16 อาการวัยทอง อาการที่คุณไม่เคยรู้เมื่ออายุ 35+

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


    วัยทองในผู้หญิง โดยอาการที่เกิดขึ้นคนส่วนใหญมักเรียกว่า “ เลือดจะไปลมจะมา” ซึ่งเกิดจากภาวะการถดถอยของการสร้างฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มาจากรังไข่ ส่วนมากจะเกิดในช่วงอายุ 40 - 55 ปี ซึ่งภาวะการถดถอยของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงอย่างรวดเร็วนี้ ร่างกายจึงต้องมีการปรับสภาพของฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป เพราะฉะนั้น การปรับสภาพกับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป จึงส่งผลกระทบต่างๆ ตามมา ตัวอย่าง เช่น อาการร้อนหนาววูบวาบ อารมณ์หงุดหงิดง่าย นอนหลับยากขึ้น  ซึ่งอาการดังกล่าวจะกินเวลา 1 - 4 ปี ซึ่งอาการดังกล่าวจะแตกต่างกันไปแล้วแต่บุคคล และเมื่อใดก็ตามที่ประจำเดือนขาดหายเกิน 12 เดือนติดต่อกันขึ้นไป หรืออาจเรียกได้ว่าวัยหมดประจำเดือน โดยเฉลี่ยอยู่ที่อายุ 50 ปี ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สร้างจากรังไข่นั้น จะหยุดสร้างหรือสร้างน้อยมาก ซึ่งสภาวะหลังจากการหยุดสร้างนี้ร่างกายจะปรับสภาพกับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปได้แล้ว จะส่งผลให้อาการวัยทองเหมือนจะดีขึ้น แต่อาการซ่อนเร้นบางอย่างที่เป็นภัยเงียบ เช่น ภาวะโรคกระดูกพรุน ผิวหนังแห้งกร้าน อาการหลงๆ ลืมๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไปและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามอายุที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งอาการต่างๆเหล่านี้ที่ผู้คนทั่วไปคิดว่าเกิดจากความชราภาพตามธรรมชาตินั่นเอง

16 อาการวัยทองที่ควรรู้
    1.อาการร้อนหนาววูบวาบ  อาการร้อนหนาววูบวาบในผู้หญิงที่มีอาการวัยทองจะมีลักษณะอาการร้อนบริเวณลำตัวส่วนบนและใบหน้าขึ้นมาทันทีทันใด สามารถเกิดขึ้นได้ 2-3 ครั้งต่อวัน  ระยะเวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 1-5 นาที หรือบางรายพบได้ถึง 50 ครั้งต่อวัน

   2.เหงื่อออกมากผิดปกติ เหงื่อออกมากผิดปกติเป็นภาวะหนึ่งที่เกิดหลังจากมีอาการร้อนหนาววูบวาบบริเวณร่างกายส่วนบนและใบหน้าในผู้หญิงที่มีอาการวัยทอง โดยจะมีเหงื่อออกมากผิดปกติ และในบางรายพบว่ามีอาการหนาวสั่นตามมาได้อีกด้วย ซึ่งอาการหนาวสั่นมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืน และส่งผลต่อการนอนหลับได้อีกด้วย แต่หากเกิดอาการนี้ในระหว่างวัน การที่เหงื่อออกมากผิดปกติ จะส่งผลกระทบต่อกลิ่นตัวเพิ่มขึ้นด้วย

   3.ภาวะนอนไม่หลับ ภาวะนอนไม่หลับในผู้หญิงที่มีอาการวัยทอง สามารถมีอาการได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยในบางรายอายุเพิ่งก้าวเข้าสู่ 30 ก็สามารถมีอาการนอนไม่หลับได้ รูปแบบอาการนอนไม่หลับจะแตกต่างกันไปแล้วแต่กรณี เช่น บางรายอาจรู้สึกนอนไม่หลับเลยจนสว่าง  หรือบางรายอาจนอนหลับๆ ตื่นๆ หลายรอบในแต่ละคืน  ซึ่งอาการทั้งหมดจะให้ทำสมองไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ จึงส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมอย่างมากและส่งผลให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมาได้

