สวัสดีค่ะ...
วันนี้มีเรื่องมาเล่าและอยากจะปรึกษาทุกๆท่านนะคะ
ความรู้สึกดีๆที่ได้เกิดขึ้นมาในหัวใจ จากคนที่หลงทิศหลงทางได้มีโอกาสมาเจอะเจอกัน
จากการส่งประกวดผลงานและได้ติด 10 อันดับจากทั่วประเทศ
เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงทำให้เราได้เจอกับคนคนนึง
ที่รู้สึกถูกชะตามากตั้งแต่เจอครั้งแรก และมันก็เป็นความรู้สึกดีๆ
ที่ตราตรึงใจนับตั้งแต่ตอนนั้นที่เจอเลย
เขาเป็นรุ่นพี่ 1 ปี เขาชอบวาดรูป รูปเสมือน วาดเก่ง
คือวันที่ไปอบรมพอมีคนรู้ว่าพี่เขาวาดภาพเก่ง
เท่านั้นแหละคิวยาวเลย พี่เขาวาดข้างซ้าย
เราก็เขียนหนังสือข้างซ้าย
เลยปรื้มมากรู้สึกมันเหมือนๆกัน
เขาชอบอ่านหนังสือ
มาอบรมก็เอานิยายมาอ่าน มีความรู้รอบตัวเยอะ
สังเกตจากการตอบคำถาม
คนอื่นๆกำลังฟังในขณะที่เขานั่งวาดรูปวิทยากรณ์ 555
แต่พอตอบคำถามเขาตอบได้หมด
ตอบได้จนของรางวัลต้องแบ่งให้เพื่อนที่มาด้วย
แต่ชอบตรงที่ เขาไม่อวดโอ้เกินไป
เก่งแต่ก็ไม่เยอะจนเกิน
คือเขาจะตอบคำถามในกรณีที่ไม่มีใครยกมือตอบ
อารมณ์แบบถ้ามีคนรู้เขาก็เงียบๆไป
ถ้าข้อไหนไม่มีใครรู้เขาก็ค่อยยกมือตอบ
มันดูฉนาดและน่ารักในเวลาเดียวกัน
5 วันที่ได้ใช้เวลาร่วมกันในการเข้าค่ายอบรมหนังที่
รายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มันเป็น 5 วันที่พิเศษมากๆ
สำหรับเรารู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราอยากรู้จัก
และรู้สึกเหมือนผูกพันทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน
แต่เค้าไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไง
เรารู้สึกคนเดียวและไม่เคยเปิดเผยไปในตอนนั้นเลย
มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นและเรารู้สึกคนเดียว
และเราก็เก็บความรู้สึกนั้นมานับตั้งแต่ตอนนั้น
จน ผ่านเนิ่นนานมาเกือบจะ 5 ปี
แต่ละปีที่ผ่านเลยมาเราพยายามค้นหา
เฟซบุ๊คของเค้า ด้วยกลวิธีต่างๆ
สิ่งที่สำคัญที่เราได้จากค่ายเกี่ยวกับตัวเขาก็คือ
ชื่อโรงเรียน จังหวัด ชื่อเล่น และชื่นจริงของเขาเท่านั้น
นี่เป็นข้อมูลที่เรามีซึ่งมันก็น้อยมากๆ
เราพยายามทุกวิถีทางที่จะ หาเข้าให้เจอ
ในใจก็คิดเสมอๆว่า "ถ้าคนเรามันยังมีวาสนา ยังไงก็หากันเจอ"
เราก็เลยไม่หยุดที่จะพยายามหา
แค่ให้เราได้รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไง
สบายดีมั้ย ยังเหมือนเดิมรึเปล่า
อยู่ที่ไหน เป็นยังไง อยากเห็นความสามารถของเขา
ในปีนั้นรู้เเค่ว่าเขาไม่เล่นเฟซบุ๊ค
ซึ่งหายังไงก็ไม่เจอ ผ่านมาอีกปี เราก็หาอยู่
ปีที่ 2 เราก็ลองใหม่เผื่อเขาจะเล่นแล้ว
ก็หาไม่เจอ เราก็ค้นจากชื่อจริง ชื่อเล่น
เขียนวนไปวนมา ไทย อิ้ง ก็ไม่เจอ
เข้าปีที่ 3 ปีที่ 4 ก็หาอยู่ เราใช้เวลาหาเป็นระยะๆ
ไม่เจอก็หยุดไปก่อน ไม่ฝืน...
