อลหม่านหลังม่านวันดีเดย์....ภาคเจ็ด!!

ต่อจากกระทู้ภาคหกค่ะ  https://pantip.com/topic/36110416  


ตอน...แค้นนี้..สามสิบปีก็ยังไม่สาย..!!

ดิฉันได้เล่ามาถึง The Battle of the Bulge ที่โดยปรกติแล้ว หาอ่านเอาที่ไหนก็ได้ เพราะมันเป็นสงครามจุดพลิกผันที่นองเลือดแบบท่วมทาแผ่นดิน
แต่...ที่เล่ามาเพราะอยากจะเล่าถึงส่วนประกอบอื่นๆ...รวมทั้งตัวบุคคลที่น่าสนใจไม่แพ้กัน  นั่นคือ Standartenführer Joachim (หรือ Jochen) Peiper



ผู้ที่เป็นทั้งสองด้านหมายถึง ระหว่าง ซาตานและวีรบุรุษ
แล้วแต่ใครจะมองมุมไหน..
ดิฉันชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มาตั้งแต่ไหนแต่ไร  มารู้ตัวก็ตอนย่างเข้าวัยกลางคนนี่แหละ ว่าจริงๆแล้วดิฉันอ่านหนังสือธรรมะในอีกรูปแบบหนึ่งต่างหาก เพราะในเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต รวมไปถึงตัวบุคคล
ล้วนแต่เป็นเหตุเป็นผล เป็นละครภาคชีวิตจริง...ที่โดยรวมแล้ว ก็คือ เกิดจากกรรมใดใครก่อ หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยจริงๆ
อย่างเรื่องของ ผบหน่วย. โจคิม ไปเปอร์ ในเหตุการณ์สังหารหมู่ทหารอเมริกัน 84 นาย (Malmedy Massacre) ที่หมู่บ้าน Malmedy, Belgium  รวมทั้งชาวบ้านในหมู่บ้านอีกหลายชีวิตด้วยกัน


และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ แม่ทัพ Anthony McAuliffe ได้แจก "Nuts" ให้กับฝ่ายเยอรมันที่เข้ามายื่นข้อเสนอให้ยอมแพ้....

เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้..เกิดขึ้นในเวลาเดียวกันกับการบุกของทหารเยอรมัน ในเดอะ แบตเติล ออฟ เดอะ โบล์จ ที่เสียงปืนแตกขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคม 1944
ซึ่งวันรุ่งขึ้น..คือ วันที่ 17 ธันวาคมนั้น...หน่วยลาดตระเวณที่ 285 แห่งกองพลปืนใหญ่ได้ออกมาเพื่อทำภาระกิจดูเส้นทาง และตำแหน่งของจุดตกของกระสุนที่มาจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งหน่วยนี้ไม่ได้ติดอาวุธอะไรอื่นมากไปกว่าไรเฟิล
และปืนพกธรรมดา และไม่มีใครได้ระแวงหรือระวังระไวเลยว่า...หน่วยเอสเอสของเยอรมันได้บุกข้ามเส้นมาแล้ว...


เมื่อหน่วยลาดตระเวณขับรถที่เรียงกันได้มาถึงแยก Baugnez ก็มาปะกับหน่วยรถถังปันเซอร์ที่หนึ่ง นำโดย ผบ.หน่วย วัย 29 ปี โจคิม ไปเปอร์  นายทหารผู้มีประวัติดีเด่น ที่มีฉายาว่า มือตะไลเพลิง


เมื่อหน่วยลาดตระเวณขับรถที่เรียงกันได้มาถึงแยก Baugnez ก็มาปะกับหน่วยรถถังปันเซอร์ที่หนึ่ง นำโดย ผบ.หน่วย วัย 29 ปี โจคิม ไปเปอร์  นายทหารผู้มีประวัติดีเด่น ที่มีฉายาว่า มือตะไลเพลิง
เขาพูดภาษาอังกฤษได้ดี  มีลักษณะเป็นนายทหารทุกกระเบียดนิ้ว รูปร่างสมาร์ท หน้าตาหล่อเหลา และเป็นที่รักในหมู่ของเอสเอสทุกหน่วย
เขาเคยผ่านการรบที่รัสเซีย และไปที่ไหนก็เผาราบที่นั่น...อีกทั้งเป็นเอสเอสที่อยู่ใกล้ชิดกับวงใน โดยเฉพาะกับ  Heinrich Himmler ที่เขามีส่วนช่วยในการกวาดต้อนยิวที่ได้รับมอบหมายมา..

ทันที่ที่ได้ประจันหน้า...หน่วยรถถังได้ลั่นกระสุนใส่รถจี๊บคันแรกที่นำขบวนทันที...ทหารอเมริกันทั้งหมดจึงต้องหยุดและยอมเป็นเชลยแต่โดยดี...
ทุกคนรวมกันประมาณร้อยกว่านาย...ถูกต้อนให้ไปยืนรวมกันเป็นกลุ่มที่ทุ่งนาในละแวกใกล้ๆ ต่างก็ชูแขนทั้งสองข้างขึ้นเป็นลักษณะของการยอมเป็นเชลยศึก
จากนั้น...มีเสียงสั่งให้ทหาร "ยิง"  
เชลยอเมริกันเหล่านั้น...ร่วงลงกันพื้นราวกับใบไม้ที่ปลิดปลิว...
เท่านั้นไม่พอ...มี SS ที่พูดภาษาอังกฤษได้เดินเข้ามาดูสภาพศพ...พร้อมถามว่า...ใครที่บาดเจ็บต้องการความช่วยเหลือบ้าง...
ถ้ามีเสียงตอบ...นั่นหมายถึง การที่จะโดนกระสุนลั่นมาซ้ำเติม...
นับได้ทั้งหมด 81 ศพ...นั่นเป็นสิ่วที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดขึ้นกับทหารอเมริกันในสงครามโลกครั้งที่สอง...เพราะมันเป็นการสังหารคนในสภาพของเชลยศึก..

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่