วันนี้ครบรอบ1ปีที่ผมทำงานที่ปัจจุบันพอดี ก็เลยลองสรุปประสบการณ์ที่ได้รับจากการทำงานที่เก่ากับที่ปัจจุบันดูครับ
ที่ทำงานเดิมเป็นบริษัทแรกที่ผมเริ่มชีวิตการทำงานเลย เป็นโรงงานผลิตขนาดกลางถึงใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น
มีบริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่นและมีบริษัทในเครือกระจายอยู่ตามทวีปต่างๆ
บริษัทนี้ทำงานตามปฏิทินบริษัท (โดยเฉลี่ยแล้วจะมีวันทำงานวันเสาร์เดือนละ1เสาร์)
การทำงานที่นี่ค่อนข้างจะมั่วและไม่เป็นระบบ เรียกว่าเปลี่ยนไปตามใจคนญี่ปุ่น
พนักงานที่นี่ทุกคนกลัวการทำงานผิดพลาดมาก ถ้าทำงานพลาดมาทีนึงนี้มีโดนเล่นกันกลางที่ประชุมเลย
การทำงานที่นี่ค่อนข้างกดดัน ไม่มีใครอยากรับผิดชอบอะไรเพราะกลัวผิดพลาด
ตอนเริ่มงานผมเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานเลย เรียกว่ามาแบบใสๆซื่อๆเลย
ในการทำงานที่นี่ผมรู้สึกลำบากซึ่งตอนแรกผมคิดว่าเป็นเพราะผมยังใหม่อยู่อาจจะยังปรับตัวไม่ได้
ซึ่งผมก็ได้พยายามปรับตัวดูแล้ว พยายามเรียนรู้ต่างๆจนผมมั่นใจว่าผมทำงานได้ในระดับหนึ่งแต่ผมก็ยังรู้สึกเหนื่อยกับการทำงานที่นี่
ผมอยากจะลาออกแล้วไปหาที่ทำงานใหม่หลายครั้งแล้ว แต่พี่ในแผนกก็เตือนผมอยู่ตลอดโดยมักจะพูดประโยคคลาสสิคว่า
"ถ้าเราทำงานไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ"
ที่นี่ผมรู้สึกดีกับเพื่อนๆพี่ๆทำทำงานนะ ในแผนกนี่สนิทกันมากรักกันเหมือนพี่น้อง
มีหัวหน้าคนไทยคนนึงที่ผมนับถือมากสนิทกันเหมือนพี่น้อง พี่เค้าเก่งครบเครื่องจริงๆทั้งงานหนักงานเบาพี่เค้าทำได้หมด
บางทีผมขี้เกียจหรือหมดไฟเค้าก็ให้กำลังใจทั้งไม้แข็งไม้อ่อนอย่างเต็มที่ เค้าเข้าใจว่าผมลำบากเพราะเค้าก็ลำบากเหมือนกันเลยต้องช่วยกัน
ตอนผมลาออกผมปรึกษาเค้าเค้าก็ให้คำแนะนำผม
ปัญหาที่พบเจอในการทำงานที่แรก
1. การขอเอกสารจากบริษัทแม่รอนานมากกว่าจะได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลูกค้าขอเอกสารผมซึ่งเอกสารตั้วนั้นต้องขอจากบริษัทแม่อีกทีนึง
ผมก็ส่งเมลไปขอ แต่พอถึงกำหนดแล้วบริษัทแม่ก็ยังไม่ส่งมาให้
ทีนี้หัวหน้าผมที่เป็นคนญี่ปุ่นเค้าจะเช็คงานผมทุกเดือนพอมาดูแล้วเห็นว่าเลยกำหนดลูกค้าแล้ว
เค้าก็เล่นผมถามว่า
1. ทำไมไม่ส่งให้ลูกค้า / ผมตอบว่ายังไม่ได้เอกสารจากบริษัทแม่
2. ส่งเมลไปขอตั้งแต่เมื่อไหร่ / ถ้าผมเพิ่งส่งเค้าก็จะตำหนิผมว่าส่งไปกระชั้นทำให้บริษัทแม่ไม่มีเวลาทำให้
3. ได้ส่งเมลไปตามรึเปล่า / ถ้าผมส่งเมลไปตามเค้าก็จะถามอีกว่าส่งเมลไปตามกี่ครั้ง ถ้าครั้งเดียวไม่ได้ก็ส่งไปตามเรื่อยๆ
4. ทำไมไม่มาบอกเค้า เดี๋ยวเค้าจะตามให้ / ครั้งต่อไปผมให้เค้าช่วยตามให้เค้าบอกว่าเค้าเป็นหัวหน้า หน้าที่ตามงานเป็นหน้าที่ผมที่ต้องตามให้ได้
5. สุดท้ายจบลงที่ผมทำงานไม่ดี (โดนตำหนิไปตามระเบียบ)
เหมือนกับหัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นจะพยายามหาเหตุต่างๆมาให้ผมผิดให้ได้
2. ส่งเมลไปตามบริษัทแม่บ่อยๆไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เวลาขอเอกสารอะไรแล้วไม่ได้ ผมส่งเมลไปตามจิกบริษัทแม่
แล้วเค้าคงรำคาญมั๊งเค้าบอกกับหัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นว่าผมส่งเมลไปบ่อย
หัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นเลยมาเล่นผมหาว่าส่งเมลไปทำไมเยอะแยะ ซึ่งขัดแย้งกับตอนที่ผมไม่ได้เอกสารมาก
(ตอนที่ไม่ได้เอกสารบอกว่าทำไมไม่ส่งเมลไปตาม แต่พอผมส่งเมลไปตามกลับบอกว่าส่งไปเยอะ)
3. ผู้จัดการคนไทยพร้อมที่จะเข้าข้างคนญี่ปุ่นอัดคนไทยด้วยกันเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มีเอกสารนึงที่ผมตามจาก supplier อยู่แต่เค้ายังไม่ส่งมาให้ แล้วผู้จัดการคนญี่ปุ่นอยากได้เลยมาตามกับผม
ผมบอกว่ายังไม่ได้ครับ ผู้จัดการคนไทยเห็นเลยรีบเข้ามาร่วมวงแล้วสั่งสอนผมเลย
1. ถามว่าผมขอไปตั้งแต่เมื่อไหร่ / ผมตอบว่าขอไปนานแล้วแต่เค้าไม่ส่งให้
2. ถามว่าผมส่งเมลไปตามรึเปล่า / ผมตอบว่าส่งครับ ตามหลายครั้งด้วย
3. ถามผมว่าโทรไปตามรึเปล่า / ผมตอบว่าโทรไปหลายครั้งเลย
4. บอกผมว่าให้โทรไปบอกหัวหน้าเค้า / ผมตอบว่าโทรไปแล้วครับแต่เค้ายังทำไม่เสร็จ
5. บอกผมว่าต้องโทรตามเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะทำเสร็จ / คราวหลังผมก็ทำตามที่ผู้จัดการคนนี้บอกแต่ก็ยังไม่ได้
6. บอกว่าผมไม่มีความตั้งใจเต็มที่ ถ้าตั้งใจตามจริงๆต้องตามได้ / คือผมก็มีงานอื่นต้องทำมั๊ย จะให้โทรทั้งวันเลยเหรอ
รู้สึกว่าผู้จัดการคนไทยมาสไตล์เดียวกับหัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นเลย คือพยายามหาเหตุต่างๆมาให้ผมผิดให้ได้
เหตุแต่ละอย่างมาเป็นหลักการเลยแต่ปฏิบัติจริงบางครั้งมันก็ทำไม่สะดวก ตอนแรกที่ผมทำงานผมก็ไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไงมั่ง
ผมโดนเค้าเล่นเรื่องนี้หลายครั้งมาก ซึ่งแต่ละครั้งพอผมพลาดที่คำถามไหนเค้าก็จะสรุปว่าผมผิด
แต่ถ้าผมตอบได้ว่าผมทำแล้วเค้าก็จะถามคำถามต่อไป เหมือนกับหาเหตุให้ผมผิดจนได้
คือถ้าจะสั่งสอนผมจริงๆก็ควรจะบอกตั้งแต่ครั้งแรกเลยว่าในการตามเอกสารผมต้องตามยังไงบ้าง ส่งเมล โทรตาม โทรบอกหัวหน้าเค้า
ผมเคยถามผู้จัดการคนไทยว่าทำไมไม่บอกผมมาให้หมดว่าผมต้องตามยังไงบ้าง เค้าตอบว่าให้ผมฝึกเรียนรู้ด้วยตัวเอง
ผมยอมรับเรื่องการให้ผมเรียนรู้ด้วยตัวเองแต่ถ้าเกิดงานมีปัญหาก็ควรจะช่วยกันแก้ไขไม่ใช่เหรอ แต่นี่เหมือนจะสรุปว่าผมผิดคนเดียวเลย
4. ชอบกดดันให้มาทำโอทีในวันหยุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งส่วนมากก็คือไปนั่งเฉยๆไม่ได้ทำอะไร เหมือนกับไปให้คนญี่ปุ่นเห็นว่ามีคนมาทำโอทีนะ
วันหยุดพวกคนญี่ปุ่นจะไปตีกอล์ฟแล้วขากลับก็จะแวะเข้ามาดูว่ามีใครมาทำโอทีมั่ง
พอครบเดือนก็จะมีการสรุปเวลาการทำโอที ถ้าใครทำโอทีน้อยก็จะโดนเพ่งเล็งหาว่างานน้อยแล้วก็จะหางานมาเพิ่มให้
5. คนญี่ปุ่นไม่ค่อย support
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เวลาที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่น ขอคำปรึกษา ให้ช่วยคุยกับลูกค้า คนญี่ปุ่นจะไม่ช่วยเหลือพยายามจะไม่ยุ่งเกี่ยว
แต่พอลูกค้าแจ้งมาที่นี้จะตื่นตัวแล้วก็จะรีบมาตามจี้เลย
6. คนญี่ปุ่นชอบถามว่า "ทำไม"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เวลามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นคำถามแรกที่คนญี่ปุ่นจะถามคือ ทำไม คำถามที่2ก็คือทำไม คำถามที่3ก็คือทำไม
โดยจะเอาคำตอบจากข้อแรกมาเป็นคำถามข้องข้อต่อไป โดยหลักการแล้ววิธีนี้เป็นวิธีที่ดีมากในการหาสาเหตุ
แต่คนญี่ปุ่นของที่นี่เหมือนถามกวนๆ คือถามไปเรื่อยไม่มีวันจบ เช่น เอกสารหายก็จะถามว่า
1. ทำไมเอกสารหาย / ผมตอบ มีคนหยิบไป
2. ทำไมมีคนหยิบไป / ผมตอบ เค้าต้องใช้เอกสาร
3. ทำไมเค้าต้องใช้เอกสาร / ผมเริ่มงงกับคำถาม(มันก็เรื่องของเค้า อยากรู้ก็ไปถามเค้าสิ)แต่ก็ตอบไป เพราะจำเป็น
4. ทำไมจำเป็น / ผมตอบ เพราะสำคัญ
5. ทำไมสำคัญ / ผมตอบ เพราะเป็นผลการบันทึก
6. ทำไมเป็นผลการบันทึก / คืออันนี้งงมากไม่รู้จะตอบว่ายังไงเลย
เวลามีปัญหาก็จะต้องมานั่งตอบปัญหาเหล่านี้ซึ่งบางครั้งคำถามก็ดูไร้สาระมาก
ถ้าใช้สมองคิดซักหน่อยก็ควรจะจบที่คำถามที่2-3แล้วว่าสาเหตุมันคืออะไร
ที่ทำงานปัจจุบันเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นออฟฟิศขนาดเล็กไม่ใหญ่เท่าบริษัทเดิม
มีบริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่นและมีสาขาอยู่ตามทวีปต่างๆเหมือนกันแต่ไม่ใหญ่เท่าบริษัทแรก
บริษัทนี้หยุดเสาร์อาทิตย์ บรรยากาศการทำงานดูเป็นกันเอง เวลามีการแจ้งอะไรรู้เรื่องถึงกันทั้งออฟฟิศ
งานที่ผมรับผิดชอบน้อยกว่าบริษัทเก่ามาก (คิดเป็นประมาณ1/4เท่าของบริษัทเก่า)
การทำงานที่นี่ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทเล็กแต่ผมรู้สึกว่ามีความเป็นระบบมากกว่าที่ทำงานเก่า
การตัดสินใจจากคนญี่ปุ่นก็รวดเร็วชัดเจนตามแบบฉบับของบริษัทขนาดเล็ก
วันแรกที่ผมทำงานผมรู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะที่นี่เป็นที่ใหม่ซึ่งเราไม่คุ้น และยังไม่รู้จักใครเลย
และก็ผมหวั่นๆว่าผมจะไปรอดมั๊ยเนื่องจากคำพูดที่ว่า “ถ้าเราทำงานไม่เป็น อยู่ที่ไหนก็ลำบากเหมือนกัน”
วันแรกก็มีพี่ในแผนกคอยสอนงานให้อธิบายว่าทำอะไรยังไง ซึ่งงานที่ผมทำนั้นเป็นหน้าที่นึงที่ผมทำตอนอยู่ที่เก่า
ผมเรียนรู้ระบบการทำงานของที่นี่ไม่นานผมก็สามารถทำงานได้ ซึ่งตอนแรกผมประหลาดใจมากว่างานที่ผมรับผิดชอบมีแค่นี้เหรอ
ทำไมรับผิดชอบน้อยจัง ต่างจากที่ทำงานเก่าเยอะเลย
ทำงานไปได้ซักประมาณ1เดือนผมก็อยู่ตัวแล้ว และคิดว่าผมไปรอดแต่ผมก็ยังไม่อยากจะรีบสรุป
ผมก็ทำงานที่นี้เก็บประสบการณ์ต่างๆไปเรื่อย แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เพียงแต่มันไม่รุนแรงหนักหน่วงเท่าที่เก่า
จนวันนี้ทำงานครบ1ปีแล้วก็เลยว่าจะสรุปปัญหาที่ทำงานเก่าเทียบกับที่ทำงานปัจจุบัน
เมื่อผมมาอยู่ที่ทำงานปัจจุบัน
1. การขอเอกสารจากบริษัทแม่ก็ยังรอนานอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องปกติในการขอเอกสารจากญี่ปุ่นรึเปล่า การขอเอกสารก็ยังคงช้าอยู่ไม่ต่างจากที่เก่า
แต่ถึงแม้ว่าจะส่งเมลไปตามแค่ครั้งเดียวแล้วไม่ได้ตาม หัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นก็ไม่ว่าอะไรเพราะถือว่าแจ้งไปแล้ว
เคยส่งเมลไปขอเอกสารครั้งนึงแล้วผมก็ลืมไปแล้วแหละมานึกขึ้นได้อีกทีผ่านไป3เดือนแล้ว เลยให้หัวหน้าคนญี่ปุ่นช่วยตามให้
เค้าก็ช่วยตามให้ไม่ได้ตำหนิอะไรผมเลย
2. ส่งเมลไปตามบริษัทแม่บ่อยๆได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ถ้ายังไม่ได้เอกสารก็ส่งเมลไปตามเรื่อยๆได้(แต่ถ้าเค้าไม่ตอบก็คือไม่ตอบอยู่ดี) หรือถ้าด่วนจริงๆให้หัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นช่วยตามให้ได้
3. คนญี่ปุ่นและคนไทยร่วมมือกันทำงานช่วยเหลือกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ที่นี่เป็นบริษัทเล็กๆคนไทยและคนญี่ปุ่นทำงานร่วมกัน เวลาผมมีปัญหาก็เหมือนกับเค้ามีปัญหาด้วย ดังนั้นเค้าจึงพยายามช่วยแก้ปัญหา
4. อยากทำโอทีเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัดไม่บังคับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นจุดนึงที่ผมชอบที่นี่ คืออยากทำก็ทำได้ไม่อั้น แต่ถ้าไม่อยากทำจะไม่ทำเลยก็ได้ ถึงเวลาเลิกงานคนที่ไม่ทำโอทีเดินกลับกันตรงเวลาก็ไม่มีใครว่าอะไร
5. คนญี่ปุ่น support เต็มที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คนญี่ปุ่นที่นี่เหมือนเป็นหัวหน้าด้วยและเป็นคนทำงานด้วย ดังนั้นจึงรู้รายละเอียดที่เราต้องการให้ช่วยเหลือและพร้อมที่จะช่วยเหลือ
6. คำถามจากคนญี่ปุ่นเป็นคำถามที่มีสาระ ตรงประเด็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เคยมีปัญหาเรื่อง supplier ยังไม่ส่งเอกสารมาให้ หัวหน้าที่เป็นคนญี่ปุ่นถามผมว่า เค้ายังทำไม่เสร็จเหรอถ้ายังทำไม่เสร็จจะช่วยตามให้
ซึ่งมันต่างจากทำถามปวดประสาทที่ผมเคยได้ยินจากที่ทำงานเก่า คำถามว่าทำไมมันเป็นคำถามที่ใครก็ถามได้
แต่ที่นี่เหมือนเค้าคิดก่อนจะถามว่าสาเหตุเป็นอย่างนี้ใช่มั๊ยถ้าใช่จะได้ช่วยกัน ถ้าไม่ใช่ก็ให้ผมตอบไปว่าเป็นเพราะอะไร
สรุป
1.การเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องน่ากลัวถ้าที่เก่าแย่จริงๆอยู่ไปก็เสียสุขภาพ
2. บางครั้งสิ่งแวดล้อมก็มีผลต่อการทำงาน ถ้าที่นี่ไม่ดีไปอยู่ที่อื่นอาจจะดีก็ได้
ป.ล. รู้สึกว่าเขียนมายาวมากเลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
1ปีในที่ทำงานใหม่เทียบกับประสบการณ์ที่ทำงานเก่า
ที่ทำงานเดิมเป็นบริษัทแรกที่ผมเริ่มชีวิตการทำงานเลย เป็นโรงงานผลิตขนาดกลางถึงใหญ่สัญชาติญี่ปุ่น
มีบริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่นและมีบริษัทในเครือกระจายอยู่ตามทวีปต่างๆ
บริษัทนี้ทำงานตามปฏิทินบริษัท (โดยเฉลี่ยแล้วจะมีวันทำงานวันเสาร์เดือนละ1เสาร์)
การทำงานที่นี่ค่อนข้างจะมั่วและไม่เป็นระบบ เรียกว่าเปลี่ยนไปตามใจคนญี่ปุ่น
พนักงานที่นี่ทุกคนกลัวการทำงานผิดพลาดมาก ถ้าทำงานพลาดมาทีนึงนี้มีโดนเล่นกันกลางที่ประชุมเลย
การทำงานที่นี่ค่อนข้างกดดัน ไม่มีใครอยากรับผิดชอบอะไรเพราะกลัวผิดพลาด
ตอนเริ่มงานผมเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานเลย เรียกว่ามาแบบใสๆซื่อๆเลย
ในการทำงานที่นี่ผมรู้สึกลำบากซึ่งตอนแรกผมคิดว่าเป็นเพราะผมยังใหม่อยู่อาจจะยังปรับตัวไม่ได้
ซึ่งผมก็ได้พยายามปรับตัวดูแล้ว พยายามเรียนรู้ต่างๆจนผมมั่นใจว่าผมทำงานได้ในระดับหนึ่งแต่ผมก็ยังรู้สึกเหนื่อยกับการทำงานที่นี่
ผมอยากจะลาออกแล้วไปหาที่ทำงานใหม่หลายครั้งแล้ว แต่พี่ในแผนกก็เตือนผมอยู่ตลอดโดยมักจะพูดประโยคคลาสสิคว่า
"ถ้าเราทำงานไม่เป็น ไปอยู่ที่ไหนมันก็เหมือนกันนั่นแหละ"
ที่นี่ผมรู้สึกดีกับเพื่อนๆพี่ๆทำทำงานนะ ในแผนกนี่สนิทกันมากรักกันเหมือนพี่น้อง
มีหัวหน้าคนไทยคนนึงที่ผมนับถือมากสนิทกันเหมือนพี่น้อง พี่เค้าเก่งครบเครื่องจริงๆทั้งงานหนักงานเบาพี่เค้าทำได้หมด
บางทีผมขี้เกียจหรือหมดไฟเค้าก็ให้กำลังใจทั้งไม้แข็งไม้อ่อนอย่างเต็มที่ เค้าเข้าใจว่าผมลำบากเพราะเค้าก็ลำบากเหมือนกันเลยต้องช่วยกัน
ตอนผมลาออกผมปรึกษาเค้าเค้าก็ให้คำแนะนำผม
ปัญหาที่พบเจอในการทำงานที่แรก
1. การขอเอกสารจากบริษัทแม่รอนานมากกว่าจะได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. ส่งเมลไปตามบริษัทแม่บ่อยๆไม่ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. ผู้จัดการคนไทยพร้อมที่จะเข้าข้างคนญี่ปุ่นอัดคนไทยด้วยกันเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. ชอบกดดันให้มาทำโอทีในวันหยุด
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. คนญี่ปุ่นไม่ค่อย support
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. คนญี่ปุ่นชอบถามว่า "ทำไม"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่ทำงานปัจจุบันเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นเหมือนกัน เป็นออฟฟิศขนาดเล็กไม่ใหญ่เท่าบริษัทเดิม
มีบริษัทแม่อยู่ที่ญี่ปุ่นและมีสาขาอยู่ตามทวีปต่างๆเหมือนกันแต่ไม่ใหญ่เท่าบริษัทแรก
บริษัทนี้หยุดเสาร์อาทิตย์ บรรยากาศการทำงานดูเป็นกันเอง เวลามีการแจ้งอะไรรู้เรื่องถึงกันทั้งออฟฟิศ
งานที่ผมรับผิดชอบน้อยกว่าบริษัทเก่ามาก (คิดเป็นประมาณ1/4เท่าของบริษัทเก่า)
การทำงานที่นี่ถึงแม้ว่าจะเป็นบริษัทเล็กแต่ผมรู้สึกว่ามีความเป็นระบบมากกว่าที่ทำงานเก่า
การตัดสินใจจากคนญี่ปุ่นก็รวดเร็วชัดเจนตามแบบฉบับของบริษัทขนาดเล็ก
วันแรกที่ผมทำงานผมรู้สึกเกร็งนิดหน่อยเพราะที่นี่เป็นที่ใหม่ซึ่งเราไม่คุ้น และยังไม่รู้จักใครเลย
และก็ผมหวั่นๆว่าผมจะไปรอดมั๊ยเนื่องจากคำพูดที่ว่า “ถ้าเราทำงานไม่เป็น อยู่ที่ไหนก็ลำบากเหมือนกัน”
วันแรกก็มีพี่ในแผนกคอยสอนงานให้อธิบายว่าทำอะไรยังไง ซึ่งงานที่ผมทำนั้นเป็นหน้าที่นึงที่ผมทำตอนอยู่ที่เก่า
ผมเรียนรู้ระบบการทำงานของที่นี่ไม่นานผมก็สามารถทำงานได้ ซึ่งตอนแรกผมประหลาดใจมากว่างานที่ผมรับผิดชอบมีแค่นี้เหรอ
ทำไมรับผิดชอบน้อยจัง ต่างจากที่ทำงานเก่าเยอะเลย
ทำงานไปได้ซักประมาณ1เดือนผมก็อยู่ตัวแล้ว และคิดว่าผมไปรอดแต่ผมก็ยังไม่อยากจะรีบสรุป
ผมก็ทำงานที่นี้เก็บประสบการณ์ต่างๆไปเรื่อย แต่ปัญหาก็ยังมีอยู่เพียงแต่มันไม่รุนแรงหนักหน่วงเท่าที่เก่า
จนวันนี้ทำงานครบ1ปีแล้วก็เลยว่าจะสรุปปัญหาที่ทำงานเก่าเทียบกับที่ทำงานปัจจุบัน
เมื่อผมมาอยู่ที่ทำงานปัจจุบัน
1. การขอเอกสารจากบริษัทแม่ก็ยังรอนานอยู่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. ส่งเมลไปตามบริษัทแม่บ่อยๆได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
3. คนญี่ปุ่นและคนไทยร่วมมือกันทำงานช่วยเหลือกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
4. อยากทำโอทีเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำกัดไม่บังคับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
5. คนญี่ปุ่น support เต็มที่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
6. คำถามจากคนญี่ปุ่นเป็นคำถามที่มีสาระ ตรงประเด็น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป
1.การเปลี่ยนงานไม่ใช่เรื่องน่ากลัวถ้าที่เก่าแย่จริงๆอยู่ไปก็เสียสุขภาพ
2. บางครั้งสิ่งแวดล้อมก็มีผลต่อการทำงาน ถ้าที่นี่ไม่ดีไปอยู่ที่อื่นอาจจะดีก็ได้
ป.ล. รู้สึกว่าเขียนมายาวมากเลย ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