สวัสดีค่ะ
เราเป็นวัยรุ่นคนนึงที่มีความฝันที่อยากทำอะไรได้เอง ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้เหมือนเพื่อนๆคนอื่นๆ
แต่อาจเป็นเพราะเราเป็นลูกคนโต และถูกปลูกฝังให้มีความรับผิดชอบมากกว่าน้องๆ พ่อแม่ก็ฝากความหวังไว้กับเรามาก ประกอบกับที่บ้านเราเลี้ยงดูลูกๆอย่างเข้มงวดมากเพราะพ่อเราคาดหวังให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ดี อบอุ่น สมบูรณ์แบบ แต่อะไรที่มันตึงเกินไปมันก็ไม่ดีค่ะ
เราโตมากับกฏระเบียบมากมาย กำหนดเวลาออกจากบ้าน กลับบ้าน ตื่นนอน เข้านอน อ่านหนังสือ ชีวิตต้องมีแผนการ มีตารางล่วงหน้าและแจ้งให้พ่อกับแม่ทราบตลอด การแต่งกาย การประพฤติตัว ต้องเรียบร้อยตลอดเวลา แม้แต่สไตล์การถ่ายภาพ หรืองานศิลปะของเรา ก็ยังโดนกำหนดด้วยว่าห้ามทำงานที่สื่อถึงความเศร้าหมอง งานดาร์คๆ ซึ่งเราก็ไม่เห็นว่างานแบบนี้มันผิดอะไรเพราะก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ตอนนี้เราอายุ21 ปี เรียนอยู่ปีสี่ เรายังถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้เพื่อนที่กินเหล้าสูบบุหรี่ เราอยู่มหาลัย แต่ได้ค่าขนมแค่วันละ200(นี่เพิ่มจาก100แล้ว)ทั้งๆที่บ้านเราก็มีฐานะค่อนข้างดี ความจริงเงินเท่านี้ก็เพียงพอใช้ชีวิตถ้าเรากินแค่มื้อเที่ยงที่โรงอาหารคณะ แต่เพราะพ่อแม่ต้องการให้เรารายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่างว่าเราทำอะไรบ้าง เพราะถ้าเราจะไปกินข้าวกับเพื่อนเราก็ต้องขอเค้าก่อนล่วงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าขอแล้วจะได้ทุกครั้ง เค้าต้องการให้เราเลิกเรียนแล้วตรงกลับบ้านทันที วันหยุดให้อยู่บ้าน ออกไปหาเพื่อนไม่ได้
เล่าย้อนไปตอนเราอยู่ อนุบาลสาม แม่เราหาครูมาสอนพิเศษวิชาการเราที่บ้านเพื่อติวเข้าป.1
พอเราเข้าประถม เราต้องเรียนพิเศษทุกวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ได้เรียนกิจกรรมอื่นๆที่เราสนใจนอกจากวาดรูป
และชีวิตเราหลังจากนั้นก็ถูกผูกติดไว้กับโรงเรียนกวดวิชาเรื่อยมา
เราถูกกดดันแและปลูกฝังเรื่องเรียนมาเรื่อยๆ เรายังจำคำพูดของแม่ได้ดี แม่เราบอกเราตลอดว่า"ถ้าเราเรียนไม่เก่ง เพื่อนๆจะไม่คบเรา" ซึ่งนั่นก็ถือว่าจริงกับคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นเราเป็นเพื่อนแค่ตอนเรามีประโยชน์ และด้วยความที่เราก็ไม่ใช่เด็กฉลาดอะไร เราจึงใช้ความขยันเข้าสู้ เราอ่านหนังสืออย่างหนัก ชีวิตในช่วง ประถมปลายถึงมัธยมเราจึงมีแค่ เรียน กลับบ้าน อ่านหนังสือ วนลูปไปเรื่อยๆ เพื่อสอบให้ได้คะแนนท็อปของห้อง เราจึงเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ไม่ใช่เป็นหลืบของห้องเรียน (ก่อนหน้านี้เราไม่มีเพื่อนเลย เพราะเราเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยคุยและเรียนไม่เก่ง) หลังจากนั้น เราเริ่มเสพติดความภูมิใจจากความสำเร็จเหล่านี้ เราจึงอ่านหนังสือให้หนักขึ้น เพื่อสอบเข้าโรงเรียนรัฐชั้นนำของประเทศให้ได้ แต่เราก็สอบไม่ติด หลังจากนั้นเราก็เริ่มเป็นโรคซึมเศร้าสะสมมาเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีก็ปีสามซึ่งเป็นหนักแล้ว หลังจากสอบไม่ติด เราก็ขยันมากขึ้นอีก จนสอบติดมหาลัยและคณะที่หวังไว้ได้