   4.อารมณ์แปรปรวน อารมณ์แปรปรวนในผู้หญิงที่มีอาการวัยทองนั้น เป็นภาวะที่เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีผลต่อการผลิตสารสื่อประสาทในระบบประสาทส่วนกลางที่ชื่อว่า เซโรโทนิน (serotonin) ซึ่งเซโรโทรนินที่ผลิตขึ้นนั้นจะไปทำหน้าที่ควบคุมเกี่ยวกับทางด้านอารมณ์ ความก้าวร้าว ความซึมเศร้า การนอนหลับ เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงจะส่งผลให้ระดับเซโรโทนินลดลงตาม จึงทำให้เกิดอารมณ์ ความก้าวร้าวมีเพิ่มมากขึ้น หรือมีอารมณ์แปรปรวนนั้นเอง คนทั่วไปมักเข้าใจและชอบเปรียบเทียบคนที่มีอารมณ์แปรปรวนนี้ว่า คนวัยทอง

   5.อาการเวียนศรีษะ อาการเวียนศรีษะเป็นอาการหนึ่งที่มีผลมาจากภาวะการนอนไม่หลับในผู้หญิงที่มีอาการวัยทอง ส่งผลให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการเวียนศรีษะระหว่างวันได้

   6.ผิวหนังแห้งกร้านเป็นขุย  เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนผลิตได้ลดลง คอลลาเจนใต้ผิวก็จะผลิตลดลงด้วย ส่งผลให้ผิวบาง   สูญเสียความชุ่มชื้นที่ผิวได้ง่าย ทำให้ผิวแห้งกร้าน โดยบางรายผิวจะมีลักษณะเป็นขุยๆแตกแห้ง หรือบางรายมีอาการคันตามผิวหนัง  บางครั้งอาจมีอาการคันได้ และนานๆ ไป ก็จะมีโอกาสเป็นฝ้า กระและรอยเหี่ยวย่นตามมานั้นเอง

   7.เล็บเปราะบาง  เนื่องจากสุขภาพของเล็บถือว่ามีความสัมพันธ์กับสุขภาพของผิวโดยตรง เมื่อผิวแห้งกร้านไม่ชุ่มชื่น จึงส่งผลการะทบให้เล็บแห้งและเปราะบางได้ในที่สุด

   8.ผมร่วงง่าย ผมร่วงง่ายในผู้หญิงที่มีอาการวัยทอง มีสาเหตุมาจากการที่รากผมหรือขน จะฝังตัวอยู่ในชั้นหนังแท้ ที่มีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างในการยึดเกาะ การที่สร้างคอลลาเจนที่ผิวหนังในชั้นหนังแท้ มีการสร้างลดลง  ทำให้โครงสร้างการยึดเกาะหรือคอลลาเจนลดลง จึงส่งผลให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดล่วงได้ง่ายตามมา

   9.ช่องคลอดแห้งและความต้องการทางเพศที่ลดลง  เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่มีอิทธิพลต่อความชุ่มชื้น ความอวบอิ่ม ความหยืดหยุ่นของช่องคลอด และนอกจากนั้นก็ยังมีอิทธิพลต่อการทำงานของต่อมบาร์โธลิน (Bartholin gland) ซึ่งต่อมนี้มีหน้าที่หลักในการสร้างสารคัดหลั่งในช่องคลอด ดังนั้นเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทองการผลิตสารคัดหลั่งดังกล่าวก็จะลดลง ส่งผลให้เกิดอาการระคายเคืองในขณะมีเพศสัมพันธ์ แต่ทั้งนี้ก็ยังมีปัจจัยแวดล้อมหลายๆอย่าง เช่น วัยที่เพิ่มมากขึ้น อารมณ์ สุขภาพโดยรวม ก็มีผลต่อความต้องการทางเพศที่ลดลงตามมาด้วย

   10.ประจำเดือนมาผิดปกติ  อาการประจำเดือนมาผิดปกติหรือมาไม่สม่ำเสมอในหญิงที่มีอาการวัยทอง เป็นอาการหนึ่งที่พบห็นได้ชัดเจน โดยช่วงแรกจะเกิดอายุประมาณ 40-45 ปี เป็นช่วงที่ประจำเดือนมาเร็วขึ้นกว่าปกติ อาจเลื่อนจากรอบ 1 เดือนต่อครั้ง มาเป็น 3 สัปดาห์ต่อครั้ง และในช่วงถัดมาที่อายุ 45 ปีขึ้นไป รอบประจำเดือนจะเริ่มมาห่างขึ้น คือ 2-3 เดือน ต่อครั้ง และท้ายที่สุดในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป จะเป็นช่วงหมดประจำเดือน ประจำเดือนจะไม่มาติดต่อกันตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป

   11.อาการหลงลืมง่าย  อาการหลงๆ ลืมๆ จะพบมากขึ้นเมื่อเข้าสู่วัยทอง ความจำระยะสั้นจะเริ่มเสื่อมถอยลง เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนไปมีผลต่อสมองของเรา ทำให้การหลั่งสารสื่อประสาทที่เกี่ยวกับความจำลดลง จึงส่งผลต่อความจำระยะสั้น สำหรับความจำระยะยาวเซลล์สมองจะค่อยๆถูกทำลายลง ไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย จะส่งผลต่อความจำระยะยาว หรือที่เรียกว่าโรคอัลไซเมอร์นั้นเอง

   12.โรคกระดูกพรุน เมื่อเข้าสู่วัยทอง ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้ไปมีผลต่อการสลายมากกว่าการสร้างแคลเซียมในกระดูก จึงเป็นที่มาของภาวะกระดูกเปราะบาง แตกหักง่าย  สำหรับผู้หญิงที่เข้าสู่วัยทองจะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนว่า จะมีการโก่งงอของหลังเพิ่มมากขึ้นตามวัยที่มากขึ้น

   13.ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและปวดตามข้อและกระดูก สำหรับผู้ก้าวเข้าสู่วัยทองบางรายอาจจะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือ ปวดตามข้อและกระดูกได้ง่าย แต่สาเหตุยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจจะมีความสัมพันธ์โดยตรงกับภาวะการสลายตัวของกระดูกที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในวัยช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน

   14.อาการเหมือนมีไฟฟ้าช๊อตตามร่างกาย  เกิดจากการที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงอย่างรวดเร็ว ไปมีผลต่อระบบประสาทในส่วนของไฮโปทาลามัสทำงานแปรปรวน จึงส่งผลให้เกิดอาการดังกล่าวขึ้นได้ ส่วนมากจะเกิดขึ้นก่อนช่วงอาการร้อนวูบวาบ

   15.กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ภาวะกลั้นปัจสาวะไม่อยู่ในผู้หญิงที่มีอาการวัยทองเกิดจากเยื่อบุในท่อปัสสาวะขาดความยืดหยุ่น มีสาเหตุเนื่องมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงไป มีผลต่อการสร้างความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวและเยื้อบุในท่อปัสสาวะของคนเรา

   16.คลอเลสเตอรอลสูง  คลอเลสเตอรอลสูงเป็นปัญหาอย่างมากแก่ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปโดยทั่วไปแล้วคลอเลสเตอรอลสูงมีหลายๆปัจจัยแต่การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คลอเลสเตอรอลสูงขึ้นได้เช่นกัน ทั้งนี้เหตุผลก็คือ คลอเลสเตอรอลคือสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจน  เมื่อฮอร์โมนเอสโตเจนผลิตลดลง สารตั้งต้นคลอเลสเตอรอลก็ถูกเผาผลาญลดลงเช่นเดียวกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่