เรื่องมันมีอยู่ว่า เรามีเพื่อนสนิทรุ่นน้องคนหนึ่งที่เรากักและหวังดีกับเขามากๆ อยากให้เขามีอนาคตที่ดี ไปได้ไกลกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งเรา 2 คนก็ช่วยเหลือกันมาตลอด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเราที่ช่วยเหลือบ่อยกว่า
เราต้องเจอกันเกือบทุกวัน ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะเขาไม่มีรถ และเดินทางค่อนข้างลำบาก และเขามักมีปัญหาส่วนตัวตลอด ทั้งเรื่องที่สำคัญ และเรื่องที่ไม่สำคัญ เค้าก็จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างมาคิดมาเครียดไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งบางทีเราก็มองว่ามันเรื่องเล็กนิดเดียว มันไร้สาระ แต่เราก็เข้าใจแหละว่าแต่ละคนมองปัญหาว่าสำคัญมากน้อยต่างกัน ซึ่งเราเองอาจจะเป็นคนปล่อยวางได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ อะไรที่เราเห็นว่าเค้าเครียดมากเกินไป เราก็คอยเตือนว่าจะคิดไปทำไม เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ใช้ชีวิตให้ระวังตัวหน่อย เพราะรู้สึกว่าเขาเจอปัญหาแบบเดิมๆ ซ้ำๆ จนทำให้เรามองว่าเค้าทำตัวเอง ไม่รอบคอบกับชีวิตเอง แต่ด้วยเราอาจจะคิดว่าเราสนิทกับเค้ามาก เราจึงอาจใช้ทำพูดที่มันตรงเกินไป อาจจะฟังดูแรง แต่มันก็ด้วยความหวังดีทั้งนั้น สุดท้ายเขากลับมองว่าที่เขาเป็นอยู่นั้นมันคือชีวิตของเขา เขาเครียดมันก็เรื่องของเขาสิทธิ์ของเขา ถ้าเขาต้องระวังทุกฝีก้าว เขาก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องคุยกับใครกันพอดี ซึ่งเราก็ไม่เถียง เพราะมันเป็นเรื่องของเขาจริงๆ เราเองเราก็มีเรื่องเครียดมากๆ ของเราเหมือนกัน เราเข้าใจ แต่เราไม่ค่อยแสดงออกให้ใครรับรู้เท่านั้น
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราต้องเจอเค้าในสภาพแบบนี้ตลอด เครียดตลอด มีปัญหาตลอด หดหู่ตลอด เรารู้สึกว่ามันทำให้ชีวิตเราไม่สดชื่นเอาซะเลย เราอึดอัดที่จะต้องมานั่งอยู่ข้างๆ คนจมความทุกข์ทุกวัน เราทำตัวไม่ถูกเลย ครั้นจะปล่อยให้เขาดูแลตัวเองก็กลัวจะถูกมองว่าไม่มีน้ำใจ ทิ้งเพื่อน ขนาดไปไหนมาไหนเรายังไม่กล้าเรียกร้องให้เขาช่วยเหลือค่ารถ ค่าน้ำมันเลย เพราะเขาเองก็ไม่เคยแสดงออกว่าเขาจะช่วยจ่าย เราก็พยายามคิดว่าไม่เป็นไรน่า มันก็ทางเดียวกัน เอาไว้ช่วยเหลืออย่างอื่นกันดีกว่า จริงไหนมาไหนเราก็อยากพาเขาไปทุกที่นะ อยากพาเขาไปเจอสังคมดีๆ แต่บ่อยครั้งที่เขาก็ทำตังซังกะตาย ทำให้คนที่ไปด้วยหมดสนุก เราก็ยิ่งรู้สึกผิดไปด้วย บางครั้งเขาก็ขอไปด้วย แต่ก็ไปนั่งซังกะตายเหมือนเดิม จนเราหมดสนุก จนหลังๆ ก็ไม่อยากพาไปไหนด้วยแล้วเพราะการแสดงออกของเขาเอง
สุดท้าย เรารู้สึกว่าเราหวังดีกับเขาจริงๆ นะ แต่เรากลับอึดอัดกับสภาพแบบนี้จัง ควรทำไงดี
เราอึดอัดกับพฤติกรรมส่วนตัวของคนใกล้ชิดที่ต้องเจอกันแทบทุกวัน แต่เมื่อเราบอกเตือนเขา เขากลับมองว่ามันเป็นสิทธิส่วนตัว
เราต้องเจอกันเกือบทุกวัน ต้องไปไหนมาไหนด้วยกัน เพราะเขาไม่มีรถ และเดินทางค่อนข้างลำบาก และเขามักมีปัญหาส่วนตัวตลอด ทั้งเรื่องที่สำคัญ และเรื่องที่ไม่สำคัญ เค้าก็จะเก็บทุกสิ่งทุกอย่างมาคิดมาเครียดไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งบางทีเราก็มองว่ามันเรื่องเล็กนิดเดียว มันไร้สาระ แต่เราก็เข้าใจแหละว่าแต่ละคนมองปัญหาว่าสำคัญมากน้อยต่างกัน ซึ่งเราเองอาจจะเป็นคนปล่อยวางได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ อะไรที่เราเห็นว่าเค้าเครียดมากเกินไป เราก็คอยเตือนว่าจะคิดไปทำไม เอาเวลาไปทำอย่างอื่น ใช้ชีวิตให้ระวังตัวหน่อย เพราะรู้สึกว่าเขาเจอปัญหาแบบเดิมๆ ซ้ำๆ จนทำให้เรามองว่าเค้าทำตัวเอง ไม่รอบคอบกับชีวิตเอง แต่ด้วยเราอาจจะคิดว่าเราสนิทกับเค้ามาก เราจึงอาจใช้ทำพูดที่มันตรงเกินไป อาจจะฟังดูแรง แต่มันก็ด้วยความหวังดีทั้งนั้น สุดท้ายเขากลับมองว่าที่เขาเป็นอยู่นั้นมันคือชีวิตของเขา เขาเครียดมันก็เรื่องของเขาสิทธิ์ของเขา ถ้าเขาต้องระวังทุกฝีก้าว เขาก็ไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องคุยกับใครกันพอดี ซึ่งเราก็ไม่เถียง เพราะมันเป็นเรื่องของเขาจริงๆ เราเองเราก็มีเรื่องเครียดมากๆ ของเราเหมือนกัน เราเข้าใจ แต่เราไม่ค่อยแสดงออกให้ใครรับรู้เท่านั้น
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เราต้องเจอเค้าในสภาพแบบนี้ตลอด เครียดตลอด มีปัญหาตลอด หดหู่ตลอด เรารู้สึกว่ามันทำให้ชีวิตเราไม่สดชื่นเอาซะเลย เราอึดอัดที่จะต้องมานั่งอยู่ข้างๆ คนจมความทุกข์ทุกวัน เราทำตัวไม่ถูกเลย ครั้นจะปล่อยให้เขาดูแลตัวเองก็กลัวจะถูกมองว่าไม่มีน้ำใจ ทิ้งเพื่อน ขนาดไปไหนมาไหนเรายังไม่กล้าเรียกร้องให้เขาช่วยเหลือค่ารถ ค่าน้ำมันเลย เพราะเขาเองก็ไม่เคยแสดงออกว่าเขาจะช่วยจ่าย เราก็พยายามคิดว่าไม่เป็นไรน่า มันก็ทางเดียวกัน เอาไว้ช่วยเหลืออย่างอื่นกันดีกว่า จริงไหนมาไหนเราก็อยากพาเขาไปทุกที่นะ อยากพาเขาไปเจอสังคมดีๆ แต่บ่อยครั้งที่เขาก็ทำตังซังกะตาย ทำให้คนที่ไปด้วยหมดสนุก เราก็ยิ่งรู้สึกผิดไปด้วย บางครั้งเขาก็ขอไปด้วย แต่ก็ไปนั่งซังกะตายเหมือนเดิม จนเราหมดสนุก จนหลังๆ ก็ไม่อยากพาไปไหนด้วยแล้วเพราะการแสดงออกของเขาเอง
สุดท้าย เรารู้สึกว่าเราหวังดีกับเขาจริงๆ นะ แต่เรากลับอึดอัดกับสภาพแบบนี้จัง ควรทำไงดี