หลังจากนั้นเราก็เริ่มแหกกฎค่ะ เราทำทุกอย่างที่เค้าห้าม เช่น ห้ามมีแฟน เรามีมาแล้ว3 ห้ามเฉียดเหล้า เราก็จัดทุกครั้งที่มีโอกาส เอาแบบเมาเละเทะจนเกือบเกิดอันตราย(เก็บกดมากๆ)
สุดท้าย มาถึงเรื่องอนาคตการทำงาน เราอยากทำงานสายบันเทิง ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง (ตอนนี้สนใจงานเบื้องหลัง) แต่กลับโดนดูถูกว่าเป็นอาชีพต่ำต้อย ไม่มีเกียรติ เงินเดือนน้อย กลับบ้านดึก(หลังสองทุ่มพ่อแม่เราจะถือว่าดึก)หรืออาจจะต้องค้างที่อื่น และอื่นๆ พ่อแม่ต้องการให้เราทำงานแบบนั่งโต๊ะ ซึ่งการทำงานแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนเราเลย แค่เราไปฝึกงานแล้วต้องตอกบัตรเข้างาน9โมงเลิก6โมงเราก็แทบบ้าแล้ว ถ้าให้อยู่กับงานแบบนี้ตลอดชีวิตยังไงก็ทำไม่ได้ เราถูกที่บ้านบีบให้สานต่อธุรกิจ เราเองก็ไม่ได้ว่าจะปฏิเสธซะทีเดียว แต่เราก็อยากที่จะไปทำอะไรตามความฝัน หาประสบการณ์ข้างนอกก่อน แล้วยิ่งถ้าเรายังทำงานกับเค้า เรายิ่งรู้สึกเหมือนยังไม่โต ยังได้เงินจากพวกเค้า ชีวิตต้องผูกติดกับระบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้เราอึดอัดจนแทบจะบ้า นับวันรอว่าเมื่อไหร่จะได้ใบปริญญา เมื่อไหร่จะหลุดจากพวกเค้า เมื่อไหร่จะได้ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่หรือเพื่อนคนอื่นๆบ้าง
เคยอธิบาย คุยอย่างจริงจังกับเค้าหลายรอบมาก สุดท้ายเค้าก็ไม่ฟังอะไรเลย ยึดถือความคิดตัวเองลูกเดียว ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันนอกจากหนีออกจากบ้าน.
อยากหนีออกจากบ้าน
เราเป็นวัยรุ่นคนนึงที่มีความฝันที่อยากทำอะไรได้เอง ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้เหมือนเพื่อนๆคนอื่นๆ
แต่อาจเป็นเพราะเราเป็นลูกคนโต และถูกปลูกฝังให้มีความรับผิดชอบมากกว่าน้องๆ พ่อแม่ก็ฝากความหวังไว้กับเรามาก ประกอบกับที่บ้านเราเลี้ยงดูลูกๆอย่างเข้มงวดมากเพราะพ่อเราคาดหวังให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ดี อบอุ่น สมบูรณ์แบบ แต่อะไรที่มันตึงเกินไปมันก็ไม่ดีค่ะ
เราโตมากับกฏระเบียบมากมาย กำหนดเวลาออกจากบ้าน กลับบ้าน ตื่นนอน เข้านอน อ่านหนังสือ ชีวิตต้องมีแผนการ มีตารางล่วงหน้าและแจ้งให้พ่อกับแม่ทราบตลอด การแต่งกาย การประพฤติตัว ต้องเรียบร้อยตลอดเวลา แม้แต่สไตล์การถ่ายภาพ หรืองานศิลปะของเรา ก็ยังโดนกำหนดด้วยว่าห้ามทำงานที่สื่อถึงความเศร้าหมอง งานดาร์คๆ ซึ่งเราก็ไม่เห็นว่างานแบบนี้มันผิดอะไรเพราะก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง ตอนนี้เราอายุ21 ปี เรียนอยู่ปีสี่ เรายังถูกห้ามไม่ให้เข้าใกล้เพื่อนที่กินเหล้าสูบบุหรี่ เราอยู่มหาลัย แต่ได้ค่าขนมแค่วันละ200(นี่เพิ่มจาก100แล้ว)ทั้งๆที่บ้านเราก็มีฐานะค่อนข้างดี ความจริงเงินเท่านี้ก็เพียงพอใช้ชีวิตถ้าเรากินแค่มื้อเที่ยงที่โรงอาหารคณะ แต่เพราะพ่อแม่ต้องการให้เรารายงานความเคลื่อนไหวทุกอย่างว่าเราทำอะไรบ้าง เพราะถ้าเราจะไปกินข้าวกับเพื่อนเราก็ต้องขอเค้าก่อนล่วงหน้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าขอแล้วจะได้ทุกครั้ง เค้าต้องการให้เราเลิกเรียนแล้วตรงกลับบ้านทันที วันหยุดให้อยู่บ้าน ออกไปหาเพื่อนไม่ได้
