อยากจะถามว่า เราเชื่อแม่ได้มากแค่ไหนคะ

พ่อเราทำงานหนักมาก เพื่อจะหาเงินมาให้พวกเรามีกินมีใช้เพราะแม่เราไม่ได้ทำงานคะ แม่เป็นเจ้าของสวนจ้างน้าที่เป็นน้องของแม่ให้ทำงานและแม่ได้ส่วนแบ่งจากการขายผลผลิต แต่ค่าใช้ทั้งหมดในบ้านคือพ่อเราออก มีแม่เราออกด้วยมั้งคะเราไม่แน่ใจ แต่พ่อเราจะบ่นประจำเลยคะว่าพ่อไม่เคยเห็นเงินที่ได้จากสวนแม่เลย ผลจากการที่พ่อทำงานหนัก พ่อเราไม่มีเวลาให้พวกเรา ไม่ค่อยพาไปเที่ยวไหน (ก็เข้าใจนะคะว่าเหนื่อย)

เรากับน้องโตมากับการเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเรื่องเงิน เรื่องหนี้สินของแม่ พ่อกล่าวหาว่าแม่เล่นการพนัน มีชู้ แม่มาบอกเรากับน้องว่าค่าใช้จ่ายที่พ่อให้มาใช้มันไม่พอ แม่เลยต้องไปหยิบยืมคนอื่น พวกเราเข้าข้างแม่สนิทใจและคิดว่าพ่อเป็นคนใจร้าย

จนกระทั่งเราเริ่มทำงาน แม่เราก็เริ่มมาขอเงินเราไปผ่อนรถของแม่โดยบอกเหตุผลว่า ทะเลาะกับพ่อแล้วพ่อไม่ให้เงินใช้แล้ว แม่ไม่มีเงิน รายได้จากสวนก็ไม่ได้มากพอ เราก็ให้ตามวาระนะคะ หลังๆแม่มาขอเราบ่อยขึ้นจนเงินห้าหมื่นบาทที่เรามีไว้สแตนบายให้แม่สามารถหมดได้ภายในเดือนเดียว และเราก็ไม่มีเงินมาเติมให้ครบห้าหมื่นอีก หลังจากเงินสแตนบายเราหมดไม่ถึงเดือน แม่เรามาขอเราอีกหกหมื่นเพื่อเอาไปผ่อนรถอีกสี่เดือนและบอกให้เรารีบโอนให้  ตอนนั้นเราเพิ่งจ่ายค่าทำฟันไป ไหนจะต้องซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้านอีก ไม่มีเงินสำรองเลยเพราะเพิ่งเริ่มทำงานยังไม่ถึงปีครึ่งเลย เราต้องดึงเอาเงินเก็บเราไปให้แม่ห้าหมื่นเกือบหกหมื่นและบอกไปว่าเรามีให้แค่นี้แหละ

รู้มั้ยคะหลังจากนั้นหนึ่งวันที่เราโอนเงินให้แม่เกิดอะไรขึ้น เจ้าหนี้แม่มาทวงหนี้ของแม่กับเราเป็นเงินสี่แสน คือเราช็อคมาก แม่ใช้เงินอะไรมากมายขนาดนั้นและเราดูจากสัญญากู้เงิน คือแม่กู้เงินไปตั้งแต่สามสี่ปีก่อนเราเริ่มทำงาน คือในช่วงนั้นแม่เราเล่าให้เราฟังอยากมีความสุขว่าพ่อให้เงินแม่ใช้ห้าหมื่น เงินที่ได้จากสวนอีกห้าหมื่น รวมเป็นหนึ่งแสน คำถามเกิดทันที่ แม่เอาเงินไปทำอะไร เราเอาเรื่องนี้ไปคุยกับน้า น้าเราเลยเล่าความจริงที่ช็อคกว่านั้นคือ มันไม่ใช่เงินแค่สี่แสนนะ แม่เราติดหนี้คนนั้นคนนี้ รวมๆแล้วเกือบล้านที่น้ารู้ และเราทราบด้วยว่าที่แม่เราเร่งให้เราโอนเงินค่ารถหกหมื่นไปให้เพราะแม่เราจะเอาเงินตรงนั้นไปเที่ยวกับแฟนใหม่แม่ คือเราไม่ได้โกรธนะที่แม่มีใหม่แต่เราโกรธที่แม่ไม่เคยถามเราว่าเรามีเงินมั้ย เราลำบากมั้ยเพราะตอนนั้น เราไม่เหลือเงินเลย เงินสำรองเผื่อตกงานก็ไม่มี เงินที่จะซื้อตั๋วกลับบ้านหลังจากไม่ได้กลับมาสองปีก็ไม่มี เราโชคดีที่ว่าแฟนเราให้เรายืมเงินไปซื้อตั๋วกลับ (เราหยิ่งคะไม่เคยขอเงินผู้ชาย)

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น

1. พ่อเราบอกว่า พ่อใช้หนี้ให้แม่ไปสี่รอบแล้วเป็นเงินหลายล้านบาท แต่แม่ก็ยังไม่สำนึก (นั้นคือสาเหตุทำไมพ่อเราทำงานหนักมาก) ทำให้เรากับน้องเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยมาก รถที่แม่ผ่อนอยู่พ่อเราบอกว่า เคยให้เงินก้อนไปปิดยอดตั้งนานแล้ว ทำไมแม่ยังต้องผ่อนอีก เราถามแม่ แม่บอกพ่อเราไม่เคยให้

2. แม่เราบอกลุงน้าเราว่า ที่แม่เราเป็นหนี้เพราะ มีคนมาขอให้แม่ไปกู้เงินมาให้เพื่อจะเอาไปลงทุนแล้วเขาทำเจ๊ง และก็ไม่มีจ่ายคืน

3.แม่เราชอบบอกเราว่า ค่าใช้จ่ายในบ้านมันเยอะ ที่พ่อให้มันไม่พอใช้ และพ่อไม่ได้ให้เงินแม่มาตั้งนานแล้ว เราถามพ่อ พ่อเราบอกว่าเพิ่งเลิกให้เงินแม่มาแค่สามสี่เดือนเองเพราะเห็นไม่ค่อยอยู่บ้าน

4. น้าเราไปสืบมา บอกเราว่า

4.1 แม่เราเอาเงินไปให้ผู้ชายคนแรกเจ็ดแสนเพื่อเค้าจะเอาไปซื้อตำแหน่ง พอผู้ชายคนแรกได้เงินก็ทิ้งแม่เราไป ตอนนี้แต่งงานกับผู้หญิงอีกคน เราถามแม่เรื่องนี้ ตอนแรกแม่ไม่ยอมรับจะสวนกลับเรามาว่าใครบอก แม่จะไปด่าคนที่มายิ้ม หลังๆเพิ่งมาบอกมาให้ยืมไปเดียวเขาให้คืน

4.2 แม่เราสร้างบ้านหลังเล็กๆไว้ซักพักแล้ว มาบอกเราว่าสร้างเอาไว้อยู่ตอนแก่ ตอนกำลังสร้างหลังนั้น เป็นช่วงเดียวกับพ่อฝากแม่ให้โอนเงินให้เรา แม่เราก็ขอยืมเงินส่วนนั้นห้าหมื่น ณ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้คืนจนเราเลิกทวงแล้ว พอบ้านเสร็จเราซึ่งทำงานแล้วก็ซื้อแอร์ให้แม่ไปติดบ้านนั้นอีกสองหมื่น น้ามาบอกเราทีหลังว่าบ้านนั่นสร้างไว้เพื่อจะอยู่กับผู้ชายคนที่สอง ผู้ชายคนนี้ก็หลอกเงินจากแม่เราไปได้เยอะอยู่ และเขาขอแม่เราให้ซื้อรถให้แต่เพื่อนแม่เราที่รู้เรื่องไม่ยอม ทะเลาะกัน จนแม่เราเลิกกับผู้ชายคนนี้ เราก็ถามแม่อีก แม่ก็แนวเดิมคือใครบอก ใครยิ้มเรื่องแม่

4.3 คนที่สามเป็นเพื่อนกับคนที่สอง คนนี้งานการประจำไม่มี ตอนนี้แม่เราย้ายไปอยู่กันคนนี้ กู้เงิน ขายที่สร้างบ้านอยู่ด้วยกัน

5. เรามาลองคิดดูแล้วว่าถ้าค่าใช้จ่ายในบ้าน ได้แก่ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ให้น้อง ค่าอาหารหมา ค่าเน็ต ค่าน้ำมัน ถ้ามันเยอะเกินกว่าเงินที่พ่อให้อย่างล่ะห้าพัน คิดเป็นเดือนล่ะ 5000x6 = 30,000 บาท ต่อปีคือ 360,000 บาท ใช้เวลาสามปีถึงจะมียอดหนี้เกือบล้าน แต่มันใช่หรอคะเงินประจำคือห้าหมื่นหลักๆเลย ค่าใช้จ่ายในบ้านคือแปดหมื่น คือบ้านเราตอนนั้นมีคนอยู่แค่สองคนคือแม่กับน้อง เราย้ายออกมาตั้งแต่ 18 พ่อเราทำงานต่างจังหวัด ค่าเรียนของเรากับน้องพ่อเราออก ค่าไฟที่เห็นในชีวิตนี้ของบ้านหลังนั้นไม่เคยเกินห้าพันบาท ค่าน้ำไม่เคยเกินห้าร้อย เราเคยถามแม่แล้ว แม่บอกเราว่าเราไม่เข้าใจ เราไม่เคยมีลูก มีลูกแล้วค่าใช้จ่ายเยอะจริงๆ คืออยู่ต่างจังหวัดนะคะไม่ใช่อยู่กรุงเทพ น้องเรามันจะกินวันละพันเลยหรอ ได้ข่าวว่าพ่อเราก็ให้เงินน้องเป็นรายเดือนแยกอีกต่างหาก

6. แม่เราแอบเอาที่ดินไปขายโดนไม่บอกพ่อ เอาใบมอบอำนาจเราที่เอาไว้ใช้ทำอย่างอื่นกับที่ดินเราไปค้ำประกันกู้เงินมาสามแสน เราถามแม่ แม่เราบอกแม่ไม่ได้ใช้ใบมอบอำนาจเรา แต่เจ้าหนี้บอกว่าแม่ใช้ใบมอบอำนาจเรา

7. พ่อกับแม่เราหย่ากัน (เราขอให้พ่อหย่ากับแม่เอง)

8. มีเจ้าหนี้อีกคนมาคุยกับเรา บอกว่าแม่เราติดเงินเค้าอยู่เกือบสองแสน เราไปถามแม่ แม่บอกว่าแม่ยืมเงินไปให้เพื่อนของแม่ (เพื่อนแม่คนนี้เป็นผู้หญิง เรารู้จักคะ) แม่บอกแม่นึกว่าเพื่อนแม่คืนเงินไปหมดแล้วแต่ไม่คิดว่ายังมียอดอยู่ เราเอาเรื่องเดียวกันไปถามน้าเรา น้าเราบอกว่าเพื่อนแม่คนนั้นจ่ายหนี้ให้ไปหมดแล้ว

9. แม่เราชอบบอกว่า เราเชื่อคนอื่นมากกว่าเชื่อแม่ และเดียวนี้เราปีกกล้าขาแข็ง ไม่ยอมเชื่อแม่ ตอนนี้แม่เราไม่คุยกับเราแล้วคะพอเราถามเรื่องเงินที่แม่ไปกู้มาว่า เอาไปใช้ทำอะไร

ใครมีเหตุการณ์คล้ายๆกันมั้งคะมาเล่าให้ฟังหน่อยคะ หรือว่าคุณคิดว่าเราควรจะเชื่อแม่ได้แค่ไหนคะ คือที่ถามเพราะมันมีบางครั้งที่แม่เราตอบเรามาแล้วเราไม่เชื่อ แม่จะพูดประมาณว่าให้แม่สาบานก็ได้ แม่พูดความจริง จนเราเก็บเอามาคิดคะว่า เรามีอคติเกินไปหรือเปล่า เชื่อแม่บ้างก็ดี แต่พอเราถามคนอื่นเรื่องเดียวกันคำตอบมันไม่เหมือนกันอ่าคะ เรายิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ ยิ่งมาเห็นสัญญากู้เงินที่แม่เราเขียนด้วยลายมือแม่เอง หรือว่าใบแจ้งหนี้จากบัตรเครดิต ที่สุดก็หมายเรียกจากศาลนัดไปไกล่เกลี่ยหนี้

ส่วนตัวเราชีวิตตอนนี้ก็ดีคะ มีเงินเก็บ ไม่ได้ติดลบอะไร แค่ตอนนั้นถึงศูนย์ เราโชคดีที่ตอนนั้นเรากันเงินไว้สำหรับค่าใช้จ่ายทุกอย่างไว้แล้ว เราเสียใจออกแนวแค้นที่เงินเก็บเรา แม่เอาไปละลายแม่น้ำ ทั้งๆที่เราไม่ได้จ่ายอะไรมากมาย เหมือนแม่เราลืมไปว่าลูกสาวแม่
1. ยังนั่งรถไฟ+เดินไปทำงาน คนที่ทำงานก็ถามว่าทำไมเราไม่ยอมซื้อรถซักที ทั้งๆที่เราก็มีเงิน เราให้เหตุผลว่ารถมันมีค่าใช้จ่ายที่คาดไม่ถึงเยอะ ไหนจะค่าน้ำมัน ประกัน ที่จอดรถ ค่าซ่อม เรายอมนั่งรถไฟ+เดินไปทำงานดีกว่าประหยัดกว่าเยอะ ได้ออกกำลังกายด้วย แย่หน่อยแค่ตอนฝนตก
2. ทำกับข้าวกินเองทุกวัน แล้วยังห่อกับข้าวไปกินที่ทำงานอีก เพราะอะไร เพราะมันประหยัดกว่าซื้อกิน เราออกไปกินข้าวข้างนอกกับแฟนแค่เดือนล่ะครั้งหรือสองเดือนครั้ง
3. ตอนไปเที่ยว เราเลือกตั๋วลดราคา เลือกที่พักราคาถูกเพราะแค่ใช้เป็นที่นอน หลายๆครั้งก็นอนเต็นท์ บางครั้งตอนไปเที่ยวยังทำกับข้าวกินเองเลย
4. เหล้าเบียร์ เราไปกินที่ร้านแฟนเพราะกินฟรี แต่ก็ไม่กินเยอะ หลังๆเริ่มงดเพราะออกกำลังกาย
5. ฟิตเนส เลือกที่มีโปรโมชั่นราคาถูกๆ
6. เสื้อผ้า ลืมไปแล้วว่าซื้อครั้งล่าสุดเมื่อไร บางทีเกงกางขาดก็เอามาเย็บ ขาดแล้วขาดอีกก็ยังเย็บซ่อมมันอยู่ ไม่ยอมซื้อใหม่ คือมันใส่สบายอ่าเนอะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่