ายังไง ส่วนแม่ก็บอกเราว่าถ้ามีปัญหาในที่ทำงานก็บอกผู้จัดการไปตรงๆเลย ว่าเรารับไม่ไหวแล้ว เพราะถ้าไม่บอก เขาก็ไม่รู้ แต่เราคิดว่ามันไม่ง่ายที่จะไปบอกผู้จัดการแบบนั้น เพราะผู้จัดการและรุ่นพี่ในทีมเราต่างมองว่า เรามีงานไม่เยอะ แต่เราทำงานช้าเอง และการที่เรามีงานเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเอง และช่วยในเรื่องคะแนนผลประเมินการทำงานของเราด้วย พวกเขาคิดกันแบบนี้ ทั้งๆที่เราต้องอยู่ทำงานดึกๆทุกครั้งที่มีงาน เงินค่าโอทีก็ไม่มี แต่ช่วงไหนไม่มีงานก็จะว่างจนน่าเบื่อ เราไม่โอเคเลย
เราแค่บอกพ่อว่าเครียดงาน อยากลาออก ทำไมพ่อต้องว่าเรากับแม่ด้วย
เราก็ได้ไปเล่าให้พ่อฟัง เล่าให้พ่อฟังน้อยกว่าที่ระบายลงในกระทู้อีก พอเราเล่าให้พ่อฟังว่าเราเครียด เราเบื่อ เรากำล้ังมองหางานใหม่ที่ดีกว่า พ่อก็บอกเราว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง จากเดิมที่เรามีนิสัยเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ไม่หือไม่อือ พ่อบอกให้เราฝึกและเปลี่ยนตัวเองเป็นคนพูดมากๆ จะได้เจริญๆ เพราะคนเงียบๆไม่มีทางเจริญได้เองหรอก ดูไม่สง่างาม แถมยังถูกคนอื่นใช้งานหนักอีก เพราะไม่พูด เราก็เถียงพ่อไปว่า ถ้ามันฝึกกันง่ายๆ ป่านนี้เราคงพูดเก่งไปแล้ว อะไรที่มันฝืนความรู้สึกเกินไป เราจะไม่ทำ มีแต่คนนิสัยไม่ดีเท่านั้นที่จะเอาเปรียบคนอื่นเพราะเห็นว่าเขาไม่พูด ถึงจะไม่ค่อยพูด แต่ถ้าวันไหนทนไม่ไหวก็คงจะพูดสวนกลับไปแรงๆ พ่อเราก็เลยเลิกพูด เราไม่ชอบเลย พ่อพูดเหมือนผู้จัดการเรา ทั้งคู่เอาแต่บอกให้เราเลิกเป็นคนเงียบๆ เราสงสัยว่าคนนิสัยเงียบๆ แบบเรามันจะไม่เป็นที่ยอมรับของใครเลยหรือไง มันจะไม่มีที่ยืนในสังคมเลยใช่ไหม ก็แค่ไม่ชอบพูดเยอะ ไม่ชอบเมาท์มอย และชอบพูดกับคนที่อยากจะพูดด้วยก็เท่านั้น ชอบใครก็พูดด้วยเยอะหน่อย ไม่ชอบใครก็ไม่พูดด้วย แค่นั้นเอง
นอกจากนี้พ่อยังไปว่าแม่เรา โทษแม่อีกว่าแม่เลี้ยงเราไม่ดี เลี้ยงเราเป็นคุณหนู ไม่รู้จักอดทนต่อความลำบาก (เรารู้ว่าแม่โดนพ่อว่า เพราะแม่โทรมาเล่าให้เราฟัง) เราก็แบบ เฮ้ย อะไรวะ ถ้าคนอื่นได้มาสัมผัสกับสภาพแวดล้อมและสังคมการทำงานแบบเรา ก็ต้องบ่นเหมือนกัน ก็ต้องเครียดและกดดันเหมือนกัน ก่อนหน้านี้พ่อก็บอกเราว่า คนเราเมื่อเจอทางที่ดีกว่า เจริญกว่า เราก็ย้ายไปที่นั่น ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่เดิมต่อไปเรื่อยๆ แล้วนี่พอเราบอกพ่อว่าจะหางานใหม่ที่ดีกว่า แล้วลาออกจากงานเดิมซะ พ่อกลับว่าเรา มันหมายความว่ายังไง ส่วนแม่ก็บอกเราว่าถ้ามีปัญหาในที่ทำงานก็บอกผู้จัดการไปตรงๆเลย ว่าเรารับไม่ไหวแล้ว เพราะถ้าไม่บอก เขาก็ไม่รู้ แต่เราคิดว่ามันไม่ง่ายที่จะไปบอกผู้จัดการแบบนั้น เพราะผู้จัดการและรุ่นพี่ในทีมเราต่างมองว่า เรามีงานไม่เยอะ แต่เราทำงานช้าเอง และการที่เรามีงานเพิ่มขึ้น ก็จะช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเอง และช่วยในเรื่องคะแนนผลประเมินการทำงานของเราด้วย พวกเขาคิดกันแบบนี้ ทั้งๆที่เราต้องอยู่ทำงานดึกๆทุกครั้งที่มีงาน เงินค่าโอทีก็ไม่มี แต่ช่วงไหนไม่มีงานก็จะว่างจนน่าเบื่อ เราไม่โอเคเลย