"ปี 2563 ไฟฟ้าในภาคใต้จะขาดแคลน แม้ส่งไฟจากภาคกลางไปช่วย" คุณจะแก้ปัญหานี้อย่างไร "กรณีไม่ได้สร้างโรงไฟฟ้ากระบี่" ครับ





https://pantip.com/topic/34233546
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 6
ขอคัดลอกจาก Face book มาครับ อ่านเเล้วเข้าใจง่ายดี อาจจะไม่ตรงกับที่ จขกท. ถาม เเต่ผมเห็นมันน่าสนใจดี

...............................................................................................................................................................................................

ผมขอประกาศไว้ก่อนเลยก่อนจะเข้าใจผมแบบผิดๆ ตัวผมเองนั้นไม่ชอบโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่ก็ไม่ถึงกับเกลียดจนมองว่ามันคือตัวน่ากลัวตัวซวยแบบถ้ามีแล้วบ้านเมืองยิ้มอะไร พอๆกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่ผมไม่เคยกลัวมันเลยสักนิด แต่เพียงแต่ไม่ชอบระบบความปลอดภัยแบบไม่เต็มร้อยของระบบแกนปฎิกรณ์โบราณของมันที่มีขายของระบบส่วนใหญ่ในโลกนี้ ซึ่งต่างกับระบบถาดกรวดของเตายุคใหม่ที่ไทยเรายังไม่มีปัญญาจะใช้เท่านั้น

บนพื้นฐานของผมแล้วคนที่จะตัดสินใจว่าควรมีโรงไฟฟ้าที่กระบี่หรือเปล่าคือคนกระบี่เองนั่นแหละครับ เพราะจังหวัดนี้เคยมีโรงไฟฟ้าถ่านหินเดินเครื่องมาแล้วมาตั้งแต่ 2507 - 2538 ด้วยถ่านหินลิกไนท์ในพื้นที่นั่นเอง คนในพื้นที่จะรู้ดีว่าชอบหรือไม่ชอบ ส่วนสาเหตุของการปลุกโรงไฟฟ้ากระบี่ขึ้นมาอีกรอบนั้นก็คงเป็นเรื่องของกำลังไฟฟ้าที่ทางภาคใต้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ จากธุรกิจท่องเที่ยวที่เวลานี้กลายเป็นรายได้เข้าประเทศอันดับต้นๆ ไปแล้ว

ทำไมถึงต้องมีโรงไฟฟ้าที่สูงเกินค่าเฉลี่ย เรื่องนี้ตอบได้ง่ายๆคือการใช้ไฟฟ้ามันมีช่วงพีคของมันอยู่ครับ ช่วงตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึงสี่ทุ่ม การใช้ไฟฟ้าสูงกว่าค่าเฉลี่ยมากมากมหาศาล และเป็นแบบนี้ทั้งประเทศ ตั้งแต่กระท่อมยาจกจนถึงคฤหาสน์มหาเศรษฐีต่างก็ใช้ไฟฟ้าหนักว่าช่วงอื่นของวันก็ในเวลาช่วงนี้ทั้งสิ้น ดังนั้นกำลังสำรองจะโดนเรียกออกเอามาใช้เพื่อให้ระบบจ่ายพลังงานไม่ล้มลงไปจนไฟดับเป็นจุดๆ

เรื่องนี้ผมเคยใช้ชีวิตผ่านมาแล้วครับสมัยกรุงเทพและฝั่งธนไม่มีไฟฟ้าที่มากพอจนไฟดับในกรุงเทพรายวัน จนต้องเพิ่มเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลเป็นจุดๆ ทั่วกรุงเทพ ไม่เว้นแม้แต่ในสวนลุมพินีและสามเสนก็ยังต้องมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเอาไว้ติดเครื่องเสริมตอนหัวค่ำที่ทุกบ้านเปิดไฟฟ้าใช้ แต่พอประเทศไทยเริ่มมีโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่จากพลังน้ำในเขื่อนต่างๆ และลิกไนท์มากขี้นมาเรื่อยๆ ปัญหาไฟดับตอนค่ำก็หมดสิ้นไป จนคนปัจจุบันลืมไปแล้วว่าไฟฟ้าของประเทศไทยเคยแย่และเลวร้ายขนาดไหน ต่อมาเมื่อประเทศไทยเอาแกสจากอ่าวไทยมาใช้ผลิตไฟฟ้าตามระบบกำเนิดไฟฟ้าแบบคอมไบน์ไซเคิลต่างๆ โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดกลางก็ลดตัวลง โรงไฟฟ้าถ่านหินขนาดใหญ่ก็ลดการเดินเครื่องเหลือเพียงเป็นตัวเสริมช่าวหัวค่ำหรือในหน้าแล้งที่น้ำในเขื่อนเหลือน้อยต้องเก็บน้ำเอาไว้ทำการเกษตรเท่านั้น

จะเห็นว่าปัญหาของโรงไฟฟ้ามันกระทบทั้งประเทศ เอาเพียงแต่โรงไฟฟ้าและภาคการเกษตรแย่งน้ำในเขื่อนกันก็ยุ่งตายห่ะทุกปี ส่วนการผลิตด้วยวิธีอื่น เช่น โซล่าฟาร์ม วินมิลล์ หรือไบโอแมส มันเอามาพึ่งพาไม่ได้ครับ เพราะมันคือพลังงานที่ไม่มีสเถียรภาพและราคาแพง ตอนนี้เราใช้ไฟฟ้ากันเฉลี่ยแล้วหน่วยละ 3.50 บาท แล้วยอมรับได้ไหมว่าค่าไฟฟ้าจะต้องขึ้นไปอีกสักสามถึงสี่เท่าเหมือนเยอรมันและเดนมาร์คที่ค่าไฟฟ้าแพงกว่าอินเดียและจีนรวมถึงไทยถึงเกือบสี่เท่า เพราะว่าหันมาใช้พลังงานสีเขียวพวกโซล่าฟาร์มและวินด์มิลล์ พวกนี้ทดแทนในอัตราส่วนที่สูงขึ้น

*************************************************************

ผมจะพูดถึงเสถียรภาพของพลังงานให้ฟัง เอาที่ตอนกลางคืนก่อน
ตอนกลางคืนช่วงหัวค่ำที่ใช้ไฟฟ้ามาก โซล่าฟาร์มก็จ่ายไฟฟ้าให้ไม่ได้ จะสำรองในแบ็ตเตอรี่เหมือนที่พวกมองโลกสวยงามถือไมค์หน้าทำเนียบเมื่อวานนี้ ก็อยากจะถามว่าจะต้องใช้แบตเตอรี่ใหญ่โตมโหฬารเท่าไรที่จะจ่ายไฟฟ้าให้เมืองทั้งเมืองอยู่รอดมีไฟฟ้าใช้ เพียงรถไฟฟ้าคันเดียวค่าแบตเตอรี่ก็หลายแสนบาทแล้ว แต่นี่คือเมืองทั้งเมืองนะครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอก นอกจากจะทำเป็นสมาร์ทกริดลงไปถึงตามบ้านที่ราคาลงทุนต่อบ้านหนึ่งหลังชนหลักแสนบาททุกบ้าน ผมถามหน่อยว่าใครจะกล้าลงทุนในเงินก้อนนี้ให้กับทุกบ้านที่เชื่อมเข้าสมาร์ทกริด และอีกอย่างภาคใต้มันมีฝนปีละหกเดือนนะครับ นับว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ฉลาดเท่าไร

วินมิลล์ก็เช่นกัน ลมไม่ได้มีมาหมุนใบพัดกังหันกันทั้งวัน เวลาไม่มีลมแล้วต้องการไฟฟ้ามากๆแบบในตอนหัวค่ำมันก็ให้ไฟฟ้าไม่ได้ บางช่วงที่ไฟฟ้าเกินเช่นตอนหลังเที่ยงคืนมันก็หมุนทิ้งเปล่า เพราะไฟฟ้าในระบบมันเกิน ไม่ต้องการอะไรมาเพิ่มแล้ว และอีกอย่างคือลมในเมืองไทยมันไม่ได้มีทั้งวันหรือตลอดปีเหมือนบางประเทศ ดังนั้นมันคือแหล่งพลังงานที่ไม่มีความเสถียรเลยแม้แต่น้อยสำหรับประเทศไทย

ไบโอแมสก็เช่นกัน ถ้าไม่ใช่ฤดูที่ปาล์มน้ำมันมีผลผลิตก็ต้องปิดโรงไฟฟ้าใช่ไหมครับ แล้วปีหนึ่งจะเดินได้สักกี่วัน ผมเคยทำโรงไฟฟ้ากังหันเทอร์ไบน์ ขนาด 6 MW มาบ้าง โดยใช้กากอ้อยมาเผาแล้วปั่นไฟฟ้าใช้ในโรงงานน้ำตาล ที่เหลือก็ขายให้การไฟฟ้าเอาไปจ่ายแถวราชบุรี พอหมดอ้อยแล้วโรงไฟฟ้าก็หยุด เอาไว้ถึงฤดูกาลหน้าค่อยเดินเครื่องใหม่ เรื่องนี้ไม่ต่างกับปาล์มน้ำมัน หมดฤดูไม่มีปาล์มแล้วต้องปิดโรงไฟฟ้าหรือเปล่า กากอ้อยที่ผมเคยออกแบบให้ใช้เผาเอาไอน้ำไปขับเครื่องกังหันแกสเทอร์ไบน์ นั่นมันของฟรีนะครับ หีบอ้อยแล้วก็โยนกากเข้าเตาเลย แต่ปาล์มน้ำมันมันไม่ฟรี ราคาต่อกิโลกรัมสูงพอสมควร เอาเพียงน้ำมันปาล์มขวดหนึ่งลิตรที่ใช้ทอดไข่ทอดปลาในครัวของทุกบ้านนั่น ก็ราคาสามสิบกว่าบาทต่อลิตรแล้ว ทางด้านการตลาดที่มีผลต่อราคา ถ้ามีโรงไฟฟ้ามาแย่งกินน้ำมันกับครัวของคนไทยทั้งประเทศแล้ ราคาน้ำมันปาล์มสำหรับริโภคมันจะกระโดดไปเป็นอีกเป็นลิตรละเท่าไร เดือดร้อนกันทั้งประเทสไหม ค่าไฟฟ้าต่อหน่วยจากการเผาน้ำมันปาล์มต้นทุนจะอยู่ที่หน่วยละเท่าไร จะบอกว่าโยนเข้าไปเผาทั้งทะลายปาล์มนั่นยิ่งเลวร้ายหนักขึ้นไป เพราะว่าขี้เถ้าจากทะลายปาล์มนั้นเบากว่าขี้เถ้าถ่านหินหลายเท่าตัว มันฟุ้งกระจายตามลมไปได้ระยะทางข้ามจังหวัด กำจัดยากกว่าเถ้าหนักของถ่านหิน ความยากง่ายของระบบกำจัดฝุ่นนั้นต่างกันระดับปลายเส้นผมกับหนังส้นตรีนเลยก็ว่าได้ เพราะความละเอียดและมวลของมันเบากว่า ลองคิดถึงขี้เถ้ายากัยยุงแล้วจะนึกภาพออกครับว่าขี้เถ้าทะลายปาล์มนั้นเหมือนกับอะไร

ก๊าซธรรมชาติน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัวกว่า เปิดเดินเครื่องจากเดินเบาอุ่นเตามาเผาต้มไอน้ำเมื่อไรก็มีไฟฟ้าใช้ได้เลยทันที พอไฟฟ้าเกินก็เดินเบาอุ่นเตาเอาไว้ก็พอ เป็นระบบทีมีเสถียรภาพสูงมาก แต่ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยกำลังจะหมดและน้อยลงไปทุกที จนเราต้องซื้อก๊าซจากแหล่งยานาดาและเยตากุนของพม่ามาใช้เสริมใกล้ยี่สิบปีแล้ว แต่ถ้าเราต้องทำโรงไฟฟ้าในพื้นภาคใต้นอกพื้นที่แนวท่อก๊าซเดิมที่มีอยู่ ที่ต้องเลือกใช้ CNG หรือ LNG จากประเทศเพื่อนบ้านมาป้อนโรงไฟฟ้า นั่นก็จะมีปัญหาอีก CNG ตัดทิ้งไป ไม่คุ้มกับการใช้ในรูปเชื้อเพลิงเพราะขนส่งทางเรือได้ครั้งละน้อยกว่าเหมือนแท็กซี่ที่ต้องเติมก๊าซบ่อยๆ เหมาะกับภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเสียมากว่า มองไปที่ LNG น่าจะดีกว่า แต่เรือลำหนึ่งใช้ป้อนโรงไฟฟ้าขนาดกลางได้ ไม่น่าเกินสองวัน สรุปแล้วต้องมีเรือฝูงหนึ่งทีเดียวที่วิ่งแบบไม่ต้องหยุดพักเอา LNG จากต่างประเทศมาป้อนโรงงาน และต้องทำท่าเทียบเรือมาตราฐานความปลอดภัยสูง พร้อมถังเก็บแบบ Full Containment ให้ได้สักสัปดาห์หนึ่ง แล้วต้องมีระบบ Anti Ground Freezing ของบริเวณถังอีก การลงทุนท่าเรือกับถังเก็บพอๆ กับสร้างโรงไฟฟ้าอีกสามโรงเลยเห็นจะได้ ส่วนจะทำท่อส่งมาจากอ่าวไทยนั้นจะคุ้มค่าหรือไม่คงตอบยากเพราะก๊าซในอ่าวไทยก็จะเหลือให้ใช้ได้อีกสักกี่ปี มันคุ้มค่าท่อหรือไม่คงต้องคำนวนกันให้ดีๆ แถมตอนวางแนวเส้นท่อไปโรงไฟฟ้าคงต้องมีการประท้วงก่อม็อบตามแนวเส้นท่อกันวายวอดอีกรอบ น่าปวดหัวแท้ๆ

*************************************************************

ผมจะลองสมมุติเหตุการณ์ในอนาคตที่ไม่อิงกับอะไรทั้งสิ้นครับ ผมเคยร่วมออกแบบอุโมงค์รถไฟฟ้าสายแรกของกรุงเทพ สิ่งหนึ่งที่เป็นแฟ็คเตอร์ในการออกแบบคือถ้าสมมุติว่าเกิดสงครามขึ้นมา อุโมงค์และสถานีระบบรถไฟฟ้าต้องทำตัวเหมือนหลุมหลบภัยขนาดใหญ่ของกรุงเทพ ใส่คนเข้าไปได้หลายแสนคนไม่ต่างกับตอนลอนดอนใช้ระบบอุโมงค์รถไฟฟ้าหนีระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง นี้คือมุมมองทางยุทธศาสตร์ตัวหนึ่งของระบบอินฟาร์สตรักเจอร์ของประเทศไทยที่คนส่วนมากจะไม่รู้ โรงไฟฟ้าก็เช่นกัน ถ้าเราเกิดสภาวะสงครามหรือเพื่อนบ้านอยู่ในสภาวะสงคราม หรือจีนกับอเมริกาทะเลาะกันในทะเลจีนใต้ หรือช่องแคบมะละกาถูกปิด เราต้องพึ่งพาพลังงานบนขาตัวเอง ตัดก๊าซธรรมชาติจากพม่าทิ้ง ตัดไฟฟ้าจากเขื่อนที่ลาวทิ้ง ตัดการซื้อไฟฟ้าจากมาเลย์ทิ้ง แล้วเราจะยังอยู่ได้ไหมกับพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศของตัวเอง จากน้ำจากเขื่อนต่างๆ จากระบบกำเนิดไฟฟ้าแบบคอมไบน์ไซเคิลที่มาจากก๊าชธรรมชาติของเราเอง จากโรงงานกังหันก๊าซจากลิกไนท์จากแม่เมาะ นั่นคือตัวหลัก แล้วตัวรองตามจังหวัดต่างๆ ล่ะ ควรจะมีโรงไฟฟ้าแบบที่มีสเถียรภาพสูงขนาดกลางและขนาดเล็กเก็บทิ้งเอาไว้ไหม ผมคิดว่าคำตอบน่าจะเกิดขึ้นมาแล้วในใจทุกคนว่ามันต้องมี ไม่มีไม่ได้ และในสภาวะแบบนั้นต้องไม่ใช่เอาถ่านหินมาจากอินโดนีเซียตามที่ชงหวานรอกินเอาไว้เสียอีกด้วย มันต้องใช้พลังงานจากใต้ดินและบนดินของไทยเราเองล้วนๆ

****************************************************************

แต่อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าที่กระบี่ คนกระบี่เท่านั้นที่มีสิทธิ์ตัดสินใจ ไม่ว่ารัฐบาลหรือพวก NGO ทั้งหลายมาตัดสินใจแทนคนกระบี่ไม่ได้หรอกครับ เพราะมันไม่ใช่มีคำตอบเดียวว่าสร้างหรือไม่สร้าง ต้องเป็นถ่านหินอินโดอย่างเดียวหรือเปล่า ถ่านหินไทยใช้แทนยามฉุกเฉินได้ไหม แต่มันยังมีตัวเลื่อกเป็น ไบโอแมส และก๊าซธรรมชาติ เข้ามายุ่งอีกด้วยว่าจะสร้างแบบไหนจำนวนของยูนิตแต่เชื่อเพลิงควรเป็นเท่าไร และทำไมถึงต้องเป็นที่กระบี่ไม่เป็นที่จังหวัดอื่น คนอื่นอาจจะมองแล้วยุ่ง แต่สำหรับผมเองไว้เรื่องนี้ไม่ยุ่งหรอกครับถ้าคิดแบบเป็นระบบและอิงกับหลักความจริง ไม่ใช่เอาแต่คิดไปเองแบบ "จิ้นน้ำแตก" เหมือนพวกถือไมค์บนเวที

Trust Me, I'm an "Engineer"
ที่มา: https://www.facebook.com/von.richthofen.7/posts/1462992130411060
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่