ทริปวันเดียวแบบง่ายๆ ข้ามไปลาว ไม่ใช่เรื่องยาก ทริปปุบปับ พกไปแค่มือถือ Huawei Mate 9 ตัวเดียวก็เอาอยู่ แต่ที่เด็ดไปกว่านั้น จะบอกว่าไม่มีพาสปอร์ตก็ไม่ได้ยากเลย อ่านทริปนี้จบแพคกระเป๋าเดินทางได้!!
การเดินทาง
กรุงเทพ-อุดรธานี เครื่องออกจากดอนเมืองตอนประมาณ 19.00 น. นั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง
Let’s go
.
.
.


สำหรับที่พักของเราในคืนแรกนี้ เราเลือกที่พักราคาหลักร้อยครับ เป็นโฮสเทลเปิดใหม่ที่อยู่ใจกลางเมืองอุดร อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟอุดรเลยครับ เพราะบินมืดเลยหาที่นอนในเมืองกันไว้เพราะถึงอุดรหิวแน่นอน

ห้องพักเป็นแบบนอนรวมเตียงสองชั้น โดยรวมห้องพักที่นี่ค่อนข้างสะอาดครับ ห้องน้ำรวมชั้นละ 1 ห้อง มีห้องอาบน้ำมี 6 ห้อง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น, ไดร์เป่าผมพร้อมมีห้องแต่งตัวแยกให้ แต่ละเตียงจะมีผ้าห่ม, หมอน, โคมไฟและปลั๊กไฟให้ชาร์ตแบต เก็บกระเป๋าเสร็จ เราจะเริ่มปฏิบัติการหาของกินครับ



ยูดี ทาวน์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง
อ่ะ... เริ่มหิวแล้ว มื้อแรกหาไรกินที่ UD TOWN เดินจากที่พักไปประมาณ 700 เมตร มื้อนี้จบลงที่เนื้อ 100 บาท ต้มแซ่บ 80 บาท, เมี่ยงปลา 180 บาท, ตำกุ้งสด 100 บาท, ตำป่า 80 บาท ตรงยูดี ทาวด์ มีร้านอาหารหลากหลายครับ แม้จะอยู่อีสานแต่มองไปทางไหนก็เจอแต่อาหารทะเล มีเยอะพอๆ กับร้านส้มตำเลย

ถ่ายภาพกลางคืนออกมาได้ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ

เอาล่ะ....กลับที่พักแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า เราจะไปเที่ยวเวียงจันทน์กันให้ฟินไปเลย
6.30 น. เอาละได้เวลาตื่นละ เตรียมตัวข้ามไปลาวกัน การข้ามไปฝั่งลาวคือไฮไลท์ของเราในวันนี้ครับ โดยที่ไม่มีพาสปอร์ต ไปแบบปุปปับ ก็สบายมาก
ใครอยากข้ามลาว แต่ไม่มีพาสปอร์ตไม่อยากเลย อ่านทิปนี้จบแพ็คกระเป๋าเดินทางได้!!
รถจากอุดรวิ่งไปด่านเที่ยวแรกมีตอน 8.00 น. เราเดินมาจากที่พักประมาณ 5 นาทีก็ถึง บขส. ครับ

เมื่อถึง บขส. ให้เดินหาช่องจำหน่ายตั๋วรถโดยสารระหว่างประเทศ จุดนี้สำหรับคนไม่มี พาสปอร์ต หรือลืมเอามาสามารถทำเอกสารข้ามด่านได้เลยในราคา 200 บาท/คน ถ้าขึ้นรถที่ บขส. ต้องทำที่นี่ เอกสารทุกอย่างออกให้โดยราชการไทยครับ
แต่ถ้าเอารถส่วนตัวหรือเหมาไปต้องไปทำที่ด่าน ส่วนค่าตั๋วราคา 80 บาทวันธรรมดา ส่วนวันหยุดราคา 85 บาท


มาไม่ทันรถเที่ยว 08.00 น. เพราะเต็มเร็วมาก เราเลยต้องหาอะไรกินก่อน รอบต่อไปรถออก 09.00 น. มื้อเช้าริมทางโดนไปเบาๆ 270 บาท

ในที่สุดก็ได้เวลาเดินทางแล้วครับ ระยะทางมาด่านใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอถึงด่านขาออก (ให้มาติดต่อรับเอกสารได้เลยครับข้ามด่านที่ได้ทำล่วงหน้าไว้) ส่วนใครที่ถือหนังสือเดินทางมาก็มากรอกเอกสารผ่านด้านตรงจุดนี้ได้เลยใช้เวลาไม่นาน


จากนั้นต้องไปทำเอกสารขาเข้าประเทศลาวต่อ (ตม. ลาว) นั่งรถประมาณ 10 นาที จุดนี้เราต้องทำบัตรแข็ง (ONE WAY TICKET) อีกใบ ราคา 100 บาท สำหรับคนไม่มีพาสปอร์ต ส่วนคนที่ถือพาสปอร์ตมาราคา 45 บาท

สำหรับ ONE WAY TICKET ก็ใช้ตรงด่านเลยครับ การใช้งานเหมือนกับบัตร BTS บ้านเรา สอดไปไม่ต้องรอคืนเพราะเครื่องจะยึดบัตร ONE WAY TICKET เราไปเลย

จาก ตม. ลาว ใช้เวลาอีกประมาณ 30นาที ก็ถึงเวียงจันทร์ครับ สิ่งที่จะขาดไม่ได้เมื่อข้ามมาถึงฝั่งลาวคือ การตระเวนถ่ายภาพและหาของอร่อยๆ พื้นเมืองทานกัน ที่นี่มีอาหารพื้นเมืองที่หน้าสนใจมากมายเลยครับ มาแล้วต้องโดน...ซึ่งบอกเลยว่าวันนี้ไม่กลัว ชาร์จแบตมือถือมาเต็ม ถ่ายรูปได้รัวๆ
ตอนนี้เราเดินทางมาต่างประเทศเต็มตัว แล้วครับ "ลาว"

ทริปนี้เราไม่ได้พกกล้องตัวหลักมาด้วย เพราะน้องยืมไปญี่ปุ่น ทริปอุดรเป็นทริปแบบเร่งด่วน เราเลยไม่ทีกล้องใช้งาน มีเพียงมือถือ Huawei Mate 9 เท่านั้น
ดังนั้นภาพที่เห็นในรีวิวทั้งคือภาพที่มาจากมือถือล้วนๆ ครับ เรียกว่าฝากชีวิตไว้กับ Huawei Mate 9 ทั้งสิ้น
เริ่ม Start ตรงท่ารถ บขส. ด้วยการหารถเช่า ที่นี่มีทั้งรถโดยสารประจำทาง และแท็กซี่มิเตอร์แล้ว ยังมีรถตุ๊ก ๆ และรถสกายแล็ป ให้เลือกใช้งาน แนะนำว่าพอถึงแล้วให้เดินออกมาหารถข้างนอกครับ หาไม่ยากและที่สำคัญไม่โดนกดราคาหรือเพิ่มราคาด้วย รถมีให้เลือกเยอะเลย


นั่งรถไป เราก็ถ่ายรูปเล่นไป เดินบ้างอะไรบ้าง สนุกสนานนนนนนนนนนนน พกแค่มือถือนี่แหละ Huawei Mate 9 เอาอยู่บอกเลย
สำหรับทริปนี้พวกเราเลือกรถสกายแล็ป แบบเหมาเที่ยวในราคา 800 บาท โชคดีที่ช่วงนี้อากาศไม่ร้อนมาก นั่งรถชมนครเวียงจันทร์ชิลล์ไป (ความรู้สึกแรกคือมันไม่ได้แตกต่างจังหัวเมืองใหญ่อย่าง เชียงใหม่ อุดร โคราช บ้านเรามากนัก)

[CR][SR] เที่ยวลาววันเดียว ด้วยเงินไม่ถึงพัน ความปังอยู่ตรงที่ไม่มีพาสปอร์ตก็ไปได้
การเดินทาง
กรุงเทพ-อุดรธานี เครื่องออกจากดอนเมืองตอนประมาณ 19.00 น. นั่งเครื่องประมาณ 1 ชั่วโมง
Let’s go
.
.
.
สำหรับที่พักของเราในคืนแรกนี้ เราเลือกที่พักราคาหลักร้อยครับ เป็นโฮสเทลเปิดใหม่ที่อยู่ใจกลางเมืองอุดร อยู่ใกล้ๆ สถานีรถไฟอุดรเลยครับ เพราะบินมืดเลยหาที่นอนในเมืองกันไว้เพราะถึงอุดรหิวแน่นอน
ห้องพักเป็นแบบนอนรวมเตียงสองชั้น โดยรวมห้องพักที่นี่ค่อนข้างสะอาดครับ ห้องน้ำรวมชั้นละ 1 ห้อง มีห้องอาบน้ำมี 6 ห้อง พร้อมเครื่องทำน้ำอุ่น, ไดร์เป่าผมพร้อมมีห้องแต่งตัวแยกให้ แต่ละเตียงจะมีผ้าห่ม, หมอน, โคมไฟและปลั๊กไฟให้ชาร์ตแบต เก็บกระเป๋าเสร็จ เราจะเริ่มปฏิบัติการหาของกินครับ
ยูดี ทาวน์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง
อ่ะ... เริ่มหิวแล้ว มื้อแรกหาไรกินที่ UD TOWN เดินจากที่พักไปประมาณ 700 เมตร มื้อนี้จบลงที่เนื้อ 100 บาท ต้มแซ่บ 80 บาท, เมี่ยงปลา 180 บาท, ตำกุ้งสด 100 บาท, ตำป่า 80 บาท ตรงยูดี ทาวด์ มีร้านอาหารหลากหลายครับ แม้จะอยู่อีสานแต่มองไปทางไหนก็เจอแต่อาหารทะเล มีเยอะพอๆ กับร้านส้มตำเลย
ถ่ายภาพกลางคืนออกมาได้ไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ
เอาล่ะ....กลับที่พักแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้า เราจะไปเที่ยวเวียงจันทน์กันให้ฟินไปเลย
6.30 น. เอาละได้เวลาตื่นละ เตรียมตัวข้ามไปลาวกัน การข้ามไปฝั่งลาวคือไฮไลท์ของเราในวันนี้ครับ โดยที่ไม่มีพาสปอร์ต ไปแบบปุปปับ ก็สบายมาก
ใครอยากข้ามลาว แต่ไม่มีพาสปอร์ตไม่อยากเลย อ่านทิปนี้จบแพ็คกระเป๋าเดินทางได้!!
รถจากอุดรวิ่งไปด่านเที่ยวแรกมีตอน 8.00 น. เราเดินมาจากที่พักประมาณ 5 นาทีก็ถึง บขส. ครับ
เมื่อถึง บขส. ให้เดินหาช่องจำหน่ายตั๋วรถโดยสารระหว่างประเทศ จุดนี้สำหรับคนไม่มี พาสปอร์ต หรือลืมเอามาสามารถทำเอกสารข้ามด่านได้เลยในราคา 200 บาท/คน ถ้าขึ้นรถที่ บขส. ต้องทำที่นี่ เอกสารทุกอย่างออกให้โดยราชการไทยครับ
แต่ถ้าเอารถส่วนตัวหรือเหมาไปต้องไปทำที่ด่าน ส่วนค่าตั๋วราคา 80 บาทวันธรรมดา ส่วนวันหยุดราคา 85 บาท
