สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน กลับมาพบกันอีกครั้งกับ Review เที่ยวญี่ปุ่น ตะลุยหิมะ จากโอซาก้าถึงฮอกไกโด ตอนนี้ผมยังคงอยู่เมืองซัปโปโรเป็นวันที่ 2 ครับ หลังจากเมื่อคืนนี้จัดหนักจัดเต็ม เที่ยวมาหลายที่ กว่าจะกลับถึงที่พักได้นอนก็ร่วมๆ ตีสองครับ สำหรับวันนี้ผมมีโปรแกรมจะเดินทางกลับจากซัปโปโร มุ่งหน้าตรงสู่โตเกียว เนื่องจากมีแผนจะไปภูเขาไฟฟูจิวันพรุ่งนี้ครับ แต่จนแล้วจนรอดก็มีเหตุการณ์ฉุกละหุกทำให้ไม่สามารถกลับโตเกียวได้ทัน จึงต้องเปลี่ยนโปรแกรมไปเที่ยวเมืองฮาโกะดาเตะ เมืองท่าสำคัญอีกแห่งบนเกาะฮอกไกโดครับ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังจริงๆครับสำหรับทริปตามรอยหนังเรื่องแฟนเดย์ในครั้งนี้ ถ้าพร้อมแล้วเชิญติดตามได้เลยครับ
กระทู้หลัก >> Link :
https://pantip.com/topic/36125638
กระทู้วันที่ 8 กพ 60 >> Link :
https://pantip.com/topic/36131183
---------------------
9 กุมภาพันธ์ 2560 : เช้านี้ผมและคณะตื่นมาตั้งแต่ตี 5กว่า จากนั้นทำการเช็คเอ้าท์ที่พัก และนำสัมภาระทั้งหมดไปฝากไว้ที่ล็อกเกอร์สถานีรถไฟ JR Sapporo ก่อนครับ เนื่องจากผมมีโปรแกรมจะไปเที่ยวสถานที่สำคัญอีกแห่งในเรื่องแฟนเดย์ นั่นก็คือคิโรโระรีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่บนเขาอาซาริ มีระฆังแห่งความรักตั้งอยู่ ซึ่งใกล้ความจริงละครับสำหรับแผนตามรอยสถานที่ทั้งหมดในหนังแฟนเดย์ในครั้งนี้

สำหรับวิธีการเดินทางไปยัง Kiroro Resort นี่สามารถหาที่เพื่อนๆนำมารีวิวได้ทั่วไปครับ สำหรับผม เลือกที่จะจองรถบัสของรีสอร์ทครับ โดยเราจะต้องไปขึ้นรถบัสของรีสอร์ทที่สถานีรถไฟ OTARUCHIKKO ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆครับ รอบนี้ผมจองรถรอบ 08.30 เอาไว้ ซึ่งหากเพื่อนๆสนใจ ลองเข้าไปจองตามลิ้งค์นี้ได้ครับ
https://www.secure-site.in/ASP/shuttle_bus/kiroro/index.cgi?


กลับมาต่อที่การเดินทางกันครับ ขณะนี้ผมมายืนรอรถของรีสอร์ทที่หน้าสถานี Otaruchikko เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ คนยืนรอเพียบเลยครับ ซึ่งใครที่จองเอาไว้แล้ว สบายใจได้ครับว่ามีที่นั่งบนรถแน่นอน

ขึ้นไปบนรถ สภาพแต่ละคนคือหลับเป็นตายครับ เนื่องจากเป็นทริปที่ลุยทรหดมากๆ แทบจะไม่ได้นอนกันเลย ซึ่งผมใช้เวลาอยู่บนรถประมาณ 50นาทีครับ จึงลงที่หน้าโรงแรมเชอราตัน

เข้ามาในรีสอร์ทก็ต้องทึ่งครับ เพราะว่าใหญ่โต และสวยงามมาก หากมีโอกาสและเงินถึงจะลองมาพักซักครั้งดูครับ

ด้านในจะเป็น Ski Center นะครับ

จากนั้นผมก็ได้ไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า Gondola ครับเป็นแบบ Round Trip คือทั้งไปทั้งกลับ เหมารวมในราคาคนละ 2,000เยน