เข้าปีที่ เราก็เอาชื่อเขาไปค้นในกูลเกิล
ซึ่งมันก็ขึ้น ตึง ประวัติของเค้าเลยจ้าาาาา
สิ่งที่ได้มาคือ เราได้รู้ว่าเขามีผลงานอะไรบ้างตอนเรียน
และได้รู้ เฟซบุ๊ค เข้าทางจ้าา
เราก็ไปแอดเลยทันที ซึ่งเฟซที่เจอก็เป็นเฟซที่เขา
สมัครขึ้นเพื่อลงสมัครประธานนักเรียน แล้วมันก็เหมือน
ไม่มีการใช้งานแล้ว เหมือนมันไม่ได้เล่นเลยยยย
เราก็โอเค ไม่เป็นไร รอไปก่อน หาใหม่อีกรอบ
ก็ค้นในกูลเกิลจนเจออีกว่า
เขาเข้า มหาลัยอะไร คณะอะไร เอกอะไร
เราก็ไปหาในเพจมหาลัย ขุดหนักมากมาย
ขอเข้ากลุ่มสารพัดกลุ่ม ที่คิดว่าเขาจะอยู่
ดูกดไลค์ ดูเพจ ทำทุกๆทาง แอดเพื่อนต่างมหาลัย
ต่างคณะ เพื่อจะไปดูเพื่อน เราพยายามหาอย่างหนักมาก
เพราะเรารู้สึกว่ามันเจอแล้ว แบบ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น
จนกระทั่งเรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว มันยังไม่ถึงเวลา
มันยังหาไม่เจอเราเลยหยุด
พอเริ่มเข้าปีที่ 5 หลังจากที่เริ่มว่างๆจากงานมหาลัย
เราก็กลับมาหาอีกรอบ คือ เจอก็เจอไม่เจอก็เดี๋ยวลองใหม่
เราก็เข้าไปในเพื่อนของเพื่อนของเื่อน โอ้ยยยยยยยย
เรียกได้ว่าหายากมากๆๆๆๆๆ แต่ความบังเอิญบนความตั้งใจก็เกิดขึ้น
เราเห็นพี่คนนึงเรียนเอกเดียวกับพี่เขา เราก็เลยไปเลื่อนดูหน้าเฟซเขา
ซึ่งก็ไปเจอรูปนึง ที่มันเป็นรูปรวม ปี 3 และ ปี4 กวาดสายตา มองแว๊ปเลย
ใช่เลย คนนี้เลย คือเจอจริงๆ ด้วยความรีบเราก็มองว่าทำไมเข้าไม่แท็กนะ
เราก็ไปเลื่อนดูที่ไลค์ 2-3 ร้อยกว่าไลค์ ว่ามีชื่อเฟซมั้ย...
ซึ่งในไลค์ไม่มีเลยจ้า...เลยกดที่รูปอีกรอบ แท็กก็เลยเด้งขึ้น
โอ้แม่เจ้า...เเท็กค่ะ แท็กเฟซพี่เขา เราก็ตัดสินใจแอดไปเลย
แต่ก่อนหน้านี้ที่หาๆ เราก็คิดว่า
ถ้าวันนึงเราเจอ และเขาขึ้นสเตตัสรีเรชั่นชิพ เราจะโอเคมั้ย
แล้วถ้าเขาแท็กแฟนหรืออะไรยังไง จะแอดมั้ย จะไหวมั้ย
เราก็คิดแล้วว่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร เราไม่ยุ่ง
แอดไปเป็นอฟนคลับหรือคอยดูอยู้ห่างก็ได้
ซึ่งที่เจอก็ป๊าบบบบบ โสดจ้าาาาาาาาาาาาาา5555
ก็เลยโล่งขึ้นเยอะเลย
ประมาณ 2 ชั่วโมงเขาก็รับแอด ดีใจนะ
เราก็เลยตัดสินใจทักเขาไป ถามว่าจำเราได้มั้ย
เค้าก็น่ารัก ตอบมาว่าแค่คุ้นๆ เออก็ไม่เป็นไร
จำไม่ได้คุ้นๆก็ยังดี
เราก็เลยถามนู้นนี่ไป เขาก็ดีนะเขาก็ตอบเราดี
แต่เค้าก็จบด้วยประโยคที่บอกว่าเขาจะไปกินข้าวแล้ว
และนั่นก็เป็นการบอกลาที่เขาไม่กลับมา
เราเลยตัดสินใจทักไปใหม่ และความรู้สึกที่รับรู้ได้คือ เค้าไม่อยากคุย555
ยับและแหกหนักมาก เราเลย โอเคกว่าจะหาเจอนานนะ
ไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึกกับเรา เราก็ไม่ทักไป
เว้นระยะห่าง แค่ตามไลค์ตามเรื่องราวที่เราแชร์เขาทำงานก็โอเค
จนกระทั่งวันนึง...
เหมือนเขาเกิดมีปัญหากับเพื่อน เขาก็โพสต์ตึง
ถ้อยคำที่สุภาพแต่ก็แฝงไปด้วยความเจ็บช้ำ
ซึ่งเราก็เป็นห่วงว่าเขาไปเจออะไรมา ไม่เคยเห็นเขา
โพสต์ข้อความที่สะเทือนใจขนาดนี้เลย
และหลังจากคืนนั้นที่เราตัดสินใจทักเขาไป อยู่ๆเขากลับกลายเป็นอีกคนที่
น่าตกใจมาก มันทำให้เราเกิดบทสนทนาต่อไป
โดยที่เราและเขาไม่หายไปไหน เหมือนเขาเองก็อยากจะพูด
อยากจะคุยให้เราฟัง และเราชอบฟังอยู่แล้ว
และไม่มีทางหายไปไหนแน่นอน รู้สึกขอบคุณฟ้าและสวรรค์ขอบคุณหัวใจ
เขาด้วยที่เปิดโอกาส
มันเป็นเช้าวันต่อมาทที่ทำให้หัวใจเรามีพลัง
มีความหวังมีความสดชื่นชุ่มช่ำมากๆ
มันเกิดบทสนทนาที่ดีมากๆ เราเงียบเขาก็ตาม
และเขาก็โทร มันทำให้คนคนนึง
รู้สึกดีมากๆ ไม่คิดไม่ฝัน
ว่าจะมีโอกาสได้ยินเสียง ได้คุยอีกครั้ง
ผ่านช่วงเวลานั้นมา เป็นเวลา 5 วัน
เราไม่เคยโทรไปเพราะเราไม่กล้า
แต่เขาก็เป็นคนที่ยอมโทรมา
มันเกิดความทรงจำที่ดีมากๆ เขาเล่าเรื่องราวชีวิต
ที่เป็นที่เจอที่ผ่านมาต่างๆให้เราฟัง
เขาถามเรา สนใจเรื่องเรา และส่งรายการ
รักโรแมนติกๆมาให้เราดู ส่งเพลง
หนึ่งในเพลงที่ส่งมามีความหมายว่า
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันในวันที่แย่ๆ
เราก็รู้ว่าเขาขอบคุณเราอยู่
แค่ได้รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว
มันเข้าใจและรับรู้ได้เลย
เป็นเพลงที่มาแบ่งปัน ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น
มันทำให้เราเริ่มมีความหวัง
เริ่มรู้สึกดีขึ้นมในทุกๆครั้ง
จากการตามหาที่ยากลำบาก การเริ่มสนทนาที่ไม่น่าเป็นไปได้
จนตอนนี้มันเหลือเชื่อมาก
เขารักเด็กชอบแชร์รูปเด็ก รูปบ้าน รูปต้นไม้ ชอบวาดรูป
ทำให้ดูอบอุ่ม ดูเป็นคนมีความคิดมีความใจเย็น555
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีน้อยมากกๆๆๆในผู้ชายสมัยนี้
ที่อายุเท่านี้ เรารู้สึกโชคดีที่ครั้งนึงได้มีโอกาสมากขนาดนี้
จนกระทั่งวันที่ปวดร้าวหัวใจที่สุด
คือวันที่เรากลับมาบ้านและพี่เขาโทรมา
เรากำลังคิดว่าจะรับไม่รับดี
เสี่ยงมากต่อการที่พ่อกับแม่ได้ยิน
แต่ก็ด้วยความคิดถึงจึงรับ...
และนั่นก็เป็นคืนสุดท้ายที่ได้คุยกับเขา
วันนั้นมันดีมากๆ มันบอกไม่ถูกแต่มันไม่น่าเกิดเรื่องแย่ๆขึ้น
พ่อเข้ามาในห้องและรู้ว่าเราคุยกับพี่เขา
เราไม่ตอบอะไรพ่อสักอย่างจนเขาไปเจอเอง
และเค้าก็จัดการทุกอย่าง บอกให้เราบล็คเขา
ถ้าเราไม่ทำ เขาจะไม่ให้เราเรียนต่อ
พ่อบอกว่า เราต้องเรียนเรียนอย่างเดียว ห้ามมีความรัก
ห้ามไปรักใคร คุยก็ไม่ได้ นอกจากงาน
หนึ่งคำที่หมดกำลังใจมากๆ คือ
"พ่อขีดเส้นทางไว้ให้เองต้องเดินและเองก็ต้องเดินตามที่พ่อขีดเส้นไว้ให้"
มันทำให้เราคิดว่า อะไรคือคำว่าครอบครัว
ทำไมไม่ฟังเราบ้าง เราก็จัดว่าเรียนอยู่ในระดับ
แถวหน้าของชั้น เกรดอยู่ 3.9 ขึ้น
มันรู้สึกแย่มากๆ ที่ถูกห้ามแบบนี้
ในขณะที่เรารู้สึกดี รู้สึกไปแล้วมากกว่าชอบไปแล้ว
หามากว่า 5 ปีกว่าจะเจอ
เจอกว่าจะได้คุย กว่าจะได้รู้จัก
และเมื่อรู้ว่าเเขาเองก็เหมือนจะรู้สึกเช่นเดียวกัน
ก็กลับต้องมาเจออุปสรรคที่หนักหน่วงมาก
พ่อเราไปคุยกับเขาด้วยคำที่ไม่สุภาพ แต่ก็ขอร้อง
พี่เขาเองก็ไม่โกรธและไม่รับคำขอโทษจากเรา เพราะเขาบอกว่าเราไม่ผิด
ไม่มีใครผิด เขาเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาก็บอกว่า
พ่อเราเป็นคนขอร้องเขา ผู้ชายที่ขอร้องผู้ชายด้วยกัน
เขาก็จะทำให้ และคนที่ขอร้องนั่นอ่า พ่อเราเอง
นี่คือสิ่งที่เราต้องเข้าใจ เราก็ไม่โอเค
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เราเคยบิกเขาว่า
เราจะไม่หายไปไหน แม้คุยด้วยไม่ได้เราก็จะไม่หายไปไหน
จะอยู่และรอฟังเรื่องราวต่างๆเหมือนเดิม
ถึงตอนนี้เราหยุดทุกการสนทนา และพ่อเราก็
เอาโซเชี่ยวทุกแอพไปบล็อคพี่เขาออกไปจากชีวิตเราเกลี้ยงเลย
เราก็ไม่โอนะ แต่ก็นะ เราก็ยอม
สิ่งที่คิดตอนนี้คือ
เราจะให้รักของเราเปรียบดังลม
ลมที่มีอยู่ทุกระยะ แค่ให้รู้ว่ามันมีอยู่ ถึงมันจะสัมผัสไม่ได้
แต่ทุกครั้งที่ลมพัดคุยจะรู้สึกเสมอ
และถ้านับจากนี้อีก 3 ปีเราจะตามหาเขาใหม่
ไม่ขอให้เขารอเพราะเขาคงไม่รอ
ถ้าตอนนั้นเขาไม่มีใคร เราก็จะขอลองใหม่อีกรอบ
ลองใหม่อีกครั้งไปเรื่อยๆ
ใครเคยเจอมาแชร์ให้กันฟังก็ได้นะคะ
ถ้าพี่ผ่านมาอ่านเจออยากบอกให้รู้ว่า คิดถึงเสมอนะ
ไว้ถึงเวลาที่ควรและพี่ยังไม่มีใคร ไว้จะเริ่มใหม่อีกครั้งนะคะ
ฝากไว้นิดนึงนะ
อย่าแชร์ไปนะ เดี๋ยวพ่อเห็นพ่อเก่งมากเลย5555
เรื่องมันเศร้า รักเราไม่มีใครเข้าใจ
วันนี้มีเรื่องมาเล่าและอยากจะปรึกษาทุกๆท่านนะคะ
ความรู้สึกดีๆที่ได้เกิดขึ้นมาในหัวใจ จากคนที่หลงทิศหลงทางได้มีโอกาสมาเจอะเจอกัน
จากการส่งประกวดผลงานและได้ติด 10 อันดับจากทั่วประเทศ
เหตุการณ์ครั้งนั้นจึงทำให้เราได้เจอกับคนคนนึง
ที่รู้สึกถูกชะตามากตั้งแต่เจอครั้งแรก และมันก็เป็นความรู้สึกดีๆ
ที่ตราตรึงใจนับตั้งแต่ตอนนั้นที่เจอเลย
เขาเป็นรุ่นพี่ 1 ปี เขาชอบวาดรูป รูปเสมือน วาดเก่ง
คือวันที่ไปอบรมพอมีคนรู้ว่าพี่เขาวาดภาพเก่ง
เท่านั้นแหละคิวยาวเลย พี่เขาวาดข้างซ้าย
เราก็เขียนหนังสือข้างซ้าย
เลยปรื้มมากรู้สึกมันเหมือนๆกัน
เขาชอบอ่านหนังสือ
มาอบรมก็เอานิยายมาอ่าน มีความรู้รอบตัวเยอะ
สังเกตจากการตอบคำถาม
คนอื่นๆกำลังฟังในขณะที่เขานั่งวาดรูปวิทยากรณ์ 555
แต่พอตอบคำถามเขาตอบได้หมด
ตอบได้จนของรางวัลต้องแบ่งให้เพื่อนที่มาด้วย
แต่ชอบตรงที่ เขาไม่อวดโอ้เกินไป
เก่งแต่ก็ไม่เยอะจนเกิน
คือเขาจะตอบคำถามในกรณีที่ไม่มีใครยกมือตอบ
อารมณ์แบบถ้ามีคนรู้เขาก็เงียบๆไป
ถ้าข้อไหนไม่มีใครรู้เขาก็ค่อยยกมือตอบ
มันดูฉนาดและน่ารักในเวลาเดียวกัน
5 วันที่ได้ใช้เวลาร่วมกันในการเข้าค่ายอบรมหนังที่
รายการโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มันเป็น 5 วันที่พิเศษมากๆ
สำหรับเรารู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เราอยากรู้จัก
และรู้สึกเหมือนผูกพันทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน
แต่เค้าไม่รู้ว่าเรารู้สึกยังไง
เรารู้สึกคนเดียวและไม่เคยเปิดเผยไปในตอนนั้นเลย
มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นและเรารู้สึกคนเดียว
และเราก็เก็บความรู้สึกนั้นมานับตั้งแต่ตอนนั้น
จน ผ่านเนิ่นนานมาเกือบจะ 5 ปี
แต่ละปีที่ผ่านเลยมาเราพยายามค้นหา
เฟซบุ๊คของเค้า ด้วยกลวิธีต่างๆ
สิ่งที่สำคัญที่เราได้จากค่ายเกี่ยวกับตัวเขาก็คือ
ชื่อโรงเรียน จังหวัด ชื่อเล่น และชื่นจริงของเขาเท่านั้น
นี่เป็นข้อมูลที่เรามีซึ่งมันก็น้อยมากๆ
เราพยายามทุกวิถีทางที่จะ หาเข้าให้เจอ
ในใจก็คิดเสมอๆว่า "ถ้าคนเรามันยังมีวาสนา ยังไงก็หากันเจอ"
เราก็เลยไม่หยุดที่จะพยายามหา
แค่ให้เราได้รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไง
สบายดีมั้ย ยังเหมือนเดิมรึเปล่า
อยู่ที่ไหน เป็นยังไง อยากเห็นความสามารถของเขา
ในปีนั้นรู้เเค่ว่าเขาไม่เล่นเฟซบุ๊ค
ซึ่งหายังไงก็ไม่เจอ ผ่านมาอีกปี เราก็หาอยู่
ปีที่ 2 เราก็ลองใหม่เผื่อเขาจะเล่นแล้ว
ก็หาไม่เจอ เราก็ค้นจากชื่อจริง ชื่อเล่น
เขียนวนไปวนมา ไทย อิ้ง ก็ไม่เจอ
เข้าปีที่ 3 ปีที่ 4 ก็หาอยู่ เราใช้เวลาหาเป็นระยะๆ
ไม่เจอก็หยุดไปก่อน ไม่ฝืน...
เข้าปีที่ เราก็เอาชื่อเขาไปค้นในกูลเกิล
ซึ่งมันก็ขึ้น ตึง ประวัติของเค้าเลยจ้าาาาา
สิ่งที่ได้มาคือ เราได้รู้ว่าเขามีผลงานอะไรบ้างตอนเรียน
และได้รู้ เฟซบุ๊ค เข้าทางจ้าา
เราก็ไปแอดเลยทันที ซึ่งเฟซที่เจอก็เป็นเฟซที่เขา
สมัครขึ้นเพื่อลงสมัครประธานนักเรียน แล้วมันก็เหมือน
ไม่มีการใช้งานแล้ว เหมือนมันไม่ได้เล่นเลยยยย
เราก็โอเค ไม่เป็นไร รอไปก่อน หาใหม่อีกรอบ
ก็ค้นในกูลเกิลจนเจออีกว่า
เขาเข้า มหาลัยอะไร คณะอะไร เอกอะไร
เราก็ไปหาในเพจมหาลัย ขุดหนักมากมาย
ขอเข้ากลุ่มสารพัดกลุ่ม ที่คิดว่าเขาจะอยู่
ดูกดไลค์ ดูเพจ ทำทุกๆทาง แอดเพื่อนต่างมหาลัย
ต่างคณะ เพื่อจะไปดูเพื่อน เราพยายามหาอย่างหนักมาก
เพราะเรารู้สึกว่ามันเจอแล้ว แบบ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น
จนกระทั่งเรารู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว มันยังไม่ถึงเวลา
มันยังหาไม่เจอเราเลยหยุด
พอเริ่มเข้าปีที่ 5 หลังจากที่เริ่มว่างๆจากงานมหาลัย
เราก็กลับมาหาอีกรอบ คือ เจอก็เจอไม่เจอก็เดี๋ยวลองใหม่
เราก็เข้าไปในเพื่อนของเพื่อนของเื่อน โอ้ยยยยยยยย
เรียกได้ว่าหายากมากๆๆๆๆๆ แต่ความบังเอิญบนความตั้งใจก็เกิดขึ้น
เราเห็นพี่คนนึงเรียนเอกเดียวกับพี่เขา เราก็เลยไปเลื่อนดูหน้าเฟซเขา
ซึ่งก็ไปเจอรูปนึง ที่มันเป็นรูปรวม ปี 3 และ ปี4 กวาดสายตา มองแว๊ปเลย
ใช่เลย คนนี้เลย คือเจอจริงๆ ด้วยความรีบเราก็มองว่าทำไมเข้าไม่แท็กนะ
เราก็ไปเลื่อนดูที่ไลค์ 2-3 ร้อยกว่าไลค์ ว่ามีชื่อเฟซมั้ย...
ซึ่งในไลค์ไม่มีเลยจ้า...เลยกดที่รูปอีกรอบ แท็กก็เลยเด้งขึ้น
โอ้แม่เจ้า...เเท็กค่ะ แท็กเฟซพี่เขา เราก็ตัดสินใจแอดไปเลย
แต่ก่อนหน้านี้ที่หาๆ เราก็คิดว่า
ถ้าวันนึงเราเจอ และเขาขึ้นสเตตัสรีเรชั่นชิพ เราจะโอเคมั้ย
แล้วถ้าเขาแท็กแฟนหรืออะไรยังไง จะแอดมั้ย จะไหวมั้ย
เราก็คิดแล้วว่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่เป็นไร เราไม่ยุ่ง
แอดไปเป็นอฟนคลับหรือคอยดูอยู้ห่างก็ได้
ซึ่งที่เจอก็ป๊าบบบบบ โสดจ้าาาาาาาาาาาาาา5555
ก็เลยโล่งขึ้นเยอะเลย
ประมาณ 2 ชั่วโมงเขาก็รับแอด ดีใจนะ
เราก็เลยตัดสินใจทักเขาไป ถามว่าจำเราได้มั้ย
เค้าก็น่ารัก ตอบมาว่าแค่คุ้นๆ เออก็ไม่เป็นไร
จำไม่ได้คุ้นๆก็ยังดี
เราก็เลยถามนู้นนี่ไป เขาก็ดีนะเขาก็ตอบเราดี
แต่เค้าก็จบด้วยประโยคที่บอกว่าเขาจะไปกินข้าวแล้ว
และนั่นก็เป็นการบอกลาที่เขาไม่กลับมา
เราเลยตัดสินใจทักไปใหม่ และความรู้สึกที่รับรู้ได้คือ เค้าไม่อยากคุย555
ยับและแหกหนักมาก เราเลย โอเคกว่าจะหาเจอนานนะ
ไม่อยากให้เขาเสียความรู้สึกกับเรา เราก็ไม่ทักไป
เว้นระยะห่าง แค่ตามไลค์ตามเรื่องราวที่เราแชร์เขาทำงานก็โอเค
จนกระทั่งวันนึง...
เหมือนเขาเกิดมีปัญหากับเพื่อน เขาก็โพสต์ตึง
ถ้อยคำที่สุภาพแต่ก็แฝงไปด้วยความเจ็บช้ำ
ซึ่งเราก็เป็นห่วงว่าเขาไปเจออะไรมา ไม่เคยเห็นเขา
โพสต์ข้อความที่สะเทือนใจขนาดนี้เลย
และหลังจากคืนนั้นที่เราตัดสินใจทักเขาไป อยู่ๆเขากลับกลายเป็นอีกคนที่
น่าตกใจมาก มันทำให้เราเกิดบทสนทนาต่อไป
โดยที่เราและเขาไม่หายไปไหน เหมือนเขาเองก็อยากจะพูด
อยากจะคุยให้เราฟัง และเราชอบฟังอยู่แล้ว
และไม่มีทางหายไปไหนแน่นอน รู้สึกขอบคุณฟ้าและสวรรค์ขอบคุณหัวใจ
เขาด้วยที่เปิดโอกาส
มันเป็นเช้าวันต่อมาทที่ทำให้หัวใจเรามีพลัง
มีความหวังมีความสดชื่นชุ่มช่ำมากๆ
มันเกิดบทสนทนาที่ดีมากๆ เราเงียบเขาก็ตาม
และเขาก็โทร มันทำให้คนคนนึง
รู้สึกดีมากๆ ไม่คิดไม่ฝัน
ว่าจะมีโอกาสได้ยินเสียง ได้คุยอีกครั้ง
ผ่านช่วงเวลานั้นมา เป็นเวลา 5 วัน
เราไม่เคยโทรไปเพราะเราไม่กล้า
แต่เขาก็เป็นคนที่ยอมโทรมา
มันเกิดความทรงจำที่ดีมากๆ เขาเล่าเรื่องราวชีวิต
ที่เป็นที่เจอที่ผ่านมาต่างๆให้เราฟัง
เขาถามเรา สนใจเรื่องเรา และส่งรายการ
รักโรแมนติกๆมาให้เราดู ส่งเพลง
หนึ่งในเพลงที่ส่งมามีความหมายว่า
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกันในวันที่แย่ๆ
เราก็รู้ว่าเขาขอบคุณเราอยู่
แค่ได้รู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียว
มันเข้าใจและรับรู้ได้เลย
เป็นเพลงที่มาแบ่งปัน ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น
มันทำให้เราเริ่มมีความหวัง
เริ่มรู้สึกดีขึ้นมในทุกๆครั้ง
จากการตามหาที่ยากลำบาก การเริ่มสนทนาที่ไม่น่าเป็นไปได้
จนตอนนี้มันเหลือเชื่อมาก
เขารักเด็กชอบแชร์รูปเด็ก รูปบ้าน รูปต้นไม้ ชอบวาดรูป
ทำให้ดูอบอุ่ม ดูเป็นคนมีความคิดมีความใจเย็น555
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันมีน้อยมากกๆๆๆในผู้ชายสมัยนี้
ที่อายุเท่านี้ เรารู้สึกโชคดีที่ครั้งนึงได้มีโอกาสมากขนาดนี้
จนกระทั่งวันที่ปวดร้าวหัวใจที่สุด
คือวันที่เรากลับมาบ้านและพี่เขาโทรมา
เรากำลังคิดว่าจะรับไม่รับดี
เสี่ยงมากต่อการที่พ่อกับแม่ได้ยิน
แต่ก็ด้วยความคิดถึงจึงรับ...
และนั่นก็เป็นคืนสุดท้ายที่ได้คุยกับเขา
วันนั้นมันดีมากๆ มันบอกไม่ถูกแต่มันไม่น่าเกิดเรื่องแย่ๆขึ้น
พ่อเข้ามาในห้องและรู้ว่าเราคุยกับพี่เขา
เราไม่ตอบอะไรพ่อสักอย่างจนเขาไปเจอเอง
และเค้าก็จัดการทุกอย่าง บอกให้เราบล็คเขา
ถ้าเราไม่ทำ เขาจะไม่ให้เราเรียนต่อ
พ่อบอกว่า เราต้องเรียนเรียนอย่างเดียว ห้ามมีความรัก
ห้ามไปรักใคร คุยก็ไม่ได้ นอกจากงาน
หนึ่งคำที่หมดกำลังใจมากๆ คือ
"พ่อขีดเส้นทางไว้ให้เองต้องเดินและเองก็ต้องเดินตามที่พ่อขีดเส้นไว้ให้"
มันทำให้เราคิดว่า อะไรคือคำว่าครอบครัว
ทำไมไม่ฟังเราบ้าง เราก็จัดว่าเรียนอยู่ในระดับ
แถวหน้าของชั้น เกรดอยู่ 3.9 ขึ้น
มันรู้สึกแย่มากๆ ที่ถูกห้ามแบบนี้
ในขณะที่เรารู้สึกดี รู้สึกไปแล้วมากกว่าชอบไปแล้ว
หามากว่า 5 ปีกว่าจะเจอ
เจอกว่าจะได้คุย กว่าจะได้รู้จัก
และเมื่อรู้ว่าเเขาเองก็เหมือนจะรู้สึกเช่นเดียวกัน
ก็กลับต้องมาเจออุปสรรคที่หนักหน่วงมาก
พ่อเราไปคุยกับเขาด้วยคำที่ไม่สุภาพ แต่ก็ขอร้อง
พี่เขาเองก็ไม่โกรธและไม่รับคำขอโทษจากเรา เพราะเขาบอกว่าเราไม่ผิด
ไม่มีใครผิด เขาเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น และเขาก็บอกว่า
พ่อเราเป็นคนขอร้องเขา ผู้ชายที่ขอร้องผู้ชายด้วยกัน
เขาก็จะทำให้ และคนที่ขอร้องนั่นอ่า พ่อเราเอง
นี่คือสิ่งที่เราต้องเข้าใจ เราก็ไม่โอเค
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เราเคยบิกเขาว่า
เราจะไม่หายไปไหน แม้คุยด้วยไม่ได้เราก็จะไม่หายไปไหน
จะอยู่และรอฟังเรื่องราวต่างๆเหมือนเดิม
ถึงตอนนี้เราหยุดทุกการสนทนา และพ่อเราก็
เอาโซเชี่ยวทุกแอพไปบล็อคพี่เขาออกไปจากชีวิตเราเกลี้ยงเลย
เราก็ไม่โอนะ แต่ก็นะ เราก็ยอม
สิ่งที่คิดตอนนี้คือ
เราจะให้รักของเราเปรียบดังลม
ลมที่มีอยู่ทุกระยะ แค่ให้รู้ว่ามันมีอยู่ ถึงมันจะสัมผัสไม่ได้
แต่ทุกครั้งที่ลมพัดคุยจะรู้สึกเสมอ
และถ้านับจากนี้อีก 3 ปีเราจะตามหาเขาใหม่
ไม่ขอให้เขารอเพราะเขาคงไม่รอ
ถ้าตอนนั้นเขาไม่มีใคร เราก็จะขอลองใหม่อีกรอบ
ลองใหม่อีกครั้งไปเรื่อยๆ
ใครเคยเจอมาแชร์ให้กันฟังก็ได้นะคะ
ถ้าพี่ผ่านมาอ่านเจออยากบอกให้รู้ว่า คิดถึงเสมอนะ
ไว้ถึงเวลาที่ควรและพี่ยังไม่มีใคร ไว้จะเริ่มใหม่อีกครั้งนะคะ
ฝากไว้นิดนึงนะ
อย่าแชร์ไปนะ เดี๋ยวพ่อเห็นพ่อเก่งมากเลย5555