[WSBK] 2017 Season Preview: ใครจะเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์เขียว Kawasaki

นอกจาก MotoGP แล้ว WSBK ถือเป็นอีกรายการที่แฟนมอเตอร์สปอร์ตไม่ควรพลาดเช่นเดียวกัน ปี 2017 นี้น่าจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญของ Kawasaki ว่าจะยังคงแข็งแกร่ง ยืนเป็นภูผาหินอยู่เหมือนเดิมรึเปล่า หลังจากที่ก้าวขึ้นมายึดหัวหาดของ WSBK ได้ในตลอดช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา เพราะทีมคู่แข่งในปีนี้นั้นถือว่าแข็งแกร่งกว่าเดิมค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคู่กัดเจ้าประจำอย่าง Ducati นั้นถือว่าเตรียมทีมมาแบบเต็มสูบ  


Jonathan Rea - Kawasaki ZX-10R


Honda เองก็ถือว่ามีการขยับตัวในฝั่ง SBK ค่อนข้างเยอะ นอกเหนือจากรถ Honda CBR1000RR คันใหม่แล้ว การได้ Red Bull เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักให้กับทีมนั้นถือว่าเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจอยู่พอสมควร นอกจากนี้แล้ว ทั้ง Yamaha และ Aprilia ก็เตรียมทีมมาค่อนข้างดี เราลองไปดูภาพรวมคร่าวๆของศึก Superbike World Championship ฤดูกาลนี้กัน


2017 Honda WSBK CBR1000RR


Kawasaki Racing Team
เริ่มกันที่แชมป์เก่าคาวาซากิ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึก WSBK ที่ในปีนี้ก็หมายมั่นปั้นมือว่าจะยึดแชมป์ยาวๆไปอีกซัก 10 ปี 555 ในปีนี้ยังคงเป็นไลน์อัพคู่เดิมคือ Jonathan Rea  กับ Tom Sykes ที่ทั้งคู่เพิ่งจะขยายสัญญากับ KRT ออกไปอีก 2 ปี นอกจากฝีมือของนักแข่งที่ทั้ง Rea และ Sykes ที่ถือเป็นนักแข่งฝีมือดีระดับแชมป์โลกทั้งคู่แล้ว รถ ZX-10R ถือเป็นอีก 1 อาวุธหลักที่ทำให้คาวาซากินั้นก้าวขึ้นมาเป็นพี่เบิ้มในฝั่งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ


Jonathan Rea[1]  - Tom Sykes[66]


การพัฒนารถซีรี่ย์ใหม่อย่าง ZX-10RR ซึ่งชื่อของมันก็บอกอยู่แล้วว่าถูกสร้างขึ้นมาเพื่อนักแข่งโดยเฉพาะ ขายในปริมาณจำกัดในราคาที่สูงขึ้นพอให้ผ่านกับจำนวนที่ทาง WSBK กำหนด ทำให้ทาง Kawasaki สามารถใส่สเปคแบบจัดเต็มได้และอัพเกรดได้แทบทุกปี อย่างในเวอร์ชั่นปี 2017 นี้ก็จะมีทั้ง Kawasaki’s KQS quick-shifter ที่ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์นั้นทำได้โดยไม่ต้องใช้คลัช ล้อแบบพิเศษที่พัฒนาโดย Marchesini รวมถึงออพชั่นอื่นๆที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของรถ ด้วยเหตุนี้ ทำให้รถของคาวาซากินั้นกลายเป็นรถแถวหน้าใน WSBK ที่ ก็นะ...ถือว่าเหนื่อยสำหรับโรงงานอื่นที่ต้องการจะขึ้นมาต่อกรกับค่ายเขียว แต่ชีวิตมันก็แบบนี้ล่ะ หาความยุติธรรมยาก ห้าห้า


Kawasaki ZX-10RR


แชมป์โลก 2 สมัยซ้อนอย่างโจนาธาน เรีย กับทอม ไซค์ ต่างพกดีกรีแชมป์โลกติดตัวกันทั้งคู่และแน่นอนว่าทั้งคู่ล้วนแต่เป็นตัวเต็งที่จะได้แชมป์โลกในปีนี้ไปครอง JR นั้นถือเป็นนักแข่งที่ค่อนข้างจะครบเครื่อง ได้ทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น ที่โดดเด่นก็คงจะเป็นความนิ่ง ที่ทำให้เค้าสามารถยืนระยะมาได้ตลอดทั้ง 2 ฤดูกาล แม้ว่าเราจะเห็นจำนวน DNF ของ Rea เพิ่มขึ้นในปีที่แล้ว แต่ก็ยังถือว่ายังน้อยอยู่ เป้าหมายคือ JR คือแชมป์โลก 3 สมัยติด ซึ่งถ้าทำได้จะเท่าให้เค้ากลายเป็นคนแรกที่ทำได้และก้าวขึ้นไปครองอันดับ 2 ร่วมในอันดับนักแข่งที่ได้แชมป์ WSBK มากที่สุด โดยในขณะนี้ นักแข่งที่เป็นเจ้าของแชมป์ WSBK สูงสุดยังคงเป็นของ Carl Fogarty จากสหราชอาณาจักรฯอยู่ (4 สมัย)


