สำนักข่าว FARS เผยภาพเครื่องบิน เอฟ-14 เอ ทอมแคท ทอ.อิหร่าน กำลังได้รับการซ่อมบำรุง เป็นการยืนยันว่า อิหร่านยังคงใช้งานเอฟ-14 และเป็นประเทศเดียวที่ยังคงใช้งานนอกเหนือจากสหรัฐฯ โดยการพึ่งพาตนเองเพื่อคงสภาพความพร้อมรบ


ประวัติของ เอฟ-14 ทอ.อิหร่าน
อิหร่าน เป็นลูกค้าต่างชาติรายเดียวของกรัมแมนที่ซื้อ เอฟ-14 ไปใช้งาน และรัฐบาลสหรัฐฯ ยอมขายให้ในสมัยที่อดีตกษัตริย์ชาห์ยังปกครองประเทศ และยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ ช่วงทศวรรษที่ 1970 อิหร่านมองหาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ที่สามารถรับมือกับเครื่องบินลาดตระเวนความเร็วสูงแบบ มิก-25 และอิหร่านก็ได้สั่งซื้อ เอฟ-14 ในลอตแรกจำนวน 30 ลำ พร้อมมิสไซล์แบบ AIM-54 A ฟินิกส์ 424 ลูก ภายใต้โครงการเปอร์เซียนคิง 1 มูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อมามีการเพิ่มยอดสั่งซื้อเป็น 80 ลำ พร้อม AIM-54 A ฟินิกส์ อีก 714 ลูก รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ และเครื่องยนต์ P&W TF30 สำรองสำหรับการปฏิบัติการต่อเนื่อง 10 ปี รวมทั้งอาวุธ และโรงเก็บเครื่องบินที่ทันสมัยในเวลานั้น โดยเอฟ-14 ชุดแรกมาถึงอิหร่านในปี 1976 เป็นเอฟ-14 ที่ใช้เครื่องยนต์ล่าสุดในตอนนั้น คือ TF-30-414 แต่สหรัฐฯ ได้ถอดเอาอุปกรณ์ที่เป็นความลับบางอย่างออกไปก่อนจะส่งมอบ และเมื่อกษัตริย์ชาห์ถูกโค่นอำนาจลง สหรัฐฯ ก็ตัดความสัมพันธ์และไม่ได้มีการสนับสนุนอุปกรณ์อะไหล่และอาวุธต่างๆ แก่ทางการอิหร่านอีก

เว็บไซต์ด้านการบิน theaviationist.com เผยภาพและข้อมูลที่อ้างอิงจากสำนักข่าว FARS ที่เผยถึงการปฏิบัติการของเครื่องบิน กรัมแมน เอฟ-14 เอ ทอมแคท (F-14 Tomcat) ที่กำลังอยู่ระหว่างยกเครื่องโดยเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงกองทัพอากาศอิหร่าน ในสถานที่ที่ไม่ได้ระบุ แต่มีบางกระแสระบุว่า อยู่ในโรงเก็บเครื่องบินของสนามบินนานาชาติ ในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน
กองทัพอากาศอิหร่านเป็นเพียงประเทศเดียวที่มีเครื่องบินขับไล่ เอฟ-14 ทอมแคท ประจำการอยู่ โดยมีการปรับปรุงเครื่องบินใหม่เรียกว่า F-14 AM (Modernized) ที่เป็นการอัพเกรดขีดความสามารถให้ใช้งานได้ถึงปี 2030 โดยเป็นการดำเนินการภายในประเทศ ทั้งระบบเรดาร์ ที่เป็นการพัฒนาและผลิตใช้เอง (เรดาร์โฮมเมด) และอยู่ระหว่างการทดลอง และระบบแจ้งเตือนภัย รวมทั้งระบบอาวุธที่มีการดัดแปลงระบบควบคุมการยิงทำให้ใช้งานได้ทั้ง อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยใกล้นำวิถีด้วยความร้อนแบบ R-73 หรือ เอเอ-11 อาร์เชอร์ ของรัสเซีย รวมทั้งอาวุธพื้นฐานเดิมของเอฟ-14 เอของสหรัฐฯ อย่าง อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยกลางนำวิถีด้วยเรดาร์แบบเซมิแอ็กทีฟ AIM-7E สแปร์โรว์ อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยไกล นำวิถีด้วยเรดาร์แอ็กทีฟ AIM-54 A ฟินิกส์ และ อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยใกล้นำวิถีด้วยความร้อนแบบ AIM-9J ไซด์ไวน์เดอร์ รุ่นเก่าสมัยช่วงทศวรรษที่ 1980