เล่าย้อนไปตอนเราอยู่ อนุบาลสาม แม่เราหาครูมาสอนพิเศษวิชาการเราที่บ้านเพื่อติวเข้าป.1
พอเราเข้าประถม เราต้องเรียนพิเศษทุกวันเสาร์อาทิตย์ ไม่ได้เรียนกิจกรรมอื่นๆที่เราสนใจนอกจากวาดรูป
และชีวิตเราหลังจากนั้นก็ถูกผูกติดไว้กับโรงเรียนกวดวิชาเรื่อยมา
เราถูกกดดันแและปลูกฝังเรื่องเรียนมาเรื่อยๆ เรายังจำคำพูดของแม่ได้ดี แม่เราบอกเราตลอดว่า"ถ้าเราเรียนไม่เก่ง เพื่อนๆจะไม่คบเรา" ซึ่งนั่นก็ถือว่าจริงกับคนกลุ่มหนึ่งที่เห็นเราเป็นเพื่อนแค่ตอนเรามีประโยชน์ และด้วยความที่เราก็ไม่ใช่เด็กฉลาดอะไร เราจึงใช้ความขยันเข้าสู้ เราอ่านหนังสืออย่างหนัก ชีวิตในช่วง ประถมปลายถึงมัธยมเราจึงมีแค่ เรียน กลับบ้าน อ่านหนังสือ วนลูปไปเรื่อยๆ เพื่อสอบให้ได้คะแนนท็อปของห้อง เราจึงเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ไม่ใช่เป็นหลืบของห้องเรียน (ก่อนหน้านี้เราไม่มีเพื่อนเลย เพราะเราเป็นเด็กเงียบๆ ไม่ค่อยคุยและเรียนไม่เก่ง) หลังจากนั้น เราเริ่มเสพติดความภูมิใจจากความสำเร็จเหล่านี้ เราจึงอ่านหนังสือให้หนักขึ้น เพื่อสอบเข้าโรงเรียนรัฐชั้นนำของประเทศให้ได้ แต่เราก็สอบไม่ติด หลังจากนั้นเราก็เริ่มเป็นโรคซึมเศร้าสะสมมาเรื่อยๆ มารู้ตัวอีกทีก็ปีสามซึ่งเป็นหนักแล้ว หลังจากสอบไม่ติด เราก็ขยันมากขึ้นอีก จนสอบติดมหาลัยและคณะที่หวังไว้ได้
หลังจากนั้นเราก็เริ่มแหกกฎค่ะ เราทำทุกอย่างที่เค้าห้าม เช่น ห้ามมีแฟน เรามีมาแล้ว3 ห้ามเฉียดเหล้า เราก็จัดทุกครั้งที่มีโอกาส เอาแบบเมาเละเทะจนเกือบเกิดอันตราย(เก็บกดมากๆ)
สุดท้าย มาถึงเรื่องอนาคตการทำงาน เราอยากทำงานสายบันเทิง ทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง (ตอนนี้สนใจงานเบื้องหลัง) แต่กลับโดนดูถูกว่าเป็นอาชีพต่ำต้อย ไม่มีเกียรติ เงินเดือนน้อย กลับบ้านดึก(หลังสองทุ่มพ่อแม่เราจะถือว่าดึก)หรืออาจจะต้องค้างที่อื่น และอื่นๆ พ่อแม่ต้องการให้เราทำงานแบบนั่งโต๊ะ ซึ่งการทำงานแบบนี้ไม่ใช่ตัวตนเราเลย แค่เราไปฝึกงานแล้วต้องตอกบัตรเข้างาน9โมงเลิก6โมงเราก็แทบบ้าแล้ว ถ้าให้อยู่กับงานแบบนี้ตลอดชีวิตยังไงก็ทำไม่ได้ เราถูกที่บ้านบีบให้สานต่อธุรกิจ เราเองก็ไม่ได้ว่าจะปฏิเสธซะทีเดียว แต่เราก็อยากที่จะไปทำอะไรตามความฝัน หาประสบการณ์ข้างนอกก่อน แล้วยิ่งถ้าเรายังทำงานกับเค้า เรายิ่งรู้สึกเหมือนยังไม่โต ยังได้เงินจากพวกเค้า ชีวิตต้องผูกติดกับระบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตอนนี้เราอึดอัดจนแทบจะบ้า นับวันรอว่าเมื่อไหร่จะได้ใบปริญญา เมื่อไหร่จะหลุดจากพวกเค้า เมื่อไหร่จะได้ใช้ชีวิตแบบผู้ใหญ่หรือเพื่อนคนอื่นๆบ้าง
เคยอธิบาย คุยอย่างจริงจังกับเค้าหลายรอบมาก สุดท้ายเค้าก็ไม่ฟังอะไรเลย ยึดถือความคิดตัวเองลูกเดียว ตอนนี้ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกันนอกจากหนีออกจากบ้าน.