หนังเข้ามาจะครบอาทิตย์ละ เพิ่งมีโอกาสได้ดู แต่ยังไงก็ตามผมติดใจเรื่องนี้มาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ด้วยความเป็นหนังแอ็คชั่นที่ไม่ต้องคิดอะไรมากเลย ฆ่าหมากรูเหรอ ก็ตายซะ แล้วก็ลุยเดี่ยวซัดแก๊งมาเฟียซะล่มจม มาภาคนี้ก็เลยอยากรู้ว่าหนังจะเป็นยังไงต่อ แต่คิดว่าฉากแอ็คชั่นต้องสุดยอดเหมือนเดิมหรือมากกว่าเดิมแน่ๆ

คีอานู รีฟ กลับมารับบทเดิม John Wick ต้องชดใช้ตราเลือดที่เคยทำสัญญาไว้กับ Santino D’Antonio โดยการไปฆ่า Gianna พี่สาวของ Santino เพื่อชิงอำนาจในสภานักฆ่ามาไว้ในกำมือ แต่พอทำภารกิจเสร็จแล้ว John Wick ก็ยังถูกตามฆ่าโดย Cassian บอดี้การ์ดของ Gianna และ Ares (Ruby Rose จาก xXx: Return of Xander Cage) งานนี้ John Wick ก็ต้องตอบโต้กลับอย่างสาสม เพื่อจะได้วางมือซะที

เรียกได้ว่าไม่ทิ้งลายความเป็น John Wick ตั้งแต่นาทีแรกของหนัง เพราะมันตามมาเอารถคืนจากภาคแรกยันภาคนี้เลย เรียกว่าเกือบครึ่งชั่วโมงแรกก็อัดฉากแอ็คชั่นใส่เข้ามาอย่างเต็มอิ่ม แล้วแต่ละฉากก็ไม่ใช่ก๊องแก๊ง โปรดัคชั่นมาเต็มเอี้ยด ลุ้นกันอ้าปากค้างไม่ต้องหุบกันเลย ทั้งๆ ที่หนังไม่ได้บอกเล่าเท้าความอะไรแม้แต่น้อย แต่มันส์ได้แบบหายใจหายคอไม่ทัน

พอผ่านช่วงแรกมา หนังถึงเริ่มเอาเนื้อหาเรื่องราวในภาคสองมาใส่ให้คนดูได้ติดตามกันต่อ ซึ่งหนังก็เล่าได้ค่อนข้างโอเคในระดับนึง หนังพาเราเดินไปตามทางของ Pattern หนังนักฆ่า มีการไปตามซื้อเสื้อผ้าอาวุธยุทโธปกรณ์ และก็เริ่มเข้าสู่ภารกิจต่อมา แต่อย่างว่าคนดูคงไม่ได้หวังอะไรจากการเล่าเรื่องราวอยู่แล้ว หนังก็เลยไม่ค่อยได้อะไรมาก อัดฉากแอ็คชั่นมาเช่นเคยอย่างจุใจ

สิ่งที่หนังพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือฉากโปรดัคชั่นที่ค่อนข้างดูแพงและมีระดับมากขึ้นกว่าภาคที่แล้วเยอะ ตั้งแต่ฉากแรกที่ขับรถไล่ล่ากันอย่างระเบิดเมือง ฉากบางฉากดูสวยเลยทีเดียว ผมชอบที่สุดคือฉากกระจกเงาที่ดูแล้วเหมือนดูหนัง Bruce Lee อยู่เลย หนังเล่นกับเงาได้อย่างเท่มาก ฉากต่อสู้ดูมีความหนักหน่วงและดุดันมากขึ้น ยิงกันหัวแบะเห็นๆ เต็มตา มุมกล้องสวยๆ แปลกๆ เท่ๆ จัดมาตลอดทั้งเรื่อง เรียกได้ว่าดูกันไม่มีเบื่อเลยทีเดียว

ตัวพ่ออย่าง Keanu Reeves ไม่ได้ด้อยลงกว่าภาคแรกเลย ดูโหดดิบขึ้นด้วยซ้ำ เราจะเห็นท่าเท่ๆ หล่อๆ ออกมาตลอดทั้งเรื่อง ถึงแม้จะโดนเยอะไปหน่อยในภาคนี้ แต่ตายยากกว่า จอห์น แม็คเคลน ซะอีก เล่นคนเดียวเอาอยู่เลย ส่วน Ruby Rose ที่หลายๆ คนเริ่มติดตามผลงานเพราะความเท่ เรื่องนี้ไม่ต้องมีบทพูดก็เด่นเลยล่ะ เพราะบทเป็นตัวร้ายที่มีบทบาทมากที่สุดของเรื่องละ ส่วนตัวอื่น อย่างนักฆ่าผิวสี Cassian กับ Santino ความสำคัญของเรื่องก็เป็นไปตามที่ควรจะเป็น

ภาพรวมของหนังต้องบอกว่า 125 นาที นี่ กว่า 80% หรือเกือบๆ สองชั่วโมง หนังจัดเต็มกับฉากแอ็คชั่นไปซะหมด แถมยังเป็นฉากที่ดูมันส์สุดๆ อีกด้วย ไม่ใช่การเล่นฉากแอ็คชั่นแบบเลอะเทอะ เป็นฉากแอ็คชั่นที่มีการออกแบบมาอย่างดี ดูแล้วสนุกและ smooth เพลินตาดี เรียกว่าไม่เสียดายที่หวังไว้เยอะเลยล่ะ

พูดคุยเพิ่มเติมได้ที่เพจนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/