มาไม่ทันรถเที่ยว 08.00 น. เพราะเต็มเร็วมาก เราเลยต้องหาอะไรกินก่อน รอบต่อไปรถออก 09.00 น. มื้อเช้าริมทางโดนไปเบาๆ 270 บาท
ในที่สุดก็ได้เวลาเดินทางแล้วครับ ระยะทางมาด่านใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง พอถึงด่านขาออก (ให้มาติดต่อรับเอกสารได้เลยครับข้ามด่านที่ได้ทำล่วงหน้าไว้) ส่วนใครที่ถือหนังสือเดินทางมาก็มากรอกเอกสารผ่านด้านตรงจุดนี้ได้เลยใช้เวลาไม่นาน
จากนั้นต้องไปทำเอกสารขาเข้าประเทศลาวต่อ (ตม. ลาว) นั่งรถประมาณ 10 นาที จุดนี้เราต้องทำบัตรแข็ง (ONE WAY TICKET) อีกใบ ราคา 100 บาท สำหรับคนไม่มีพาสปอร์ต ส่วนคนที่ถือพาสปอร์ตมาราคา 45 บาท
สำหรับ ONE WAY TICKET ก็ใช้ตรงด่านเลยครับ การใช้งานเหมือนกับบัตร BTS บ้านเรา สอดไปไม่ต้องรอคืนเพราะเครื่องจะยึดบัตร ONE WAY TICKET เราไปเลย
จาก ตม. ลาว ใช้เวลาอีกประมาณ 30นาที ก็ถึงเวียงจันทร์ครับ สิ่งที่จะขาดไม่ได้เมื่อข้ามมาถึงฝั่งลาวคือ การตระเวนถ่ายภาพและหาของอร่อยๆ พื้นเมืองทานกัน ที่นี่มีอาหารพื้นเมืองที่หน้าสนใจมากมายเลยครับ มาแล้วต้องโดน...ซึ่งบอกเลยว่าวันนี้ไม่กลัว ชาร์จแบตมือถือมาเต็ม ถ่ายรูปได้รัวๆ
ตอนนี้เราเดินทางมาต่างประเทศเต็มตัว แล้วครับ "ลาว"
ทริปนี้เราไม่ได้พกกล้องตัวหลักมาด้วย เพราะน้องยืมไปญี่ปุ่น ทริปอุดรเป็นทริปแบบเร่งด่วน เราเลยไม่ทีกล้องใช้งาน มีเพียงมือถือ Huawei Mate 9 เท่านั้น
ดังนั้นภาพที่เห็นในรีวิวทั้งคือภาพที่มาจากมือถือล้วนๆ ครับ เรียกว่าฝากชีวิตไว้กับ Huawei Mate 9 ทั้งสิ้น
เริ่ม Start ตรงท่ารถ บขส. ด้วยการหารถเช่า ที่นี่มีทั้งรถโดยสารประจำทาง และแท็กซี่มิเตอร์แล้ว ยังมีรถตุ๊ก ๆ และรถสกายแล็ป ให้เลือกใช้งาน แนะนำว่าพอถึงแล้วให้เดินออกมาหารถข้างนอกครับ หาไม่ยากและที่สำคัญไม่โดนกดราคาหรือเพิ่มราคาด้วย รถมีให้เลือกเยอะเลย
นั่งรถไป เราก็ถ่ายรูปเล่นไป เดินบ้างอะไรบ้าง สนุกสนานนนนนนนนนนนน พกแค่มือถือนี่แหละ Huawei Mate 9 เอาอยู่บอกเลย
สำหรับทริปนี้พวกเราเลือกรถสกายแล็ป แบบเหมาเที่ยวในราคา 800 บาท โชคดีที่ช่วงนี้อากาศไม่ร้อนมาก นั่งรถชมนครเวียงจันทร์ชิลล์ไป (ความรู้สึกแรกคือมันไม่ได้แตกต่างจังหัวเมืองใหญ่อย่าง เชียงใหม่ อุดร โคราช บ้านเรามากนัก)
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว