เล่าเรื่องเมื่อผมเกิด ไขมันอุดตันในเส้นเลือดสมองแบบเฉียบพลัน (Stroke)

เล่าเรื่องเมื่อผมเกิด ไขมันอุดตันในเส้นเลือดสมองแบบเฉียบพลัน (Stroke)

       ผ่านมา 6 ปี แล้ว ซึ่งหมายความว่าผมหมดจากผลข้างเคียง ที่เกิด Stroke ครั้งนั้นแล้ว เพียงเกิด  Stroke ครั้งเดียวก็เกิดผลข้างเคียงไปถึง 4 ปีที่เดียว ซึ่งมีเพียงไม่ถึง 20 % ที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันแล้ว ไม่ตาย ไม่เป็นอัมพาต ไม่เป็นอัมพฤต แบบผม.

       เมื่อเช้าของวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2554   ผมตื่นมาก็สดชื่นตัวเบาดี และผมก็ต้องไปส่งลูกชายไปเรียนพิเศษตั้งแต่เช้า ขับรถไปส่งลูกชายและก็ขับกลับบ้าน จะไปรับเขาอีกที่ก็เที่ยง ระยะทางแค่ 6-7 กิโลเมตรจากบ้าน

         กลับถึงบ้านรู้สึกอากาศดี ได้ทักทายกับเพื่อนบ้าน  เปิดประตูรั้วเข้าบ้านจึงเดินแวะไปดูต้นไม้และ หนูที่เลี้ยงไว้  แล้วเดินไปเพื่อจะเปิดประตูเลื่อนมุ้งลวด แต่ขณะเดินเกือบจะถึง เกิดอาการเซประกองตัวไม่ได้ในทันที่ทันใด สติสัมปชัญญะก็รู้ทันในปัจจุบันในทันที่เช่นกัน เพียงวินาทีนั้น ก็รู้ว่าต้องล้มทั้งยืนขณะเดินแบบขม้ำหน้าหัวกระแทกพื้นปูน ไปทางทิศทางที่กำลังเดินแน่นอน

        จึงใช้แรงที่ยังพอบังคับร่างกายได้ ที่มันไหลไปตามทิศทางที่เดินนั้น เบี่ยงตัวพลิกหันหลังไปทางตามทิศทางแรงที่มันไหลไป หันหลังพิงประตูบ้านที่ยังร็อกอยู่ได้พอดี แล้วเกร็งขาไว้ ไม่ให้มันทรุดตัวลงอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้มันทรุดตัวลงอย่างช้าๆ แต่ก็หมดสิ้นสติ ก่อนก้นถึงพื้น

           ก็จะเกิดคำถามขึ้นว่า ทำไมในช่วงไม่กี่วินาที สติสัมปชัญญะผมดีมากรู้ทันจนจัดการทุกอย่างได้อย่างพอดิบพอดี  และใช้ได้ทันในเพียงไม่กี่วินาที่นั้น  สิ่งนั้นไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เป็นการที่ผมได้ฝึกเจริญสติสัมปชัญญะมาตั้งแต่วัยเด็กแล้วนั้นเอง. จะเล่าให้ฟัง  

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

          ร่างนั่งกองหมดสติไปนานเท่าใด ผมก็ไม่สามารถประมาณทราบได้  แต่เมื่อพื้นมีความรู้สึกขึ้นมาก็รู้เพียงแต่รู้แบบผัก รู้แบบนึกคิดอะไรไม่ได้ ไปพักใหญ่ จึงค่อยจะเริ่มนึกคิดได้ แต่คิดอะไรไม่ออก จึงค่อยรู้ว่าเป็นตัวเรา ที่เป็นเพียงความรู้สึก

          เมื่อรู้สึกว่าตัวเราชัดขึ้น แต่อยู่ในที่มืดไม่เกิดสัมผัสอะไร  จึงรู้สึกว่าจะไปขยับลิ้นก็ไม่ได้เหมือนโดนกดและปิดไว้ไม่สามารถไปรับรู้ที่ลิ้นได้  จะเปิดตาก็ไม่ได้ จะไปรู้สึกที่ร่างกายอื่นๆ ก็ไม่ได้
           แล้วความรู้สึกนึกคิดก็เริ่มนึกคิดได้ปกติ จึงน้อมมาที่ใจ ให้สงบไม่ให้ตกใจ จนดิ้นรนผวากลัวอย่างรนราน จึงจัดลำดับความคิดไปตามลำดับ ลองขยับปากก็ไม่ทำงานลองขยับลิ้นก็ไม่ได้ ตาเริ่มมองเห็นข้างนอกแบบสะรั่วๆ  

            ลองขยับขาก็ไม่ได้ จึงลองขยับแขนขวาก็ไม่ได้ จึงไปลองขยับแขนซ้าย ก็ยับได้นิดๆ หน่อยๆ แบบไม่มีแรง  และลิ้นก็พอยกขึ้นได้แต่แข็งกระดกไม่ได้ ปากก็รู้สึกชัดขึ้นยังเปิดออกไม่ได้ แล้วความคิดก็คิดว่า เราจะทำอย่างไรให้คนเขารู้ว่า เรานั่งกองอยู่ตรงนี้.

            ก็ต้องขยับแขนซ้ายให้ได้และเหวี่ยง ไปข้างหลังให้ไปโดนประตูมีเสียงดัง แต่ควบคุมใจไม่ให้ร้อนและลนราน เหวี่ยงแขนไปอย่างนั้น ปากก็ให้มันเปิดให้ได้ ลิ้นก็กระดกให้ออกเสียงได้ จนแรงมันค่อยเพิ่มขึ้น จนเหวี่ยงกระทบประตูพอมีเสียงดัง  ปากและลิ้นก็เริ่มออกเสียงได้ ออ. แอ้ ๆ อยู่อย่างนั้น ไม่สามารถออกเป็นภาษาพูดดังใจได้

            จนมีคนได้ยินและเข้ามาช่วยเหลือ ขณะนำส่งโรงพยาบาลผมก็เริ่มกำหนดภาวนาในใจทันที   นำส่งโรงพยาบาล และก็ได้รับการรักษาตามขั้นตอนของทางโรงพยาล และเข้าไปอยู่ในห้องไอชียู มีสายระโยงหลายจุด กับเครื่องวัด.

            ผมเป็นอัมพฤตซีกขวา เป็นเวลา 24 ชั่วโมง  รุ่งวันใหม่เมื่อพอลุกขึ้นนั่งได้  ผมก็เริ่มนั่งกำหนดกรรมฐาน ไม่อายหมอหรือพยาบาลแล้ว เพราะได้รับรู้ทุกข์ได้เห็นสภาวะอันบอบบางของร่างกายสังขารชัดเจนแล้ว จึงได้ตั้งใจกำหนดกรรมฐานอย่างระเอียดอ่อนประณีตยิ่ง ขณะที่อยู่ในห้องไอชียู 3 วัน 3 คืน นั้น.

           จนออกจากห้องไอชียูในคืนแรกปัญญาญานก็ข้ามพ้นอีกครั้ง  ทำให้กามเมถุนบรรเทาไม่ต้องทุกข์แบบเก่าเดิมๆ อีกแล้ว.

         แต่อาการของโรคนั้นผมเดินได้เพียง 10 ก้าว ที่หัวผมต้องตั้งตรงหันหัวเร็วไม่ได้  ก็ไม่ไหวแล้ว  มันโคลงแครง วูบๆ เว่อ ไปต่อแทบไม่ได้  จนเจ้าหน้าที่ประกันสังคมเข้ามาเยี่ยมบอกว่า อย่าปล่อยให้ตัวเองล้มอีกเด็ดขาด ไม่ต้องฝืนไม่ไหวก็ให้นั่งลง คลานไปยังดีกว่า เกิดล้มฟาดพื้นแล้วเส้นเลือดสมองแตกได้ จะหนักยิ่งกว่านี้  และอธิบายอาการของผู้ป่วยรายอื่นที่มีผลภายหลังให้ทราบ ว่าจะเกิดอย่างนั้นๆ หลายแบบให้ทราบไว้ก่อน ผมก็รับฟังอย่างดี.

                ผมอยู่โรงพยาบาล 8 วัน จึงยังไม่โดนการสัมผัสจากภายนอกจึงไม่รู้ขอบเขตสภาวะโรคที่เป็นอย่างไร เพียงแต่รู้ว่า ตนเองเดินได้ 10 กว่าก้าวก็ไม่ไหวแล้ว นั่งนานๆ  มากกว่า ครึ่งชั่วโมงก็ไม่ไหวแล้ว แต่ก็ต้องออกจากโรงพยาบาล โดยหมอให้พักฟื้นที่บ้านเป็นเวลา 20 วัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่