เชื่อกันว่ามีเอฟ-14 ราวๆ 60 ลำที่อยู่ในกรุงเตหะราน แต่ตัวเลขของเครื่องที่ยังบินได้ยังไม่มีใครทราบ แต่มีแหล่งข่าวบางกระแสบอกว่า มีแผนที่จะนำเอาเอฟ-14 ไปใช้งานในภารกิจโจมตีภาคพื้นดินเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นี่คงเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่ทำให้อิหร่านยังคงมีเอฟ-14 ที่บินได้ ทั้งที่ถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร และขาดแคลนอะไหล่ของเอฟ-14
ขณะเดียวกัน เอฟ-14 เอของ ทอ.อิหร่านยังได้ทำสีใหม่เป็นสีพรางทะเลทรายแถบเอเชีย 3 สี แบบที่ใช้ในเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 และ 5 ของรัสเซีย รวมทั้งฝูงบินข้าศึกสมมติของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า เอฟ-14 ของอิหร่านเป็นเอฟ-14 ที่ได้รับชัยชนะมากมายในการสู้รบทางอากาศกับกองทัพอิรักในสงครามอิรัก-อิหร่าน ช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยคาดว่าจะยิงเครื่องบินของกองทัพอิรักตกถึง 160 เครื่อง จากการรายงานของทอม คูเปอร์ ( Cooper, Tom and Farzad Bishop. Iranian F-14 Tomcat Units in Combat, pp. 85–88. Oxford: Osprey Publishing, 2004).
ที่มา :
http://www.thairath.co.th/content/484350
F-14 ทอ.อิหร่านที่เหลืออยู่ฝูงสุดท้ายในโลก!
ประวัติของ เอฟ-14 ทอ.อิหร่าน
อิหร่าน เป็นลูกค้าต่างชาติรายเดียวของกรัมแมนที่ซื้อ เอฟ-14 ไปใช้งาน และรัฐบาลสหรัฐฯ ยอมขายให้ในสมัยที่อดีตกษัตริย์ชาห์ยังปกครองประเทศ และยังคงมีความสัมพันธ์ที่ดีกับสหรัฐฯ ช่วงทศวรรษที่ 1970 อิหร่านมองหาเครื่องบินขับไล่รุ่นใหม่ที่สามารถรับมือกับเครื่องบินลาดตระเวนความเร็วสูงแบบ มิก-25 และอิหร่านก็ได้สั่งซื้อ เอฟ-14 ในลอตแรกจำนวน 30 ลำ พร้อมมิสไซล์แบบ AIM-54 A ฟินิกส์ 424 ลูก ภายใต้โครงการเปอร์เซียนคิง 1 มูลค่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อมามีการเพิ่มยอดสั่งซื้อเป็น 80 ลำ พร้อม AIM-54 A ฟินิกส์ อีก 714 ลูก รวมทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ และเครื่องยนต์ P&W TF30 สำรองสำหรับการปฏิบัติการต่อเนื่อง 10 ปี รวมทั้งอาวุธ และโรงเก็บเครื่องบินที่ทันสมัยในเวลานั้น โดยเอฟ-14 ชุดแรกมาถึงอิหร่านในปี 1976 เป็นเอฟ-14 ที่ใช้เครื่องยนต์ล่าสุดในตอนนั้น คือ TF-30-414 แต่สหรัฐฯ ได้ถอดเอาอุปกรณ์ที่เป็นความลับบางอย่างออกไปก่อนจะส่งมอบ และเมื่อกษัตริย์ชาห์ถูกโค่นอำนาจลง สหรัฐฯ ก็ตัดความสัมพันธ์และไม่ได้มีการสนับสนุนอุปกรณ์อะไหล่และอาวุธต่างๆ แก่ทางการอิหร่านอีก
เว็บไซต์ด้านการบิน theaviationist.com เผยภาพและข้อมูลที่อ้างอิงจากสำนักข่าว FARS ที่เผยถึงการปฏิบัติการของเครื่องบิน กรัมแมน เอฟ-14 เอ ทอมแคท (F-14 Tomcat) ที่กำลังอยู่ระหว่างยกเครื่องโดยเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงกองทัพอากาศอิหร่าน ในสถานที่ที่ไม่ได้ระบุ แต่มีบางกระแสระบุว่า อยู่ในโรงเก็บเครื่องบินของสนามบินนานาชาติ ในกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน
กองทัพอากาศอิหร่านเป็นเพียงประเทศเดียวที่มีเครื่องบินขับไล่ เอฟ-14 ทอมแคท ประจำการอยู่ โดยมีการปรับปรุงเครื่องบินใหม่เรียกว่า F-14 AM (Modernized) ที่เป็นการอัพเกรดขีดความสามารถให้ใช้งานได้ถึงปี 2030 โดยเป็นการดำเนินการภายในประเทศ ทั้งระบบเรดาร์ ที่เป็นการพัฒนาและผลิตใช้เอง (เรดาร์โฮมเมด) และอยู่ระหว่างการทดลอง และระบบแจ้งเตือนภัย รวมทั้งระบบอาวุธที่มีการดัดแปลงระบบควบคุมการยิงทำให้ใช้งานได้ทั้ง อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยใกล้นำวิถีด้วยความร้อนแบบ R-73 หรือ เอเอ-11 อาร์เชอร์ ของรัสเซีย รวมทั้งอาวุธพื้นฐานเดิมของเอฟ-14 เอของสหรัฐฯ อย่าง อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยกลางนำวิถีด้วยเรดาร์แบบเซมิแอ็กทีฟ AIM-7E สแปร์โรว์ อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยไกล นำวิถีด้วยเรดาร์แอ็กทีฟ AIM-54 A ฟินิกส์ และ อาวุธปล่อยอากาศสู่-อากาศ พิสัยใกล้นำวิถีด้วยความร้อนแบบ AIM-9J ไซด์ไวน์เดอร์ รุ่นเก่าสมัยช่วงทศวรรษที่ 1980
เชื่อกันว่ามีเอฟ-14 ราวๆ 60 ลำที่อยู่ในกรุงเตหะราน แต่ตัวเลขของเครื่องที่ยังบินได้ยังไม่มีใครทราบ แต่มีแหล่งข่าวบางกระแสบอกว่า มีแผนที่จะนำเอาเอฟ-14 ไปใช้งานในภารกิจโจมตีภาคพื้นดินเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นี่คงเป็นความสำเร็จที่สำคัญที่ทำให้อิหร่านยังคงมีเอฟ-14 ที่บินได้ ทั้งที่ถูกสหรัฐอเมริกาคว่ำบาตร และขาดแคลนอะไหล่ของเอฟ-14
ขณะเดียวกัน เอฟ-14 เอของ ทอ.อิหร่านยังได้ทำสีใหม่เป็นสีพรางทะเลทรายแถบเอเชีย 3 สี แบบที่ใช้ในเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4 และ 5 ของรัสเซีย รวมทั้งฝูงบินข้าศึกสมมติของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า เอฟ-14 ของอิหร่านเป็นเอฟ-14 ที่ได้รับชัยชนะมากมายในการสู้รบทางอากาศกับกองทัพอิรักในสงครามอิรัก-อิหร่าน ช่วงทศวรรษที่ 1980 โดยคาดว่าจะยิงเครื่องบินของกองทัพอิรักตกถึง 160 เครื่อง จากการรายงานของทอม คูเปอร์ ( Cooper, Tom and Farzad Bishop. Iranian F-14 Tomcat Units in Combat, pp. 85–88. Oxford: Osprey Publishing, 2004).
ที่มา : http://www.thairath.co.th/content/484350