เหลือบไปดูนักท่องเที่ยวกำลังเล่นสกี น่าสนุกครับ เสียดายผมมีเวลาจำกัด ไม่มีโอกาสได้เล่น ส่วนที่นี่หากใครเล่นยังไม่เป็นมีเทรนนิ่งให้ด้วยนะครับ คนไทยเพียบ

ทางไปขึ้นกระเช้าครับ


เดิมทีผมคิดว่าราคาตั๋วขึ้นกระเช้า 2,000เยน นี่แพงมากๆๆครับ แต่พอได้ขึ้นจริงๆก็โอเคครับ ประทับใจมาก คือเป็นภูเขาที่มีวิวทิวทัศน์งดงามสวยมาก ได้มองเห็นผู้คนเล่นสกีจากด้านบน แถมได้นั่งกระเช้านานร่วมๆ 15 นาที ถือว่าคุ้มอยู่ครับ



ฉากตัดกลับมาครับ และแล้วก็ถึงยอดเขาอาซาริซะที ออกจากกระเช้าสิ่งแรกที่พบเจอครับ ระฆังแห่งความรัก (Lovely Sanctuary Bell) ซึ่งว่ากันว่าหากใครมาสั่นระฆังพร้อมขอพรเรื่องความรักแล้ว พรนั้นก็จะเป็นจริงครับ (ลอกประโยคในหนังมาล้วนๆ) วันนี้ได้มาเห็นกะตาตัวเอง ปลื้มจ้า

และก็ไม่พลาดครับ ต้องขอพรซะหน่อย (ในรูปเหมือนจะไม่มีคนนะครับ อันที่จริงต่อคิวกันยาว เลิกมโน 555+)

นอกเหนือจากระฆังแห่งความรักแล้ว บนยอดเขาอาซาริก็มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆเลยครับ คือถ่ายรูปตรงไหนก็สวย (ยกเว้นรูปจากกล้องผมนะครับ 555+)

บนยอดเขาอาซาริ หากเข้ามาด้านในจะเจอโปสเตอร์หนังเรื่องแฟนเดย์ด้วยครับ มาถ่ายทำซะไกลแบบนี้ก็ต้องเอามาวางเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่นี้ซะหน่อย

เอาละครับ ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ก็ได้เวลาต้องลงจากยอดเขาแล้วครับ นั่งกระเช้าลงเหมือนเดิม

ตามโปรแกรมของผมคือจะต้องกลับไปยังซัปโปโรเพื่อขึ้นรถไฟ Hokuto รอบเวลา 14.44น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายที่จะต่อชิงคันเซ็นเพื่อกลับโตเกียวทัน โดยวิธีลงจากรีสอร์ทคิโรโระ ซึ่งตั้งอยู่บนเขาตอนนี้ผมเหลือวิธีเดียวครับ คือ แท็กซี่... ระหว่างรอแท็กซี่ที่โรงแรมเรียกให้มารับ ผมก็นั่งกินข้าวรออย่างสบายใจ โดนไปอีก 1,200เยน ครับ แกงกะหรี่ไข่เจียว แพงมากกก

ตอนนั่งแท็กซี่ลงจากเขาใช้เวลารวดเร็วมากครับ เพียงแค่ครึ่งชม ก็มาถึงสถานี Otaruchikko ที่เดิมแล้วครับ โดนค่าแท็กซี่ไป 7,000เยน ต่อคัน ซึ่งผมนั่งคันละสี่คน หารๆๆกันแล้วเหลือคนละประมาณ 500กว่าบาทครับ โหดใช้ได้เลย

ผมนั่งรถไฟกลับมาลงสถานี Sapporo ตอนประมาณบ่ายโมงครึ่งครับ เหลือบดูเวลาเหลืออีกประมาณ 65 นาที ก่อนรถไฟออก จึงขอไปเดินเล่นสวนโอโดริซะหน่อยครับ อยากเห็นบรรยากาศงานเทศกาลหิมะตอนกลางวันบ้าง

ที่สวนโอโดริคนเยอะมากจริงๆครับ สมกับเป็นงานใหญ่ระดับนานาชาติ เดินไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คน



งานแกะสลักน้ำแข็งของปีนี้ก็ไม่ธรรมดาครับ ลักษณะการประกวดแบ่งเป็นประเภทน้ำแข็งกับหิมะ (ใช่รึเปล่า ผมเดา) แต่ที่แน่ๆ สวยงามทุกอันครับ


ดูกันไปยาวๆๆเลยครับ




ถ่ายรูปจนเพลินครับ มารู้สึกตัวอีกที อีก 20นาทีรถไฟเที่ยวสุดท้ายไปโตเกียวจะออกครับ งานนี้ต้องวิ่งกลับสถานีโอโดริเพื่อต่อรถไปสถานีซัปโปโรอีก 4*100 กันเลยครับ

และแล้วความผิดพลาดก็เกิดขึ้นจนได้ เนื่องจากขึ้นรถไฟผิดสาย แทนที่จะไปลงสถานีซัปโปโร ดันไปโผล่สถานี Bus Center Mae แทน 555+ เป็นอันสรุปว่าผมและเพื่อนๆในแก๊ง ตกรถไฟจากซัปโปโร ซึ่งจะไปขึ้นชิงคันเซ็นเที่ยวสุดท้ายที่ฮาโกะดาเตะเพื่อกลับโตเกียวไม่ทันครับ ระหว่างกำลังนั่งมึน มีเด็กญี่ปุ่นเดินมาคุยซะงั้น (นางสื่อสารประมาณว่า "อืมม..ตกรถเหรอ..โง่จัง" ผมคิดเองนะ)

ตกรถไฟก็ทำมาแล้ว นี่คือสภาพต่อจากนั้นครับ ต้องคลานกลับมา Information Center เพื่อหาข้อมูลท่องเที่ยวใหม่ แต่อย่างว่าละครับ ปัญหามีไว้แก้ไข ผมตัดสินใจย้ายไปนอนที่ฮาโกดาเตะครับ เนื่องด้วยสนใจสถานที่ท่องเที่ยวในหนังเรื่องแฟนเดย์อีกสองที่ นั่นก็คือ เนินฮาจิมัน กับ โกดังอิฐแดงคาเนโมริครับ (จริงๆอยากขึ้นกระเช้าไปดูวิวบนยอดเขาของฮาโกะดาเตะด้วย แต่เวลาคงไม่พอจริงๆและครับ)

เอาละครับ เมื่อครีเอตโปรแกรมเที่ยวใหม่ได้แล้ว ก็ลุยกันเลย เดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง มุ่งตรงสู่ฮาโกดาเตะ !!
[CR] Review วันที่ 5 ตามรอยภาพยนต์แฟนเดย์ สั่นระฆังแห่งความรักบนยอดเขาอาซาริ / เนินสูงฮาจิมัน / โกดังอิฐแดงคาเนโมริ
กระทู้หลัก >> Link : https://pantip.com/topic/36125638
กระทู้วันที่ 8 กพ 60 >> Link : https://pantip.com/topic/36131183
---------------------
9 กุมภาพันธ์ 2560 : เช้านี้ผมและคณะตื่นมาตั้งแต่ตี 5กว่า จากนั้นทำการเช็คเอ้าท์ที่พัก และนำสัมภาระทั้งหมดไปฝากไว้ที่ล็อกเกอร์สถานีรถไฟ JR Sapporo ก่อนครับ เนื่องจากผมมีโปรแกรมจะไปเที่ยวสถานที่สำคัญอีกแห่งในเรื่องแฟนเดย์ นั่นก็คือคิโรโระรีสอร์ท ซึ่งตั้งอยู่บนเขาอาซาริ มีระฆังแห่งความรักตั้งอยู่ ซึ่งใกล้ความจริงละครับสำหรับแผนตามรอยสถานที่ทั้งหมดในหนังแฟนเดย์ในครั้งนี้
สำหรับวิธีการเดินทางไปยัง Kiroro Resort นี่สามารถหาที่เพื่อนๆนำมารีวิวได้ทั่วไปครับ สำหรับผม เลือกที่จะจองรถบัสของรีสอร์ทครับ โดยเราจะต้องไปขึ้นรถบัสของรีสอร์ทที่สถานีรถไฟ OTARUCHIKKO ซึ่งไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆครับ รอบนี้ผมจองรถรอบ 08.30 เอาไว้ ซึ่งหากเพื่อนๆสนใจ ลองเข้าไปจองตามลิ้งค์นี้ได้ครับ https://www.secure-site.in/ASP/shuttle_bus/kiroro/index.cgi?
กลับมาต่อที่การเดินทางกันครับ ขณะนี้ผมมายืนรอรถของรีสอร์ทที่หน้าสถานี Otaruchikko เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ คนยืนรอเพียบเลยครับ ซึ่งใครที่จองเอาไว้แล้ว สบายใจได้ครับว่ามีที่นั่งบนรถแน่นอน
ขึ้นไปบนรถ สภาพแต่ละคนคือหลับเป็นตายครับ เนื่องจากเป็นทริปที่ลุยทรหดมากๆ แทบจะไม่ได้นอนกันเลย ซึ่งผมใช้เวลาอยู่บนรถประมาณ 50นาทีครับ จึงลงที่หน้าโรงแรมเชอราตัน
เข้ามาในรีสอร์ทก็ต้องทึ่งครับ เพราะว่าใหญ่โต และสวยงามมาก หากมีโอกาสและเงินถึงจะลองมาพักซักครั้งดูครับ
ด้านในจะเป็น Ski Center นะครับ
จากนั้นผมก็ได้ไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า Gondola ครับเป็นแบบ Round Trip คือทั้งไปทั้งกลับ เหมารวมในราคาคนละ 2,000เยน
เหลือบไปดูนักท่องเที่ยวกำลังเล่นสกี น่าสนุกครับ เสียดายผมมีเวลาจำกัด ไม่มีโอกาสได้เล่น ส่วนที่นี่หากใครเล่นยังไม่เป็นมีเทรนนิ่งให้ด้วยนะครับ คนไทยเพียบ
ทางไปขึ้นกระเช้าครับ
เดิมทีผมคิดว่าราคาตั๋วขึ้นกระเช้า 2,000เยน นี่แพงมากๆๆครับ แต่พอได้ขึ้นจริงๆก็โอเคครับ ประทับใจมาก คือเป็นภูเขาที่มีวิวทิวทัศน์งดงามสวยมาก ได้มองเห็นผู้คนเล่นสกีจากด้านบน แถมได้นั่งกระเช้านานร่วมๆ 15 นาที ถือว่าคุ้มอยู่ครับ
ฉากตัดกลับมาครับ และแล้วก็ถึงยอดเขาอาซาริซะที ออกจากกระเช้าสิ่งแรกที่พบเจอครับ ระฆังแห่งความรัก (Lovely Sanctuary Bell) ซึ่งว่ากันว่าหากใครมาสั่นระฆังพร้อมขอพรเรื่องความรักแล้ว พรนั้นก็จะเป็นจริงครับ (ลอกประโยคในหนังมาล้วนๆ) วันนี้ได้มาเห็นกะตาตัวเอง ปลื้มจ้า
และก็ไม่พลาดครับ ต้องขอพรซะหน่อย (ในรูปเหมือนจะไม่มีคนนะครับ อันที่จริงต่อคิวกันยาว เลิกมโน 555+)
นอกเหนือจากระฆังแห่งความรักแล้ว บนยอดเขาอาซาริก็มีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามมากๆเลยครับ คือถ่ายรูปตรงไหนก็สวย (ยกเว้นรูปจากกล้องผมนะครับ 555+)
บนยอดเขาอาซาริ หากเข้ามาด้านในจะเจอโปสเตอร์หนังเรื่องแฟนเดย์ด้วยครับ มาถ่ายทำซะไกลแบบนี้ก็ต้องเอามาวางเป็นสัญลักษณ์ของสถานที่นี้ซะหน่อย
เอาละครับ ตอนนี้ใกล้เที่ยงแล้ว ก็ได้เวลาต้องลงจากยอดเขาแล้วครับ นั่งกระเช้าลงเหมือนเดิม
ตามโปรแกรมของผมคือจะต้องกลับไปยังซัปโปโรเพื่อขึ้นรถไฟ Hokuto รอบเวลา 14.44น. ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายที่จะต่อชิงคันเซ็นเพื่อกลับโตเกียวทัน โดยวิธีลงจากรีสอร์ทคิโรโระ ซึ่งตั้งอยู่บนเขาตอนนี้ผมเหลือวิธีเดียวครับ คือ แท็กซี่... ระหว่างรอแท็กซี่ที่โรงแรมเรียกให้มารับ ผมก็นั่งกินข้าวรออย่างสบายใจ โดนไปอีก 1,200เยน ครับ แกงกะหรี่ไข่เจียว แพงมากกก
ตอนนั่งแท็กซี่ลงจากเขาใช้เวลารวดเร็วมากครับ เพียงแค่ครึ่งชม ก็มาถึงสถานี Otaruchikko ที่เดิมแล้วครับ โดนค่าแท็กซี่ไป 7,000เยน ต่อคัน ซึ่งผมนั่งคันละสี่คน หารๆๆกันแล้วเหลือคนละประมาณ 500กว่าบาทครับ โหดใช้ได้เลย
ผมนั่งรถไฟกลับมาลงสถานี Sapporo ตอนประมาณบ่ายโมงครึ่งครับ เหลือบดูเวลาเหลืออีกประมาณ 65 นาที ก่อนรถไฟออก จึงขอไปเดินเล่นสวนโอโดริซะหน่อยครับ อยากเห็นบรรยากาศงานเทศกาลหิมะตอนกลางวันบ้าง
ที่สวนโอโดริคนเยอะมากจริงๆครับ สมกับเป็นงานใหญ่ระดับนานาชาติ เดินไปทางไหนก็เจอแต่ผู้คน
งานแกะสลักน้ำแข็งของปีนี้ก็ไม่ธรรมดาครับ ลักษณะการประกวดแบ่งเป็นประเภทน้ำแข็งกับหิมะ (ใช่รึเปล่า ผมเดา) แต่ที่แน่ๆ สวยงามทุกอันครับ
ดูกันไปยาวๆๆเลยครับ
ถ่ายรูปจนเพลินครับ มารู้สึกตัวอีกที อีก 20นาทีรถไฟเที่ยวสุดท้ายไปโตเกียวจะออกครับ งานนี้ต้องวิ่งกลับสถานีโอโดริเพื่อต่อรถไปสถานีซัปโปโรอีก 4*100 กันเลยครับ
และแล้วความผิดพลาดก็เกิดขึ้นจนได้ เนื่องจากขึ้นรถไฟผิดสาย แทนที่จะไปลงสถานีซัปโปโร ดันไปโผล่สถานี Bus Center Mae แทน 555+ เป็นอันสรุปว่าผมและเพื่อนๆในแก๊ง ตกรถไฟจากซัปโปโร ซึ่งจะไปขึ้นชิงคันเซ็นเที่ยวสุดท้ายที่ฮาโกะดาเตะเพื่อกลับโตเกียวไม่ทันครับ ระหว่างกำลังนั่งมึน มีเด็กญี่ปุ่นเดินมาคุยซะงั้น (นางสื่อสารประมาณว่า "อืมม..ตกรถเหรอ..โง่จัง" ผมคิดเองนะ)
ตกรถไฟก็ทำมาแล้ว นี่คือสภาพต่อจากนั้นครับ ต้องคลานกลับมา Information Center เพื่อหาข้อมูลท่องเที่ยวใหม่ แต่อย่างว่าละครับ ปัญหามีไว้แก้ไข ผมตัดสินใจย้ายไปนอนที่ฮาโกดาเตะครับ เนื่องด้วยสนใจสถานที่ท่องเที่ยวในหนังเรื่องแฟนเดย์อีกสองที่ นั่นก็คือ เนินฮาจิมัน กับ โกดังอิฐแดงคาเนโมริครับ (จริงๆอยากขึ้นกระเช้าไปดูวิวบนยอดเขาของฮาโกะดาเตะด้วย แต่เวลาคงไม่พอจริงๆและครับ)
เอาละครับ เมื่อครีเอตโปรแกรมเที่ยวใหม่ได้แล้ว ก็ลุยกันเลย เดินทาง 3 ชั่วโมงครึ่ง มุ่งตรงสู่ฮาโกดาเตะ !!