ปัญหาผู้หญิง นี่กำลังถูกหลอก หรือแค่สถาการณ์มันบังคับ

สวัสดีค่ะ ก่อนอื่น ต้องขอแนะนำตัว จขกท เป็นผู้หญิง อายุย่าง 24 ปี ค่ะ
พึ่งมาเป็นเจ้าของกิจการร้านอาหารเล็กๆได้ประมาณ 1 ปี เงินหมุนเวียนต่อเดือนแค่หลักแสน
ก่อนหน้านี้เป็นพนักงานออฟฟิศมา 3 ปี ฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ขนาดที่ว่าต้องยืมเงินเพื่อนบ้านเพื่อมาเป็นทุนรอน ตอนหางานทำในเมืองกรุง
ในหัวจะคิดเสมอว่า ต้องทำให้พ่อกับแม่สบาย ต้องดูแลท่านจะชักช้าไม่ได้เพราะท่านอายุมากแล้ว
ก็ทำงาน เก็บเงินๆๆๆ จน มีเงิน 2 แสนบาท ...แน่นอน ว่าชีวิตวัยรุ่นมันหายไป แต่เราก็มีความสุขกับตรงนี้
แอบฝันอยากมีร้านอาหารของตัวเองเล็กๆ และแล้วช่วงทำงานก็ได้พบกับจุดเปลี่ยนค่ะ
6 เดือนก่อนออกมาทำร้าน มีผู้ชายคนนึงอายุ 45 ปี โปรไฟล์เป็นผู้รับเหมา มีงาน มีเงิน มาจีบ
แรกๆ ไม่ได้คิดอะไรเลย แค่คุยๆ ปรึกษาเรื่องต่างๆ แต่หลังจากนั้น ไม่นานพ่อของผู้ชายคนนี้ เสียชีวิตกระทันหันจากอุบัติเหตุ
เค้าก็มีเราเป็นกำลังใจ ในวันที่ไม่ค่อยมีใคร...เค้าก็ติดเราตั้งแต่ตอนนั้น ส่วนเราเองแค่รู้สึกดีที่มีผู้ใหญ่มาคอยดูแล
ให้คำปรึกษาเรื่องต่างๆ ไม่เคยคิดอยากได้เงินใคร หรือความสบายจากใคร...เพราะ รู้ดี ว่ามันไม่ยั่งยืน
เวลาไปเที่ยว แรกๆจะเปมาก ค่าที่พักแพงๆ ร้านอาหารหรูๆ ...ไม่เคยให้เราต้องออกค่าอะไรเลย แม้เราจะไม่ยอม
ส่วนตัวรู้สึกแปลกๆ นี่คือการใช้เงินที่ฟุ่มเฟือยเกินไป...แต่ก็ไม่ได้ท้วงติง เพราะเค้าทำตัวเหมือนมีเงินใช้มากมาย
ไม่รู้ว่าหมดช่วงโปร หรือหน้ากากที่สวมไว้ตลอดตอนแรกรู้จักมันค่อยๆละลาย
เราเริ่มต้องออกค่าใช้จ่ายตอนไปเที่ยวด้วยกัน...อันนี้โอเค เข้าใจ
ต่อมา ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าพรบ.รถยนต์ ค่าห้อง เราต้องออกให้แทบทุกอย่าง...เราสงสาร มันมีอะไรบางอย่างที่เหมือนเวลาเค้าแย่ เราก็อยากช่วย
(มารู้ทีหลังว่าเป็น ผู้รับเหมาตกอับ งานล้มละลาย ติดคดีเช็ก)มีงานบ้างแต่แค่ประมาณราคา
ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยใจนิดๆ เพราะเงินเดือนเราไม่ได้เยอะ แต่ที่มีเก็บเยอะ เพราะนิสัยการใช้เงินอย่างรู้คุณค่า
ไม่กี่เดือนถัดมา เราอยากออกมาทำร้านอาหาร อยากมีกิจการ คิดว่าถ้าทำงานที่เดิม คงปลูกบ้านให้แม่ไม่ได้ และไม่ค่อยมีเวลาไปหาด้วย
(งานเก่าต้องออกไซด์งานต่างจังหวัดบ่อยๆ ทำงานแทบทุกวัน)
ก็ตัดสินใจออกมาเช่าอาคารพานิชเปิดร้านอาหารกึ่งตามสั่ง ค่าใช้จ่ายต่อเดือนก็หลายหมื่น
โดยพี่เค้าเคยรับปากจะช่วยกันคนละครึ่ง เป็นธุรกิจของครอบครัว ..แต่ถึงเวลา เค้าก็ไม่ได้มีมาช่วยตามที่รับปาก
เป็นเราที่ต้องออกทุนเริ่มต้นทั้งหมด
อย่างที่รู้กันว่าธุรกิจประเภทนี้ต้องใช้เวลาให้ติดตลาด เราใช้ความพยายามหนักมาก
กว่าที่ร้านเราจะรอดและดำเนินธุรกิจ จนมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเรื่อยมาแบบนี้
แรกๆ ทุนเราหมด บัตรเครดิตเราก็รูดซื้อของเข้าร้านเต็มทุกใบ
บอกตามจริงว่ากินอยู่ด้วยกัน และพี่เค้าก็เคย หามาช่วย 1 ใน 4 ของรายจ่ายที่จำเป็น ประมาณนี้ นอกนั้นเป็นเราที่หาเอง
เค้ามีงานคุมงานบ้าง ประมาณราคาบ้าง แต่เราไม่เคยได้ใช้เงินตรงนั้นเลย...อันนี้ ช่างมันเข้าใจว่าต่างคนก็คงมีรายจ่าย
เราผ่านอะไรมาเยอะมากจนวันนี้ร้านเติบโตขึ้น เราเริ่มเก็บเงินที่หามาได้ เพื่อค่าเช่าตึก ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าไวไฟ ค่าวัตถุดิบ และใช้หนี้เก่า
ยังไม่หมด เราต้องจ่ายค่าอาหารการกินนอกบ้านทั้งหมด ค่าน้ำมันรถ ค่าซ่อมรถ ให้เงินเค้าใช้  วันนี้ล่าสุด เค้าบอกว่าแม่ต้องหาหมอ
แต่ไม่มีเงิน เราจึงต้องโอนให้...ทั้งๆที่เราเองก็ยังจัดสรรรายจ่าย ไม่เพียงพอที่จะให้ พ่อ แม่ แท้ๆของเราเลย
มันหดหู่ อย่างบอกไม่ถูก มันเกิดคำถามมากมายในหัวใจเรา เราคือผู้หญิงตัวเล็กๆ อายุแค่นี้ ต้องมาทำงานหนัก
ผัดอาหารหน้ามันทุกเย็น ยันดึกเพื่อเลี้ยงดูผู้ชายอายุ 45 ที่ดูภายนอก นี่ดูมีวุฒิภาวะสุดๆ....มันเป็นธรรมแล้วเหรอ
เราเหนื่อย เราน้ำตาตกใน และเศร้าลึกๆในใจเสมอ เราอยากดูแลพ่อ กับแม่ของเรา มากกว่าการหาเงินให้คนอื่นใช้
หาเงินเพื่อให้คนอื่นสบาย เราไม่ใช่ซุปเปอร์แมน ที่จะต้องเป็นฮีโร่ของใคร
.....เรา จิตใจคับแคบ ขาดวิศัยทัศน์ในการมองโลกรึเปล่า ถึงได้มีความคิดแบบนี้ .... เราควรจะทำอะไรต่อไปดี
เราไม่ได้กำลังโดนหลอก- เหมือนที่เพื่อนแฟนเราพูดใช่มั้ย
เราเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องมาเลี้ยงดูเราหลอก...แค่อย่าทำให้เราต้องเหนื่อยหนักขึ้นก็พอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่