ไหนๆก็ผ่านมาครบปีนึงแล้ว เราก็ขอเขียนเก็บไว้ในนี้แล้วกันค่ะ นี่คือการตั้งกระทู้ครั้งแรกของเรา ยังไงก็ฝากด้วยค่า

เขียนจบแล้วค่ะ!
***** ไม่เหมาะกับชะนีโลกสวยนะคะ อาจจะมีคำพูดไม่สุภาพ พฤติกรรมไม่น่ารัก รวมถึง18+ นิดนึงค่ะ
นี่เรื่องราวชีวิตรักของเราและผู้ชาย(ฝรั่ง)คนนึงที่เกิดขึ้นจริงและยังคงตามหลอกหลอนเราจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็เป็นความทรงจำดีๆที่เกิดขึ้นจริง และนึกถึงทีไรก็ทั้งสุขทั้งเศร้าใจเหมือนกัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ ไทย และ อังกฤษค่ะ
... You are my heartbeat …
Ep.1 ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาตอนนั้นเราเป็นนิสิต ปี4 ช่วงก่อนฝึกงาน คือกำลังจะเรียนจบแล้วค่ะ เราได้เจอกับผู้ชายคนนี้ที่ผับดังย่านRCA วันนั้นเราไปกับเพื่อนสาวคนนึงและแฟนของเพื่อนเรา ซึ่งเราไปเป็นตัวแถมนั่นแหละค่ะ รู้สึกจะเป็นคืนวันศุกร์ จขกท ก็ได้เจอกับเค้าและเพื่อนเค้ารวม 6 คน รู้ทีหลังว่าเป็นนักศึกษาแพทย์แลกเปลี่ยนปีสุดท้ายจากเยอรมัน อ่ะต่อๆๆๆ
เค้ายืนอยู่ตรงนั้นพอดี (หน้าบาร์ที่เรากำลังสั่งดริ้ง) แล้วเค้าก็หันมาสะกิดเรา ยิ้มให้คุยกันตามประสาวัยรุ่นมาเที่ยว แล้วก็แลก WhatsApp กัน จากนั้นเพื่อนๆเยอรมันของเค้าก็เข้ามาทำความรู้จักกับเรา ซึ่งพวกเค้าพึ่งถึงไทยได้3วัน ก็เลยแนะนำที่เที่ยวแลกเปลี่ยนคุยกันธรรมดา แต่ครั้งแรกที่เจอกันยังจำได้จนทุกวันนี้ คือ First Impression มันดีมาก ดีจริงๆ! หลายคนคงนึกออกเนอะว่า ความประทับใจครั้งแรกระหว่างคุณกับแฟนมันเป็นยังไง? เราออกมานั่งคุยกันเป็นชั่วโมง สรุปคือ พวกเค้าจะอยู่ที่ไทยแค่ 4เดือนเท่านั้น และทุกคนทำงานที่ รพ.รัฐแห่งนึง แถว สวนลุม คืนนั้นเวลาผ่านไปเร็วมากกก ก่อนกลับบ้านก็ไม่ได้อะไร คือผู้ชายขอคิสส์ค่ะ!! เราก็บอกเค้าไปว่า I’m not looking for fun , did you? เค้าก็บอกว่า แค่คิสส์มันเป็นเรื่องปกติของบ้านเค้า ไม่ได้จะชวนไปมีเซกส์สักหน่อย ถ้ายูไม่ชอบไอ ก็ไม่เป็นไร ขอโทษที่ทำให้รำคาญ “....No! I think I like you … OK Just one kiss “ เราคิสส์ ใช่ค่ะ! จบแยก!! ก็ลากันกลับบ้านกลับคอนโดปกติ
ตอนนั้นเราคิดไว้แล้วว่ายังไงก็คงจะไม่ keep contact กับคนนี้แน่ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดแบบนั้น ความรู้สึกบอกว่า คนนี้จะต้องทำให้เราดราม่าแน่นอน เลือกที่จะเทค่ะ !! หลังจากคืนนั้น เค้าก็ส่งข้อความหาเราเรื่อยๆ ขอไลน์ เฟสบุค คือติดตามเราทุกช่องทาง พยายามเข้าหาเรามากกก อันนี้ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่นั่นแหละ …. คิดซะว่า ยังไงก็ถือว่า ฝึกภาษาแล้วกันเนอะ เป็นเพื่อนกันก็ได้ เรามีแพลนจะไปซัมเมอร์ที่เมกาอยู่แล้วยังไงก็ได้ ชั่งมัน ชั้นไม่แคร์ !! ผ่านไป2วัน เค้าก็ขอเดท เราก็ไม่รู้จะทำยังไง จัดไปค่ะ ตกลง เจอกันคืนนี้
จำได้เลย ตอนนั้นเริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศดีมากกก ณ CTW ลานเบียร์สิงห์ 5555 ผู้ชายก็มายืนรอแบบ งงๆ คงคิดแบบ พากุมาทำไมลานเบียร์ สุดท้ายก็ตกลงขึ้นไปดื่ม Red sky Rooftop ค่ะ ชมวิวจิบไวน์ โรม๊านนซ์ไปอีก เดทแรกผ่านไปด้วยดี หลังจากคืนนั้นขับรถกลับบ้านรู้สึกแปลกๆแล้ว เราก็เลยไม่ค่อยตอบไลน์ วอทแอพ เททุกช่องทางแล้วค่ะ คือพยายามตีตัวออกห่างเพราะอะไรที่มัน Perfect เกินไป มันอันตรายแท้เด้อ… เห้อออ
แต่ยิ่งเทมันก็ยิ่งสู้ เค้าก็โทรมาถามเราว่า ยูเป็นไร ทำไมไม่เหมือนเดิม แปลกๆไปนะ คือไอทำไรผิดหรอ? ประมาณนั้นแหละค่ะ เราก็เลยเปิดใจคุยแบบวีนๆ ไปเลยทีเดียวจะได้จบๆไป ไม่ต้องลำไยกันอีก ยูจะมาคุยกับไอทำไมบ่อยๆ เพื่ออะไร? ยูอยู่ที่นี่แค่4เดือน จะมาเดทกันเล่นๆทำไม? ไอไม่ใช่ไกด์นำเที่ยวและไอก็ไม่ได้ว่างมากนะ จบที่ประโยคนี้จำได้แม่นเลย “ It’s not gonna work between us” ชัดมาก! ผู้เงียบไปสักพัก ตอบกลับมาว่า “See you tomorrow at your university, goodnight sleep well” จบ ตัดสาย มันวางโทรศัพท์ใส่ คืนนั้นก็คิดว่าเค้าคงไม่มาเจอหรอก
แต่เค้าก็มาตามที่พูดไว้จริงๆ รออยู่ที่ Starbucks มหาลัย จขกท เรียนที่มหาลัยชื่อดังย่านอโศกค่ะ เราปรับทัศนคติกันไปสักพัก สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า เค้าชอบเรา อยากรู้จักจริงๆ ไม่ได้หวังอะไรอื่นๆจากเรา ถ้าเราไม่ชอบเค้า หรือเจอใครถูกใจก็บอกกันตรงๆ เราก็ตกลงว่า เราโสดนะ เราจะเดทกันต่อ 5555 … ตลอดเวลาที่เราเรียนรู้กัน ก็ทำทุกอย่างแบบคู่รักปกติทั่วไปค่ะ เรามีความสุขกับช่วงเวลานั้นมาก
จำได้ว่าก่อนเทศกาลคริสมาสเค้าต้องบินไปฉลองกับครอบครัวที่ดูไบ เพราะครอบครัวเค้าตกลงกันว่าจะบินมาเจอกันคนละครึ่งทางค่ะ เยอรมัน กับ ไทย ถือว่ามาฮอริเดย์เลยที่ดูไบ ช่วงนั้นเราไปฮ่องกงค่ะ ก็วิดิโอคอลหากันตลอด บางทีก็คิดว่านี่เราอยู่โลกดิสนีย์ใช่มั้ย? หลังจากปีใหม่ เราก็กลับมาเจอกัน และตกลงจะคบกันค่ะ เราเจอเค้าอาทิตย์นึงเกิน 3 วัน ถ้าเราไม่เป็นแฟนกันเราก็จะเลิกเดทแล้วค่ะ เสียเวลาไปวันๆเนอะ แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะเพื่อนๆเค้าก็คุยกับเราว่า พวกยูจะคบกันไปยังไง ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี นี่ไม่ใช่วัยใสไฮสคูวว์นะ เดี๋ยวเค้าก็กลับเยอรมัน ส่วนเราก็จะไปซัมเมอร์ที่อเมริกา แล้วจะคบกันแค่4เดือนน่ะหรอ? บอกตรงๆตอนนั้น ใจจริงก็รู้ทั้งรู้แหละ ว่ายังไงก็ต้องจากกันแต่ก็อยากจะเป็นแฟนกับเค้า คืออารมณ์แบบ ชั้นจะเอา ชั้นชอบคนนี้ เค้าก็คงคิดเหมือนกันมั้ง ….. เห้ออ
Ep.2 ทุกอย่างปกติค่ะ เรามีความสุขด้วยกันแบบงงๆไปนั่นแหละค่ะ ไปไหนไปกัน ใช้ชีวิตภาษาวัยรุ่นแฟนตาซีทั่วไป จนกระทั่งวันนึง เค้าพูดกับเราประมาณว่า ยูรู้ใช่มั้ยว่า ไอกำลังจะกลับเยอรมันแล้วนะ อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะ อีกไม่นานยูก็เรียนจบ แล้วยูก็จะไปเมกาแล้ว บอกตรงๆ ไอคิดไม่ออกเลยว่าความสัมพันธ์ของเราจะเป็นไปได้ยังไง แล้วก็พูดๆๆ อารมณ์ผู้ขอเท
ผู้จะห่างกันสักพัก อ้างว่ายุ่ง มีคนไข้ติดพัน ต้องผ่าตัด ใช้สมาธิมากมาย 108 เหตุผล ใช่ค่ะ เค้าขอห่าง ตอนนั้นพีคมาก ยอมรับว่าเสียใจ กุไม่น่าเลยฮืออออ ผ่านไปไม่ถึง 3 วันเค้าก็กลับมา ขอโทษ และ ย้ำว่า ยังไงก็จะไม่ไปหาเราที่เมกาแน่นอน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง แต่เราเป็นคนพิเศษสำหรับเค้านะ คือง่ายๆ มันมีจุดยืนว่า มันคิดได้ ยังไงก็ไม่มีทางที่เราจะไปกันได้จริงๆ
เค้าคุยกับครอบครัวและเพื่อนๆแล้ว ทุกคนก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เรามันต่างกันมากในหลายๆอย่าง อ้างนุ่นนี่นั่น เออ เราก็อาละวาดสุด ตอนแรกยูมาจีบไอทำไม บอกแล้วไง เห็นมั้ย สุดท้ายไอก็เสียใจจริงๆด้วย หลังจากวันนั้น เค้าก็ยังโทรหา ติดต่อเจอกันอยู่บ้างค่ะ แต่ก็บ่อยเหมือนเดิมนะ ไหนมันจะห่างไง งง เวลาผ่านไปเร็วมากกก เราใช้เวลาด้วยกันปกติเหมือนเดิม มีทะเลาะกันบ้างทั่วๆไป ครอบครัวเราทุกคนรู้จักเค้าหมดค่ะ เข้าเดือนสุดท้าย February 2016 กุมภานั้นชั้นขาดใจจจจจ T________T
เค้าบอกว่า นี่คือเดือนสุดท้ายของเค้าที่ไทยแล้วนะ จากกันครั้งนี้ก็ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ คือชอตนี้จะร้องไห้ เราก็บอกว่า ยูสัญญาสิว่า เดี๋ยวเราจะได้เจอกันอีก คำตอบคือ I’ve no idea baby ……. เออเอาเถอะ ชั่งหัวมัน รำคาญ
เราไปเที่ยวด้วยกันหลายที่มาก กิจกรรมครอบครัวก็มี เพื่อนก็มา คือเราเต็มที่กับเค้ามากในทุกๆด้าน วันเกิด วาเลนไทน์ ไหว้พระขึ้นเขาลงห้วย คือจัดเต็มหมด ไหนๆก็จะจากกันแล้วเนอะ คืนสุดท้ายก็มาถึง!!!! จำได้ดีว่า เรากินมื้อค่ำกันเสร็จ เรานั่งร้องไห้อยู่ข้างถนนสุขุมวิท ซอย20 จำได้หมด! คือฟิลแบบโลกนี้ช่างมืดมิด ฟ้าถล่มโลกสลายอะไรประมาณนั้น นังตัวดีก็นั่งอยู่ข้างๆเรานี่แหละ ก็กอดปลอบๆกันไป คือตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลยจริงๆ เค้าก็พูดว่า ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย รักนะ แต่ทำไงได้ สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี เค้ามีแม่ มีน้องชายที่ต้องดูแล แต่ไม่ต้องคิดมากนะ ไอจะโทรหาทุกวันแบบที่ทำ จะเหมือนเดิม สัญญา ...
****วันสุดท้ายของเดือนกุมภาก็มาถึง คืนนั้นนอนร้องไห้ทั้งคู่ค่ะ เวลาผ่านไปแบบไวเวอร์ เราไปส่งเค้าที่สนามบินกับครอบครัวเรา ร้องไห้ขี้มูกโป่ง goodbye kisses สวยๆ ผู้ชายจูบลาแล้วเดินจากไปน้ำตาซึมๆ คือ เห้ยยยย นี่มัน Heart Break! และกุนางเอกมากกก
ปล. ปีนี้ 2017เดือนนี้เป็นเดือนที่

สุด On this day ทุกวันค่า เฟสบุคย้ำเตือนหมด เพราะเราโพสต์รูปคู่กันบ่อยมากกก เกลียดเฟสบุค
Ep.3 Broken heart ................. ก่อนจะตัดสินใจเทเมกาไปหาผู้ชาย
ตีแผ่ ชีวิตรักข้ามขอบฟ้า 18+
***** ไม่เหมาะกับชะนีโลกสวยนะคะ อาจจะมีคำพูดไม่สุภาพ พฤติกรรมไม่น่ารัก รวมถึง18+ นิดนึงค่ะ
นี่เรื่องราวชีวิตรักของเราและผู้ชาย(ฝรั่ง)คนนึงที่เกิดขึ้นจริงและยังคงตามหลอกหลอนเราจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็เป็นความทรงจำดีๆที่เกิดขึ้นจริง และนึกถึงทีไรก็ทั้งสุขทั้งเศร้าใจเหมือนกัน เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่ ไทย และ อังกฤษค่ะ
... You are my heartbeat …
Ep.1 ย้อนกลับไปเมื่อปีที่แล้วปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมาตอนนั้นเราเป็นนิสิต ปี4 ช่วงก่อนฝึกงาน คือกำลังจะเรียนจบแล้วค่ะ เราได้เจอกับผู้ชายคนนี้ที่ผับดังย่านRCA วันนั้นเราไปกับเพื่อนสาวคนนึงและแฟนของเพื่อนเรา ซึ่งเราไปเป็นตัวแถมนั่นแหละค่ะ รู้สึกจะเป็นคืนวันศุกร์ จขกท ก็ได้เจอกับเค้าและเพื่อนเค้ารวม 6 คน รู้ทีหลังว่าเป็นนักศึกษาแพทย์แลกเปลี่ยนปีสุดท้ายจากเยอรมัน อ่ะต่อๆๆๆ
เค้ายืนอยู่ตรงนั้นพอดี (หน้าบาร์ที่เรากำลังสั่งดริ้ง) แล้วเค้าก็หันมาสะกิดเรา ยิ้มให้คุยกันตามประสาวัยรุ่นมาเที่ยว แล้วก็แลก WhatsApp กัน จากนั้นเพื่อนๆเยอรมันของเค้าก็เข้ามาทำความรู้จักกับเรา ซึ่งพวกเค้าพึ่งถึงไทยได้3วัน ก็เลยแนะนำที่เที่ยวแลกเปลี่ยนคุยกันธรรมดา แต่ครั้งแรกที่เจอกันยังจำได้จนทุกวันนี้ คือ First Impression มันดีมาก ดีจริงๆ! หลายคนคงนึกออกเนอะว่า ความประทับใจครั้งแรกระหว่างคุณกับแฟนมันเป็นยังไง? เราออกมานั่งคุยกันเป็นชั่วโมง สรุปคือ พวกเค้าจะอยู่ที่ไทยแค่ 4เดือนเท่านั้น และทุกคนทำงานที่ รพ.รัฐแห่งนึง แถว สวนลุม คืนนั้นเวลาผ่านไปเร็วมากกก ก่อนกลับบ้านก็ไม่ได้อะไร คือผู้ชายขอคิสส์ค่ะ!! เราก็บอกเค้าไปว่า I’m not looking for fun , did you? เค้าก็บอกว่า แค่คิสส์มันเป็นเรื่องปกติของบ้านเค้า ไม่ได้จะชวนไปมีเซกส์สักหน่อย ถ้ายูไม่ชอบไอ ก็ไม่เป็นไร ขอโทษที่ทำให้รำคาญ “....No! I think I like you … OK Just one kiss “ เราคิสส์ ใช่ค่ะ! จบแยก!! ก็ลากันกลับบ้านกลับคอนโดปกติ
ตอนนั้นเราคิดไว้แล้วว่ายังไงก็คงจะไม่ keep contact กับคนนี้แน่ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคิดแบบนั้น ความรู้สึกบอกว่า คนนี้จะต้องทำให้เราดราม่าแน่นอน เลือกที่จะเทค่ะ !! หลังจากคืนนั้น เค้าก็ส่งข้อความหาเราเรื่อยๆ ขอไลน์ เฟสบุค คือติดตามเราทุกช่องทาง พยายามเข้าหาเรามากกก อันนี้ไม่ได้หลงตัวเองนะ แต่นั่นแหละ …. คิดซะว่า ยังไงก็ถือว่า ฝึกภาษาแล้วกันเนอะ เป็นเพื่อนกันก็ได้ เรามีแพลนจะไปซัมเมอร์ที่เมกาอยู่แล้วยังไงก็ได้ ชั่งมัน ชั้นไม่แคร์ !! ผ่านไป2วัน เค้าก็ขอเดท เราก็ไม่รู้จะทำยังไง จัดไปค่ะ ตกลง เจอกันคืนนี้
จำได้เลย ตอนนั้นเริ่มเข้าฤดูหนาว อากาศดีมากกก ณ CTW ลานเบียร์สิงห์ 5555 ผู้ชายก็มายืนรอแบบ งงๆ คงคิดแบบ พากุมาทำไมลานเบียร์ สุดท้ายก็ตกลงขึ้นไปดื่ม Red sky Rooftop ค่ะ ชมวิวจิบไวน์ โรม๊านนซ์ไปอีก เดทแรกผ่านไปด้วยดี หลังจากคืนนั้นขับรถกลับบ้านรู้สึกแปลกๆแล้ว เราก็เลยไม่ค่อยตอบไลน์ วอทแอพ เททุกช่องทางแล้วค่ะ คือพยายามตีตัวออกห่างเพราะอะไรที่มัน Perfect เกินไป มันอันตรายแท้เด้อ… เห้อออ
แต่ยิ่งเทมันก็ยิ่งสู้ เค้าก็โทรมาถามเราว่า ยูเป็นไร ทำไมไม่เหมือนเดิม แปลกๆไปนะ คือไอทำไรผิดหรอ? ประมาณนั้นแหละค่ะ เราก็เลยเปิดใจคุยแบบวีนๆ ไปเลยทีเดียวจะได้จบๆไป ไม่ต้องลำไยกันอีก ยูจะมาคุยกับไอทำไมบ่อยๆ เพื่ออะไร? ยูอยู่ที่นี่แค่4เดือน จะมาเดทกันเล่นๆทำไม? ไอไม่ใช่ไกด์นำเที่ยวและไอก็ไม่ได้ว่างมากนะ จบที่ประโยคนี้จำได้แม่นเลย “ It’s not gonna work between us” ชัดมาก! ผู้เงียบไปสักพัก ตอบกลับมาว่า “See you tomorrow at your university, goodnight sleep well” จบ ตัดสาย มันวางโทรศัพท์ใส่ คืนนั้นก็คิดว่าเค้าคงไม่มาเจอหรอก
แต่เค้าก็มาตามที่พูดไว้จริงๆ รออยู่ที่ Starbucks มหาลัย จขกท เรียนที่มหาลัยชื่อดังย่านอโศกค่ะ เราปรับทัศนคติกันไปสักพัก สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่า เค้าชอบเรา อยากรู้จักจริงๆ ไม่ได้หวังอะไรอื่นๆจากเรา ถ้าเราไม่ชอบเค้า หรือเจอใครถูกใจก็บอกกันตรงๆ เราก็ตกลงว่า เราโสดนะ เราจะเดทกันต่อ 5555 … ตลอดเวลาที่เราเรียนรู้กัน ก็ทำทุกอย่างแบบคู่รักปกติทั่วไปค่ะ เรามีความสุขกับช่วงเวลานั้นมาก
จำได้ว่าก่อนเทศกาลคริสมาสเค้าต้องบินไปฉลองกับครอบครัวที่ดูไบ เพราะครอบครัวเค้าตกลงกันว่าจะบินมาเจอกันคนละครึ่งทางค่ะ เยอรมัน กับ ไทย ถือว่ามาฮอริเดย์เลยที่ดูไบ ช่วงนั้นเราไปฮ่องกงค่ะ ก็วิดิโอคอลหากันตลอด บางทีก็คิดว่านี่เราอยู่โลกดิสนีย์ใช่มั้ย? หลังจากปีใหม่ เราก็กลับมาเจอกัน และตกลงจะคบกันค่ะ เราเจอเค้าอาทิตย์นึงเกิน 3 วัน ถ้าเราไม่เป็นแฟนกันเราก็จะเลิกเดทแล้วค่ะ เสียเวลาไปวันๆเนอะ แต่เรื่องนี้มันก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะเพื่อนๆเค้าก็คุยกับเราว่า พวกยูจะคบกันไปยังไง ในเมื่อสุดท้ายก็ต้องจากกันอยู่ดี นี่ไม่ใช่วัยใสไฮสคูวว์นะ เดี๋ยวเค้าก็กลับเยอรมัน ส่วนเราก็จะไปซัมเมอร์ที่อเมริกา แล้วจะคบกันแค่4เดือนน่ะหรอ? บอกตรงๆตอนนั้น ใจจริงก็รู้ทั้งรู้แหละ ว่ายังไงก็ต้องจากกันแต่ก็อยากจะเป็นแฟนกับเค้า คืออารมณ์แบบ ชั้นจะเอา ชั้นชอบคนนี้ เค้าก็คงคิดเหมือนกันมั้ง ….. เห้ออ
Ep.2 ทุกอย่างปกติค่ะ เรามีความสุขด้วยกันแบบงงๆไปนั่นแหละค่ะ ไปไหนไปกัน ใช้ชีวิตภาษาวัยรุ่นแฟนตาซีทั่วไป จนกระทั่งวันนึง เค้าพูดกับเราประมาณว่า ยูรู้ใช่มั้ยว่า ไอกำลังจะกลับเยอรมันแล้วนะ อีกแค่เดือนเดียวเท่านั้น เวลาผ่านไปไวเหมือนกันนะ อีกไม่นานยูก็เรียนจบ แล้วยูก็จะไปเมกาแล้ว บอกตรงๆ ไอคิดไม่ออกเลยว่าความสัมพันธ์ของเราจะเป็นไปได้ยังไง แล้วก็พูดๆๆ อารมณ์ผู้ขอเท
ผู้จะห่างกันสักพัก อ้างว่ายุ่ง มีคนไข้ติดพัน ต้องผ่าตัด ใช้สมาธิมากมาย 108 เหตุผล ใช่ค่ะ เค้าขอห่าง ตอนนั้นพีคมาก ยอมรับว่าเสียใจ กุไม่น่าเลยฮืออออ ผ่านไปไม่ถึง 3 วันเค้าก็กลับมา ขอโทษ และ ย้ำว่า ยังไงก็จะไม่ไปหาเราที่เมกาแน่นอน เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง แต่เราเป็นคนพิเศษสำหรับเค้านะ คือง่ายๆ มันมีจุดยืนว่า มันคิดได้ ยังไงก็ไม่มีทางที่เราจะไปกันได้จริงๆ
เค้าคุยกับครอบครัวและเพื่อนๆแล้ว ทุกคนก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ เรามันต่างกันมากในหลายๆอย่าง อ้างนุ่นนี่นั่น เออ เราก็อาละวาดสุด ตอนแรกยูมาจีบไอทำไม บอกแล้วไง เห็นมั้ย สุดท้ายไอก็เสียใจจริงๆด้วย หลังจากวันนั้น เค้าก็ยังโทรหา ติดต่อเจอกันอยู่บ้างค่ะ แต่ก็บ่อยเหมือนเดิมนะ ไหนมันจะห่างไง งง เวลาผ่านไปเร็วมากกก เราใช้เวลาด้วยกันปกติเหมือนเดิม มีทะเลาะกันบ้างทั่วๆไป ครอบครัวเราทุกคนรู้จักเค้าหมดค่ะ เข้าเดือนสุดท้าย February 2016 กุมภานั้นชั้นขาดใจจจจจ T________T
เค้าบอกว่า นี่คือเดือนสุดท้ายของเค้าที่ไทยแล้วนะ จากกันครั้งนี้ก็ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ คือชอตนี้จะร้องไห้ เราก็บอกว่า ยูสัญญาสิว่า เดี๋ยวเราจะได้เจอกันอีก คำตอบคือ I’ve no idea baby ……. เออเอาเถอะ ชั่งหัวมัน รำคาญ
เราไปเที่ยวด้วยกันหลายที่มาก กิจกรรมครอบครัวก็มี เพื่อนก็มา คือเราเต็มที่กับเค้ามากในทุกๆด้าน วันเกิด วาเลนไทน์ ไหว้พระขึ้นเขาลงห้วย คือจัดเต็มหมด ไหนๆก็จะจากกันแล้วเนอะ คืนสุดท้ายก็มาถึง!!!! จำได้ดีว่า เรากินมื้อค่ำกันเสร็จ เรานั่งร้องไห้อยู่ข้างถนนสุขุมวิท ซอย20 จำได้หมด! คือฟิลแบบโลกนี้ช่างมืดมิด ฟ้าถล่มโลกสลายอะไรประมาณนั้น นังตัวดีก็นั่งอยู่ข้างๆเรานี่แหละ ก็กอดปลอบๆกันไป คือตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครเลยจริงๆ เค้าก็พูดว่า ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย รักนะ แต่ทำไงได้ สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี เค้ามีแม่ มีน้องชายที่ต้องดูแล แต่ไม่ต้องคิดมากนะ ไอจะโทรหาทุกวันแบบที่ทำ จะเหมือนเดิม สัญญา ...
****วันสุดท้ายของเดือนกุมภาก็มาถึง คืนนั้นนอนร้องไห้ทั้งคู่ค่ะ เวลาผ่านไปแบบไวเวอร์ เราไปส่งเค้าที่สนามบินกับครอบครัวเรา ร้องไห้ขี้มูกโป่ง goodbye kisses สวยๆ ผู้ชายจูบลาแล้วเดินจากไปน้ำตาซึมๆ คือ เห้ยยยย นี่มัน Heart Break! และกุนางเอกมากกก
ปล. ปีนี้ 2017เดือนนี้เป็นเดือนที่
Ep.3 Broken heart ................. ก่อนจะตัดสินใจเทเมกาไปหาผู้ชาย