ผมยังแฮปปี้กับ KRT อยู่ครับ


ในส่วนของทอม ไซค์นั้น หลังจากที่ดึงสมาธิกลับมาได้ จากกรณีที่เค้ามีเรื่องกับอดีตเพื่อนร่วมทีมอย่าง Loriz Baz เมื่อปลายปี 2014 ทำให้ผลงานในปีที่แล้วนั้นถือว่ากลับมาดีอีกครั้ง TS สามารถสร้างความลำบากให้กับ JR ได้เกือบตลอดทั้งฤดูกาล 2016 เชื่อว่าการต่อสู้ของทั้งคู่ในปีนี้น่าจะดำเนินต่อไปอย่างสูสีและเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม เป้าหมายของไซค์ก็อยู่ที่ตำแหน่งแชมป์โลกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้แล้ว การรักษาแชมป์โลกให้อยู่กับทีมกรีนต่อไป ก็เป็นหน้าที่หลักของทั้งคู่ที่ต้องช่วยกันทำให้ได้

Aruba.it Racing – Ducati


Ducati Panigale R


ดูคาติพยายามที่จะโค่นบัลลังค์คาวาซากิมา 2-3 ปีละ ซึ่งยังไม่สำเร็จซักกะที ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามก็อยู่ที่นั่น และดูเหมือนปีนี้ดูคาติจะจัดหนักกว่าเดิม เจ้า Panigale R ยังคงเป็นรถที่ใช้ในการลุยศึกเหมือนเดิม ก่อนที่ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อีก 2 ปีข้างหน้า รถ WSBK ของดูคาติน่าจะเปลี่ยนไปใช้เครื่องแบบ V4 โดยตัวรถน่าจะออกมาในท้องตลาดในปี 2018


เรามาดับซ่าส์คาวาซากิกันแชส เดี๋ยวเฮเปิด เอ็งลุยเลยนะ


Chaz Davies ยังถือเป็นกระบี่มือ 1 ที่ดูคาติคาดหวังให้ก้าวขึ้นไปคว้าตำแหน่งแชมป์โลกในปีนี้ให้ได้ การชนะ 6 สนามรวดเมื่อปลายฤดูกาลที่แล้วน่าจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับแชสขึ้นมาเยอะเลย ความเร็วนั้นมีเพียงพอแล้ว ที่เหลือก็คือความนิ่งเท่านั้น 30-40 คะแนนที่ขาดหายไป ชดเชยได้จากการลด DNF ลง 2 สนามเท่านั้น การต่อสัญญาฉบับใหม่กับดูคาติมี เป้าหมายหลักอยู่ที่แชมป์โลก WSBK ก่อนที่อาจจะได้ย้ายข้ามไป MotoGP ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งโอกาสตรงนี้น่าจะทำให้ Chaz Davies นั้นน่าจะมุ่งมั่นมากกว่าเดิม


จัดหนักแน่นอนครับพี่น้อง จับตาดูผมให้ดีๆ


ที่น่าสนใจและเรียกเสียงฮือฮาได้มากๆก็คือการที่ดูคาติกล้าที่จะเรียก Marco Melandri ที่ตอนนี้ถือเป็นม้าพยศของ Aprilia กลับมาสู่สนามแข่งอีกรอบ และเมลันดรี่ก็แสดงให้เห็นจากการทดสอบแล้วว่าเค้ายังคงมีความเร็วอยู่ แต่ที่ล้มเหลวกับ Aprilia นั้นเพียงเพราะเค้าไม่ต้องการที่จะไปเป็นหางราชสีห์ในฝั่งนู้นเท่านั้นเอง ก็นะ ถ้ามองในเรื่องของความเป็นมืออาชีพ นายจ้างให้ไปทำอะไร ก็คงต้องทำให้เต็มที่ แต่ทาง Aprilia เองก็พลาดที่พยายามดึงเค้าไปแข่ง MotoGP ทั้งๆที่เจ้าตัวนั้นไม่ได้อยากไป การเจรจายกเลิกสัญญาที่ล้มเหลวถือเป็นบทเรียนครั้งสำคัญของทั้ง Aprilia และ Marco Melandri


เปิดเซฟเฮาส์กันหน่อย


การกลับมาของ Melandri น่าจะทำให้บรรดากลุ่มนักแข่งในหัวแถวคงต้องปวดหัวกันไปเป็นแถว เพราะนอกจากจะมีนักแข่งมาแย่งพื้นที่บนโพเดี่ยมเพิ่มขึ้นแล้ว ลีลาการขี่ของ MM33 นั้นถือว่าเพิ่มความเสี่ยงที่นักแข่งคนอื่นจะโดนกวาดล้มไปด้วยสูงขึ้นปรี๊ดเลย แต่สีสันในการแข่ง WSBK นั้น รับรองได้ว่าเผ็ดร้อนขึ้นกว่าเดิมแน่นอน

Red Bull Honda WorldSBK

อดีตเด็ก Honda ใน MotoGP มารวมตัวกันอีกครั้งที่ WSBK


กลายเป็นทีมที่น่าจับตามองขึ้นมาทันทีสำหรับค่ายปีกนกในปีนี้ หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงภายในทีมหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรถ Honda CBR1000RR Fireblade ที่ถือเป็นรุ่นที่มีการปรับปรุงในรอบหลายปีของ Honda ทีมแข่งยังคงทำโดย Ten Kate เหมือนเดิม แต่การได้ผู้สนับสนุนหลักอย่าง Red Bull น่าจะทำให้ทีมนั้นมีศักยภาพในการพัฒนารถมากขึ้น สำหรับรถใหม่ของ Honda นั้นถือว่ามาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆในยุคสมัยนี้อย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น Quickshiffer, ระบบควบคุมคันเร่งแบบ Ride by wire และเทคโนโลยีอื่นๆ เฟรมและสวิงอาร์มนั้นถูกพัฒนาขึ้นใหม่ ทำให้น้ำหนักของตัวรถนั้นเบากว่ารุ่นเก่าถึง 14 กิโลกรัม  โดยรวมแล้วเชื่อว่าตัวรถน่าจะดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด


เฮียคิดการณ์ใหญ่นะปีนี้


Nickey Heyden ออกมาบอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการไล่ล่าแชมป์โลกในปีนี้ หลังจากมีประสบการณ์ใน WSBK แล้ว 1 ฤดูกาล แต่จริงๆก็ถือว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะ KRT นั้นเป็นทีมโรงงานที่มีบุคลากรเยอะมาก ดูจากการขยับตัวแล้ว เชื่อว่าทาง HRC น่าจะส่งบรรดาทีมช่างมาช่วยฝั่ง Ten Kate เพิ่มขึ้น การขึ้นไปติดอันดับ 1 ใน 3 น่าจะเป็นเป้าหมายที่น่าจะเป็นไปได้มากกว่าการลุ้นแชมป์ ปีที่แล้วเฮเด้นชนะการแข่งขันได้ 1 ครั้ง และได้ที่ 3 อีก 3 ครั้ง ต้องรอดูว่าดาวบิดจากเคนตักกี้ผู้นี้จะเพิ่มชัยชนะให้กับตัวเองได้อีกกี่ครั้ง แต่เป้าหมายบนโพเดี่ยมน่าจะอยู่ที่หลัก 10 ครั้งขึ้นไป


สู้ๆค้าบ


Stefan Bradle จะย้ายมาลุย WSBK เป็นปีแรก แต่การปรับตัวให้เข้ากับยาง สนามใหม่ๆ ก็คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการปรับตัว แม้ว่าแบรดเดิ้ลจะมีประสบการณ์ใน GP มาหลายปี แต่การที่จะข้ามมาสร้างชื่อในฝั่งนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ระดับของนักแข่งนั้นถือว่าห่างกันไม่เยอะ ถ้าไม่นับพวกตัวทอปในจีพี SB6 เป้าหมายแรกน่าจะอยู่ที่การกลับไปขึ้นโพเดี่ยมให้ได้ก่อน ซึ่งแค่นี้ก็ถือว่าหินพอสมควรละ


Red Bull Gives You Wings


ช่องว่างของคะแนนจาก Kawasaki และ Ducati น่าจะเป็นตัวชี้วัดที่บ่งบอกถึงผลงานของ Honda ในปีนี้ได้ชัดเจนที่สุด จากที่คะแนนประเภทโรงงานห่างจาก 2 ทีมนำอยู่ราวๆ 200 คะแนนในปีที่แล้ว ปีนี้ควรจะลดมาอยู่ระดับประมาณ 100 คะแนนหรือต่ำกว่า ในส่วนของถ้วยรางวัล ถ้าชนะการแข่งขันได้ซัก 5 ครั้งและวนเวียนอยู่แถวๆโพเดี่ยมได้ น่าจะเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของ Honda แล้วล่ะ ซึ่งถ้าทำได้ การลุ้นแชมป์โลกในปี 2018 อาจจะพอคาดหวังได้ ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่การพัฒนารถ CBR1000RR ด้วย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่